เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 478
“ฉัน ฉันจะทำอะไรได้”
โม่หว่านหว่านเอ่ยปากพูดออกมา เธอคำพูดของเธอดูติดๆขัดๆ
รู้จักเธอมาตั้งหลายปี ซูย้าวจะไม่รู้จักเธอได้ไง? เธอเป็นคนที่ไม่เคยโกหก
“เธออย่าคิดมาก ฉันก็แค่มาดูเธอเฉยๆ !ดีแล้ว ฉันมีเรื่องต้องทำอีกฉันไปก่อนนะ!”
ระหว่างที่โม่หว่านหว่านพูดสีหน้าอยู่ลนลานและจะออกไปอย่างเดียว ตอนที่เดินผ่านตัวของซูย้าวไป เธอถูกซูย้าวทำให้สะดุดล้ม ร่างเธอโซเซไปอีกข้างหนึ่ง
ซูย้าวหันมาและประคองเธอไว้ โม่หว่านหว่านรีบหลบไปอีกฝั่ง และทำกระเป๋าที่ตัวเองถืออยู่หล่น เป็นกระเป๋ามีซิปซูย้าวเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในแค่เพียงนิดเดียว กระเป๋าของเธอล่วงลงไปกับพื้น ของที่อยู่ข้างในก็ได้ล่วงกระจัดกระจายออกมา
ลิปสติกกระจกและกระดาษทิชชูสิ่งของที่ล่วงออกจากกระเป๋าเป็นของใช่ประจำวันของผู้หญิงทั้งหมดเลย ซูย้าวถอนหายใจเธอก็เลยช่วยเก็บของที่ล่วงอยู่กับพื้น
เธอได้สังเกตเห็นเอกสารหลายฉบับที่ล่วงออกมาโดยไม่ตั้งใจ
กระดาษขาวตัวหนังสือดำ เพียงแค่มองไปแค่แวบเดียว ซูย้าวก็สังเกตเห็นตัวหนังสือที่อยู่บนเอกสาร
หานชาร์ลี
ยังมีผลตรวจDNA
สีหน้าของเธอดูอึ้งทันที โม่หว่านหว่านหยิบเอกสารที่อยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว และรีบยัดเข้าไปในกระเป๋า เธอปรากฏสีหน้าที่เขินอายและพูดด้วยเสียงที่เบาว่า“ฉันมีธุระจริงๆ ฉันไปก่อนนะ!”
ยังไม่ทันเดินไปถึงหน้าประตูก็ถูกซูย้าวขวางอีกครั้งหนึ่ง
เธอไปจับมือของโม่หว่านหว่านไว้“เอกสารในกระเป๋าของเธอ คือเอกสารอะไร?”
“คือ……..”
“โม่หว่านหว่านเธอทำไมถึงไปสืบเรื่องของหานชาร์ลี ผลตรวจDNA ?” ซูย้าวถึงคิดในใจอยู่สักพัก เธอพอจะเดาออกว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร
โม่หว่านหว่านรู้ว่าตัวเองไม่สามารถที่จะปิดบังต่อไปได้ เธอเหวี่ยงมือของซูย้าวออกไปและหายใจเข้าลึกๆ“ย้าวย้าว ฉัน……”
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น รีบบอกฉันมา!” ซูย้าวจ้องมองไปที่เธอสายตาของเธอดูร้อนรนมาก
โม่หว่านหว่านลังเลอยู่สักพัก คิดไปคิดมาสุดท้ายก็บอกความจริงทั้งหมดกับเธอ
เมื่อเล่าเรื่องทั้งหมดไปแล้วมองสีหน้าที่นิ่งเฉยของซูย้าว เธอยังรู้สึกไม่สบายใจและพูดด้วยเสียงที่เบาอยู่ข้างๆ“ฉันและโม่ป่ายไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเธอนะ แต่สถานการณ์ตอนนั้น ถ้าฉันบอกเรื่องนี้กับเธอแล้ว ฉันกลัวเธอจะรับไม่ไหวสิ…….”
เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี เธอจะไม่รู้นิสัยของซูย้าวได้อย่างไร? ลูกเป็นเหมือนดั่งชีวิตของเธอเลย
เมื่อห้าปีก่อน ถ้าเธอรู้ว่าตัวเธอเองคลอดลูกแฝดชายหญิงแล้วละก็เด็กผู้ชายคนหนึ่งถูกลักพาตัวไป เธอจะรู้สึกอย่างไง ถ้าเกิดอะไรไม่ดีไม่ร้ายกับเด็ก แล้วจะทำอย่างไง
“ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมาเธอกับโม่ป่าย ก็ปิดบังฉันและสืบหาเรื่องนี้มาโดนตลอดหรือ อยากที่จะหาเด็กจนเจอ ใช่มั้ย?” ซูย้าวมองไปที่เธอและพูดออกมา
โม่หว่านหว่านเม้มปาก “เรื่องก็เป็นประมาณนี้”
“หานชาร์ลีเป็นเป้าหมายของเธอใช่มั้ย?” เธอถาม
โม่หว่านหว่านก้มหน้า “ก็ประมาณนั้น!มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันให้เตียวเตียวเอาเส้นผมของชาร์ลีเอามาจับคู่กับของเธอ!”
แววตาของซูย้าวตึงมาก“ผลวินิจฉัยDNAหรือ?”
“ใช่แล้ว แต่การวินิจฉัยครั้งต่อมา ผลที่ออกมากลับไม่ตรงกันกัน อาจจะเกิดปัญหาอะไรเล็กน้อย! ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ของชาร์ลีสูงมาก! ไม่ว่าจะเป็นอายุหรือเดือนเกิด ทั้งหมดมีความใกล้เคียงกัน’ ” โม่หว่านหว่านพูดออกมา
เป็นแบบนั้นจริงๆ
ซูย้าวรู้สักใกล้ชิดอย่างบอกไม่ถูกกับชาร์ลีเป็นพิเศษแต่เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ยังไม่สามารถยืนยันได้
แต่ไม่พูดถึงเรื่องแบบนี้ โม่หว่านหว่านมองไปที่เธอ “ฉันบอกเรื่องพวกนี้กับเธอ เธอไม่ตกใจเลยหรือ?”
“ตกใจหรือ? ” ซูย้าวขมวดคิ้ว
และยิ้มออกมาแล้วดึงโม่หว่านหว่านเข้าไปในห้องสมุดและมาอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ เปิดคอมพิวเตอร์ ในนั้นปรากฏข้อมูลผสมของเด็กกำพร้าในเมืองนี้ทั้งหมด โม่หว่านหว่านดูจบมีสีหน้าที่ตกใจมาก “เธออย่าบอกฉันนะว่า เธอ……”
ในแววตาที่เคร่งครัดของเธอซูย้าวพูดว่า “ฉันคลอดลูกแล้วกี่คน ทำไมฉันจะจำไม่ได้?”
ได้ยินแบบนี้ โม่หว่านหว่านอึ้งไปเลย
“ฉันจำเลือนรางได้ว่าเป็นเด็กสองคนนี้ ลืมแล้วหรือ? ตอนที่พวกเราไปตรวจครรภ์เมืองM หมอบอกด้วยปากของหมอเองว่าในท้องมีเด็กอยู่สองคน”ซูย้าวพูดแบบนี้
จำได้ว่าตอนนั้นโม่หว่านหว่านเคยพูดหยอกล้อไว้ว่าเธอท้องลูกแฝด ยังกำลังคิดว่าจะตั้งชื่อเด็กสองคนนี้ว่าอะไรดี
โม่หว่านหว่านมองไปที่เธอ“แม่เจ้า เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วหรือ เธอยังให้ฉันโกหกเธอต่ออีกทำไม?”
“เพราะพวกเธอก็ไม่ได้คิดร้ายกับฉันไง!” การโกหกเพราะหวังดี จะไปโปงทำไมละ?
ที่สำคัญถึงจะเปิดโปงถึงเธอจะทำเรื่องที่บ้าระห่ำลงไป เด็กที่หายไปก็ไม่สามารถกลับมาได้อยู่ดี
ถ้าเป็นแบบนั้นใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ดีๆ ไม่ดีกว่าหรือ และรอวันหนึ่งเมื่อเรามีพลังมากพอ ค่อยตามหาลูกที่สูญหายไปเมื่อหลายปีก่อน
“……ก็ได้!”
โม่หว่านหว่านก็ยังยากที่จะรับได้เหมือนเดิม ต้องรู้ว่า ความลับนี้เธอปิดบังมาตั้งห้าปี เธอคิดว่าถ้าวันหนึ่งซูย้าวรู้เรื่องนี้แล้ว จะตกใจมากและไม่อยากจะเชื่อ แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว สิ่งที่เธอเป็นห่วง ก็เป็นแค่ไร้ประโยชน์
“แต่ซูย้าวเธอก็สงสัยเหมือนกันใช่มั้ยว่าเด็กคนนั้นก็คือชาร์ลีใช่มั้ย? ” โม่หว่านหว่านพูดถึงประเด็นของเรื่องนี้พอดี
ซูย้าวไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอแสดงสีหน้าที่มีคำถามอยู่ในใจอย่างเห็นได้ชัด
โม่หว่านหว่านจับมือของเธอ “งั้นก็ไม่ต่างกันมาก มา เอาเลือกของฉันไปตรวจDNAอีกครั้งหนึ่ง!”
“……..”
ซูย้าวอึ้งเล็กน้อย โม่หว่านหว่านได้เอาแขนของเธอขึ้นมา และอีกมือหนึ่งดึงลิ้นชักและเอามีดตัดกระดาษออกมา
“หยุด!”
เธอจะไม่ห้ามโม่หว่านหว่านทำแบบนี้ก็ไม่ได้ เธอดึงแขนกลับมา “ถึงเธอจะเอาเลือกของฉันไป แล้วทางชาร์ลีละ? เธอจะเอาได้เลือดเขาอย่างไง?”
“เออ…….”
โม่หว่านหว่านนิ่งไปทันที “นี่ก็ยังเป็นปัญหาอีก”
“ตอนนี้พวกเราแค่สงสัยต้องการหลักฐาน และผลตรวจDNAที่ได้จากสิ่งของที่เธอหามาได้ ไม่สามารถนำไปเป็นหลักฐานทางกฎหมายได้ ตอนนี้เธออย่าพึ่งใจร้อน ถ้าชาร์ลีใช่จริงๆ ต้องมีเบาะแสในการหาหลักฐานได้แน่นอน” เธอพูดออกมา
“ก็ได้ๆฉันจะฟังเธอหมดเลย!โม่หว่านหว่านหายใจเข้าลึกๆ อย่างไงก็ตามก็บอกความลับไปให้เธอแล้ว ตอนนี้จะได้ไม่ต้องปิดบังอะไรแล้วคิดไปคิดมาก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน”
ในอีกฝั่งของเมือง
ชั้นบนสุดภัตตาคารหลิงเตี่ยนสามร้อยหกสิบองศา ห้องโถงที่ดำมืดเต็มไปด้วยแสนเทียนที่สว่าง แสนสว่างได้ส่องไปท่ามกลางความมืด แต่กลับแฝงไปด้วยความอบอุ่นที่อธิบายยาก ทำให้ทุกสิ่งในวินาทีนี้อ่อนโยนลง สว่างรุ่งโรจน์
สิ่งที่ทำให้หานฉ่ายหลิงชื่นใจที่สุดก็คือผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ เธอเคยคิดนับครั้งไม่ถ้วนว่าอยากที่จะอยู่กับผู้ชายคนนี้จนตาย
“เฉินซีขอบคุณที่นายเตรียมทั้งหมดนี้ให้ฉันนะ” ริมฝีปากที่แดงของหานฉ่ายหลิง แววตาที่น่าหลงใหลยิ่งทำให้เธอดูสวยหยาดเยิ้มยิ่งขึ้น
ลี่เฉินซีได้เขย่าแก้วมีเท้าเบา ของเหลวที่อยู่ในแก้วก็ได้เคลื่อนที่ไปมา และค่อยๆไหลลงมาจากริมฝีปาก รอยยิ้มอ่อนที่แฝงไปด้วยความมีเสน่ห์และดึงดูดวิญญาณของคน
“เธอชอบก็ดีแล้ว”
ระหว่างที่เขาพูด ก็ได้เงยหน้าและกระดกเหล้า
“อะไรที่นายเป็นคนเตรียมให้ฉัน ฉันชอบหมดเลย” หานฉ่ายหลิงกำลังจมอยู่กับความหลงใหล แต่ความสุขนี้มากะทันหันเกินไป ทำให้เธอยากที่จะแยกแยะ
ลี่เฉินซีได้ดึกแขนของเธอไว้กะทันหัน “อย่าพึ่งซาบซึ้งก่อน ยังมีเซอร์ไพรส์อีกหนึ่งอย่าง”
ในแววตาของเธอส่องประกายขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังคาดหวัง
ผู้ชายคนนี้จ้องมองไปที่เธอและยิ้ม และมองไปที่พนักงานที่อยู่รอบตัว เมื่อเขาส่งสัญญาณ ไม่นานก็มีพนักงานได้เดินมาอย่างนอบน้อม พวกเขากำลังถือกล่องของขวัญที่สวยงามอยู่
หานฉ่ายหลิงรู้สึกมึนงงเล็กน้อย กล่องที่ใหญ่แบบนี้ จะเป็นอะไรนะ?
ลี่เฉินซีดูออกว่าในแววตาของเธอมีความสงสัยอยู่ เขาก็เลยยังไม่เฉลย “เธอลองทายดูว่าเป็นอะไร?”
เธอคิดไปคิดมาสุดท้ายก็ได้ส่ายหัว “ฉันไม่รู้”
เขาหัวเราะออกมา และลุกขึ้นและไปแกะโบของกล่องของขวัญ และพนักงานได้เปิดกล่องออก วินาทีที่หานฉ่ายหลิงเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน เธอตะลึงไปเลย
เมื่อเธอหายตกใจและได้สติกลับคืนมา ความรู้สึกต่อไปของเธอก็คือความประทับใจ น้ำตาเริ่มไหลออกมาไม่หยุด เธอสูดจมูก และลุกขึ้นเดินไปหาเขา และโอบกอดไปที่แขนของเขา “นายยังจำได้……”
“ครั้งก่อนตอนที่อยู่ปารีสชุดแต่งงานที่นักออกแบบออกแบบให้นาย ได้ทำเสร็จแล้ว” เขาพูดออกมาเบาๆ
หานฉ่ายหลิงมองไปที่ดวงตาของผู้ชายคนนี้ ดีใจจนพูดอะไรไม่ออก “เฉินซี…….”
ผู้หญิงคนนี้ที่ตื่นเต้นจนเกินไป แถมยังเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ตัวเองชอบด้วย วิธีที่จะแสดงออกที่ดีที่สุดก็คือ เข้าไปกอดเขาแน่นๆ
เข้าไปจูบหน้าผากและริมฝีปากของเขา
แต่สิ่งที่แปลกก็คือ เธอรู้สึกว่าเขาเหมือนจะปฏิเสธ
ความรู้สึกนั้น ยิ่งเหมือนการขับไล่……
วินาทีต่อมา โทรศัพท์ของเขาได้ดังขึ้น
ลี่เฉินซีหลบเธอย่างเป็นธรรมชาติ หยิบโทรศัพท์ออกมา และกดรับสาย
ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน แต่สีหน้าของลี่เฉินซีเหมือนถูกเยื่อแข็ง เธอได้รีบถามไปว่า “นายพูดอะไรนะ?ลี่เจิ้งเขาเป็นอะไร?”