เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 463
พาเด็กสองคนมาเล่นอยู่ที่สวนเด็กเล่นมาครึ่งค่อนวัน ลี่เฉินซีรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปเป็นปี
แต่ว่า ไม่ใช่หนึ่งวัน แต่ว่าทุกนาทีทุกวินาทีก็ยาวนานทรมานเหมือนผ่านไปหลายศตวรรษ
ชีวิตของเขาก็ไม่ใช่ว่าเป็นคุณพ่อครั้งแรก เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าดูแลเด็กสองคน ที่แท้ลำบาก ขนาดนี้
ในนั้นคนหนึ่งเป็นลูกสาวของเขา จ้องมองสาวน้อยที่นั่งชิงช้ากินไอศกรีมอยู่ เขามีความรู้สึกอยากไป ตรวจDNA เพื่อยืนยันว่าเป็นลูกสาวแท้ๆของเขาจริงหรือเปล่า?
ตั้งแต่หลังจากเข้ามาในสวนเด็กเล่น รถไฟเหาะ ชิงช้าสวรรค์ รถไฟเหาะตีลังกา……. แทบทุกจุดที่สูงและยากๆ ทุกรายการไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่าสิบห้ามาเล่น เด็กสอนคนก็จะให้เขาไปเล่น จนหมด เด็กๆ ก็ยืนมองอยู่ข้างล่าง อีกทั้งไม่ใช่แค่รอบเดียว
โดยเฉพาะรถไฟเหาะ ที่นี่คือสนามเด็กเล็กที่ใหญ่ที่สุดในเมืองA รถไฟเหาะเป็นเครื่องเล่นที่สูงและยาก ที่สุดในประเทศ ยอดสูงสุด สูงถึงหลายรอบเมตรขึ้นไป ระดับความตื่นเต้น ทำให้หัวใจจะวาย
ซีซีจ้องมองกลุ่มคนมากมายที่กรีดร้องอยู่ข้างบน เธอก็จะอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังออกมา มีความรู้สึก ยืนอยู่ข้างล่างสบายกว่าเยอะ อีกอย่าง สาวน้อยคนนี้ดูเหมือนจะหมกมุ่นกับเครื่องเล่นนี้มาก ให้ลี่เฉินซีล องครั้งแล้วครั้งเล่า เธอก็ยืนดูอยู่ข้างล่าง
โดยรวมแล้ว เขารู้สึกกลายเป็นเด็กอีกครั้ง ถูกเด็กน้อยสองคนพามาแกล้งเล่น
เขารู้สึกเหนื่อยจริงๆ
รู้สึกเหนื่อยกว่าทำงานที่บริษัททั้งวัน แล้วจ้องมองเจ้าเด็กน้อยสองคนนี้อีกที ท่าทางดูกระฉับกระเฉงมาก ในมือซีซีถือลูกโป่งสปองบ๊อบนั่งแกว่งชิงช้าไปมา
เตียวเตียวนั่งอยู่ที่ชิงช้าอีกฝั่ง เล่นเป็นเพื่อนเธอ ลี่เฉินซีก็นั่งลงอย่างเหนื่อยล้า ดื่มน้ำไปหลายอึก จ้อง มองเด็กสองคน “หิวหรือยัง? พาพวกเธอไปหาอะไรกิน ดีไหม?”
ซีซียังคงหมกมุ่นอยู่กับเครื่องเล่นในสวนเด็กเล่นมากมาย และดวงตาที่สดใสของเธอเต็มไปด้วยความ คาดหวังที่หลากหลาย
เขาเลยต้องรีบเดินไป ยื่นมืออุ้มเด็กน้อยขึ้นมาในอ้อมอก พูดเอาใจว่า “ถ้าหากจะเล่นต่อ ไม่ควรให้คุณ อาเล่นคนเดียวนะ พวกเราเลือกบางอย่างที่สามารถเล่นด้วยกัน ดีมั้ย?”
ซีซีจ้องมองเขา สายตานั้น ราวกับกำลังพูดว่า ดูเขาเล่นคนเดียวสนุกกว่าเยอะ
ใช่สิ ไม่ได้สนุกเท่าแกล้งเขาใช่มั้ย!
เด็กน้อยคนนี้ สรุปเป็นลูกแท้ๆของเขาหรือเปล่า ทำไมถึงชอบหลอกตั้งแต่เด็กนะ?!
ดีนะยังมีเตียวเตียวอยู่ข้างๆ ภายใต้การโน้มน้าวอย่างสุดกำลังของลี่เฉินซีกับเตียวเตียว ในที่สุดซีซีก็ยินยอม เขาพาเด็กสองคนเลือกเครื่องเล่นง่ายๆ แล้วเล่นเป็นเพื่อนเด็กๆ สักพัก
อย่างเช่น รถบั๊ม เล่นม้าหมุนง่ายๆ แบบไม่อันตรายมาก และเป็นเครื่องเล่นที่เหมาะกับเด็กไม่กี่ขวบเล่น
สนามเด็กเล่นเล่นเสร็จแล้ว ช่วงบ่ายเขาพาลูกสองคนไปที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ มองโลกที่มีสีสันรอบด้านที่ปกคลุมไปด้วยทะเล สัตว์ต่างๆ มีหลากสี ดูจนตาลายไปหมด
ที่นี่เป็นสถานที่ที่เด็กๆ ส่วนใหญ่จะชอบ ซีซีกับเตียวเตียวก็ไม่เว้น เขาอธิบายสัตว์แต่ละตัวให้เด็กสองคน ฟังอย่างตั้งใจ “เตียวเตียวซีซีพวกเธอดู นี่คือปลาไหลนา นี่คือปลาลิ้น ยังมีอีกนี่คือ….”
ไม่รอให้เขาพูดจบ เตียวเตียวพูดขึ้น “คุณอา คุณพูดผิดแล้ว นี่ไม่ใช่ปลาไหลนา แต่มันคือปลาการ์ แม้ว่า ขนาดจะใกล้เคียงกัน แต่ก็ยังมีความแตกต่างที่ชัดเจน นอกจากนี้ มันคือปลาอะราไพม่า”
ลี่เฉินซีจ้องมองเด็กผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ลักษณะห้าขวบ ร่างกายไม่สูง แต่หน้าตาดูดีมาก ผิวขาว ตาโต และรูม่านตาสีดำสว่างราวกับหินที่สดใส
“คุณอา คุณมาดูทางนี่ นี่คือปลาตะพัด ทางโน้นคือปลาคาร์ฟ และยังมีตัวที่อยู่ทางนี้…” เตียวเตียวสองสามก้าว วิ่งไปอีกฝั่ง ชี้ไปที่ปลาในสระใหญ่ “นี่คือปลากะพง แล่เป็นเนื้อแผ่นๆ อร่อยมาก!”
พอได้ยินว่ากินได้ ซีซีแววตาส่องประกายทันที
เตียวเตียวดึงมือเธอไว้ อธิบายถึงปลาเล็กปลาน้อยที่อยู่ข้างๆ ขณะที่เขาพูด ยังจ้องมองไปที่ลี่เฉินซี ราวกับกำลังแนะนำให้เขาฟังด้วย
ที่สำคัญคือ ลี่เฉินซีสังเกตเห็นว่า เด็กคนนี้ไม่ได้แนะนำตามภาพฝั่งนั้น ทั้งหมดนี้เขาเป็นคนแยกแยะออก มาด้วยตัวเอง สัตว์มากมายหลายชนิดขนาดนี้ แม้แต่เขาก็สามารถจำผิด แต่เด็กคนนี้….
“เตียวเตียวเอ้ย ทำไมหนูรู้เรื่องปลาเยอะแยะขนาดนี้?” เขาถามอย่างแปลกใจ
เตียวเตียวเลยพูดว่า “เมื่อก่อนตอนอ่านหนังสือเลยได้เห็นครับ!”
“อ่านหนังสือ?”
เด็กพยักหน้า “ใช่ครับ มีอยู่ครั้งหนึ่งพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงหนู พอดีพวกเขาทำงานอยู่ที่หอสมุดของเมือง เวลาพวกเขาไปทำงานก็จะพาหนูไปด้วย หนูว่างไม่มีอะไรทำ เลยเปิดหนังสืออ่าน…”
ลี่เฉินซีชะงัก “พวกเขาพาเธอไปห้องหนังสือ…”
“ใช่ หนูอ่านหนังสือเร็วมากนะ หนังสือทั้งหมดหนูดูไปเกือบครึ่งแล้ว! คุณอา ต่อไปถ้ามีอะไรที่คุณอาอยากรู้ หนูบอกอาได้นะ!” เตียวเตียวยิ้ม แล้วก็เห็นอะไรแปลกประหลาดอีกละ รีบจูงมือซีซีวิ่งไปทันที มองตามหลังเด็กสองคนที่วิ่งไปอย่างมีความสุข ลี่เฉินซีมีเหงื่อไหลออกมาบนหน้าผากของเขา เด็กที่อายุประมาณห้าขวบ ยังไม่ถึงหกขวบ อ่านหนังสือเกินครึ่งในห้องสมุดแล้ว? ! ถ้าหากเป็นเรื่องจริง ดูแล้วหมือนจะจริงนะ ถ้างั้นแล้ว IQของเด็กคนนี้…
ทันใดนั้น เขาก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเตียวเตียว ตกลงเป็นใครกันแน่ ที่สามารถถ่ายทอดยีนที่ดีเช่นนี้ในตัวเด็กได้ ถ้าพัฒนาฝึกฝนให้ดี เป็นอัจฉริยะได้จริงๆ !
เพียงแต่ ทำไมรู้สึกดูจากมุมมองนี้ กับลี่เจิ้งเมื่อหลายปีก่อนมีส่วนคล้ายกันนะ?
หรือคิดไปเอง?
หรืออาจจะใช่
หลังจากออกมาจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแล้ว เห็นว่ายังเช้าอยู่ เตียวเตียวเสนอให้ไปที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ซีซีก็เห็นด้วยอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ลี่เฉินซี จึงขับรถพาเด็กสองคนไปที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์
มองดูการจัดแสดงทางวิทยาศาสตร์ที่ตระการตา เนื่องจากใกล้ถึงเวลาเลิกงาน ผู้บรรยายหลายคนไม่อยู่ ตรงนั้นแล้ว เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ เตียวเตียวหันไปหันมา จ้องมองหุ่นยนต์ หลายตัวนั้นอย่างสนใจ
“พี่สาว ช่วยอธิบายหุ่นยนต์ตัวนี้ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?” เตียวเตียววิ่งไปหาพี่สาวคนหนึ่งทันที ดึง กระโปรงของเธอ ใช้ตากลมโตที่สวยงามคู่นั้นจ้องมองฝ่ายตรงข้าม
พี่สาวคนนั้นเหมือนถูกเด็กจับกุมทันที วินาทีนั้นเหมือนสูญเสียความสามารถในการต่อต้าน เริ่มแนะนำ หุ่นยนต์ให้เตียวเตียวอย่างตั้งใจ
แต่ครู่หนึ่ง เตียวเตียวก็ตั้งข้อสงสัยแล้วถาม
คำถามหลายข้อที่ดูเหมือนง่ายๆ แต่ครอบคลุมปัญหาทางเทคนิคระดับไฮเอนด์ของหุ่นยนต์ ใช้คำศัพท์ ภาษาอังกฤษบางคำ ยิ่งทำให้ผู้บรรยายตกตะลึงมาก
หญิงสาวมองไปที่ลี่เฉินซี และเงียบไปชั่วขณะหนึ่งอย่างอึดอัด สุดท้ายก็เลยต้องพูดว่า “น้องชาย รอสักครู่นะ ฉันไปเรียกวิศวกรหลี่มา … ”
ก็เป็นแบบนี้ เรียกวิศวกรคนแล้วคนเล่า และพูดคุยกับเตียวเตียว เกี่ยวกับโครงสร้างต่างๆของหุ่นยนต์รุ่น ล่าสุดเหล่านี้ ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาในอนาคตในมุมมองต่างๆ เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง
แม้แต่เลยเวลาเลิกงานแล้ว วิศวกรทั้งสองก็ไม่มีวี่แววว่าอยากจะลากลับ ยังพูดว่า “น้องชาย เธอฉลาด มากจริงๆ ! ปัญหาเหล่านี้ พวกเราไม่เคยคิดถึงเลย!”
เตียวเตียวกลับเกาหัวอย่างถ่อมตน “ผมก็แค่พูดไปอย่างนั้น คุณอาพวกคุณต่างหากที่ยอดเยี่ยม ที่สามารถพัฒนาหุ่นยนต์ที่ดีได้ … ”
ลี่เฉินซียืนจ้องมองดูเขาอยู่ข้างๆ และตกตะลึงสุดๆ เด็กคนนี้ ครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้คนน่าทึ่งมากจริงๆ
แม้แต่ลี่เจิ้ง ก็ไม่ฉลาดเท่านี้ เขาเป็นเด็กน้อยอัจฉริยะจริงๆ
แต่ไม่ว่าอัจฉริยะแค่ไหน ซีซีก็เล่นจนเบื่อแล้ว และรู้สึกหิวแล้ว รีบวิ่งไปดึงแขนเล็กๆของเตียวเตียว เตียวเตียวรีบขจัดความอยากรู้อยากเห็นออกไปทันที และพูดกับคุณอาทั้งสองอย่างสุภาพมาก “ขอโทษครับ รบกวนพวกคุณอามานานมาก น้องสาวผมหิวแล้ว ผมจะกลับไปกับเธอแล้วนะ!”
“เจ้าตัวน้อย เธอไม่เพียงแต่ฉลาดเท่านั้น แต่ยังรู้เหตุผล รักน้องสาวขนาดนี้!” ชายคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะ ชื่นชม
เตียวเตียวยิ้มอย่างเขินอาย “ผมเป็นพี่ชาย ผมรักน้องสาวของผมสมควรแล้วไม่ใช่เหรอครับ? โดยเฉพาะ ผมมีเพียงน้องสาวคนนี้คนเดียวเท่านั้น!”
ในขณะที่พูดเขาก็โบกมือให้กับผู้ชายสองคน
อาทั้งสองมีความประทับใจที่ดีต่อเขาและโบกมือลา
เตียวเตียวจูงมือเล็กๆของซีซี กลับมาหาลี่เฉินซีอีกครั้ง “คุณอา รอนานแล้ว พวกเรากลับบ้านกันเถอะ!”
เมื่อเห็นการมีเหตุผลและชาญฉลาดของเด็ก เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมซูย้าวยืนยันที่จะรับเลี้ยงเตียวเตียวเป็นบุตรบุญธรรม เด็กคนนี้แตกต่างไปจากเด็กทั่วไปจริงๆ