เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 480
ซูย้าวเข้าห้องผู้ป่วยไป สภาพของลี่เจิ้งยังเหมือนเดิม แววตาที่ว่างเปล่า ดวงตาไม่ขยับเลย ผิวที่ขาว เหมือนดั่งรูปปั้นปูน
เธอนั่งอยู่ข้างเตียง จ้องมองเด็กผู้ชายที่ไม่โตคนนี้ แล้วยิ้ม
ภาพที่หลงเหลือในความทรงจำ เป็นภาพของเจิ้งเอ๋อตอนเด็ก ตอนอายุสองสามขวบ ตอนนั้นยังอ้อแอ้อ้อแอ้ยังเรียกเธอว่าแม่อยู่เลย มาวิ่งเล่นอยู่รอบตัวเธอ
เวลาผ่านไปเร็วมาก เด็กดื้อในวันนั้น ตอนนี้ได้เติบโตเป็นเด็กชายแล้ว
ซูย้าวจ้องมองลูกที่อยู่ตรงหน้า เธอค่อยๆ ยื่นมือไปจับที่แก้มของลูก “เจิ้งเอ๋อ ลูกจำแม่ได้มั้ย? นี่แม่เอง……”
“ขอโทษนะ ที่แม่มาสายไป”
ทันใดนั้นคำพูดเธอสะอึกสะอื้น คำขอโทษที่มากมายไม่อาจจะชดเชยการที่ลูกไม่สมบูรณ์ ถึงชีวิตคู่กับความรู้สึกเป็นเรื่องของคนสองคนแต่ตอนนั้นเธอไม่ได้คุยกับลูกให้ชัดเจน แล้วก็จากลูกไป สำหรับเจิ้งเอ๋อแล้ว เธอก็ไม่ใช่แม่ที่ดีเช่นกัน
“ลูกลืมหน้าตาของแม่ไปแล้วใช่มั้ย? เมื่อห้าปีก่อนแม่ยังพูดไม่ได้ ลูกยังจำภาษามือได้มั้ย?” เธอสะอึกสะอื้นเธอสูดจมูกอย่างแรงและเงยหน้าไปมองลูกแล้วทำภาษามือ
“ลูกเป็นลูกที่แม่รักที่สุดเจิ้งเอ๋อแม่รักลูกนะ” เมื่อทำภาษามือจบ เธออดไม่ได้และเข้าไปกอดเจิ้งเอ๋อแล้วร้องไห้ “แม่คิดถึงลูกตลอดเวลา ขอโทษ แม่ขอโทษจริงๆ ตอนนั้นแม่โง่มาก ที่ทิ้งลูกไป แม่ผิดเองที่ทิ้งลูกไป…….”
“ลูกไม่เป็นแบบนี้ได้มั้ย? กลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะ! ความผิดทั้งหมดนี้ควรเป็นแม่ที่รับผิดชอบทั้งหมด ไม่ใช่ลูกเจิ้งเอ๋อลูกยังเด็กลูกยังมีชีวิตที่เป็นของตัวเอง ลูกไม่น่ามาเป็นแบบนี้เลย!”
ลี่เฉินซีมองเธอกอดลูกร้องไห้อยู่ข้างๆ ใบหน้าที่นิ่งเฉยได้ขมวดคิ้ว ระหว่างที่เดิมมาได้พูดว่า “ฉันเป็นฝ่ายที่ผิด ไม่ใช่เธอ ต้องโทษฉัน”
เธอปล่อยลี่เจิ้งเช็ดน้ำตาบนใบหน้า เอียงตัวหันไปหาเขา “นายผิดแน่นอน นายไม่เพียงผิดต่อเจิ้งเอ๋อนะ แถมยังผิดต่อซีซีอีกด้วย และ……”
เธอนึกถึงเมื่อก่อนเด็กผู้ชายที่ถูกลักพาตัวไป จนมาถึงวันนี้ ยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลย
ทันใดนั้นหัวใจของเธอ เหมือนถูกบางสิ่งบางอย่างข่วนอย่างรุนแรง เธอรู้สึกเจ็บจนหายใจไม่ออก
ลี่เฉินซีหรี่ตา “และอะไรหรือ?”
เธอมองไปที่เขา “หรือแค่นี้ยังไม่พอหรือ?”
“อืม?” เขามีอาการโง่เขลานิดหน่อย
เขายอมรับผิดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และถูกคนอื่นด่าว่ากะทันหันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ทั้งหมดนี้ต้องโทษนาย เพราะนายคนเดียวเจิ้งเอ๋อถึงต้องเป็นแบบนี้!” ซูย้าวเจ็บใจ ภาพเหตุการณ์เก่าๆ ได้ปรากฏขึ้นมา สิ่งที่ปรากฏออกมามากที่สุดก็คือความแค้น
เธอลุกขึ้นมา พร้อมสายตาที่เย็นชามองไปที่เขา “นายรู้มั้ย ตอนนั้นที่ฉันแต่งงานกับนาย และท้องเจิ้งเอ๋ออยู่ ฉันอยากที่จะใช้ชีวิตกับนาย ฉันไม่ต้องการความรักและความเคารพหรือทั้งฝ่ายใจตรงกันอะไรทั้งนั้น ใช้ชีวิตแบบนี้เรื่องไปผ่านไปแต่ละวันๆ ก็ได้ แต่นายกลับไปมีความสัมพันธ์ไม่ชอบมาพากลกับแฟนเก่า……”
“…….”
ลี่เฉินซีมีสีหน้าที่ตกใจ เวลานี้เขาพูดอะไรไม่ออก
“เมื่อก่อนฉันเป็นใบ้ ฉันไม่คู่ควรกับนาย หลายคนดูถูกฉัน ฉันน้อยเนื้อต่ำใจมากพออยู่แล้ว แล้วนายยังไปคบกับหานฉ่ายหลิงทุกครั้งที่ฉันเห็นนายกับผู้หญิงคนนี้ที่ดูหล่อและสวยทั้งคู่เลย ใจฉันจะรู้สึกอย่างไร?”
ความรู้สึกนั้นเหมือนถูกธนูเป็นหมื่นๆ เล่มแทงไปที่หัวใจ ตอนแรกเธอเป็นภรรยาหลวงของเขา แต่ต่อมาเธอกลับกลายเป็นมือที่สามที่เลวร้ายอย่างฉับพลัน กลายเป็นตัวตลกอย่างแท้จริง นายเข้าใจความรู้สึกนั้นมั้ย?
“คบกันหรือ?” ลี่เฉินซีย้ำคำที่แทงหูคำนี้อีกครั้ง
ซูย้าวพยักหน้า “ใช่ และเรื่องเล็กต่างที่ทับถมกันมา ที่สำคัญฉันท้องลูกคนที่สองอยู่ด้วย ฉันกลัวว่านายจะบังคับให้ฉันทำแท้งฉันเลยตัดสินใจจะหย่ากับนาย!”
แต่เหตุผลที่ฉันหย่ากับนาย ไม่ได้เป็นเพราะว่าเรื่องนั้นเรื่องเดียว
แต่ซูย้าวพูดนึกถึงตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะลี่เจิ้งเธอนึกถึงลูกของเธอเอง ก็เลยพูดเหตุผลที่หนักมาทางนี้ ก็เหมือนกับการระบายความในใจออกมา
ลี่เฉินซีมีสีหน้าที่เคร่งครัด และมองไปที่เธอ “ที่เธอหย่ากับฉัน ท้องลูกของฉัน จะหนีไปไม่กลับมาแล้ว?”
เงียบไปพักหนึ่ง เขาพูดต่อว่า “ก็เพราะการตัดสินใจตามใจตัวเองของเธอ ทำให้ฉันห่างกับลูกสาวของฉันไปห้าปี ฉันทำผิดต่อซีซี แต่ใครละที่ทำให้เรื่องเป็นแบบนี้?”
“นายกับซีซีไม่ได้เจอกันห้าปี แล้วฉันก็ไม่ได้เจอเจิ้งเอ๋อห้าปีเหมือนไม่ใช่หรือ?” เธอถามกลับ
ลี่เฉินซีเงียบไป
ไม่ว่าทั้งสองคนจะด่าว่ากันขนาดไหนก็ตาม แต่เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็คือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขหรือชดใช้ความผิดที่ตัวเองได้ทำ
ดังนั้นตอนนี้ลี่เฉินซีคิดไปคิดว่า ได้ก้าวออกไปข้างหน้า และเข้าไปกอดเธอด้วยความแข็งกร้าว “ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนที่เธอเป็นใบ้ หรือเป็นเหมือนตอนนี้ ในใจของฉันเธอเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ ฉันไม่เคยคิดที่จะดูถูกเธอเลย”
พึ่งพูดจบ เขาคิดว่าคำพูดของเขาจะทำให้ซูย้าวซึ่งใจ แต่กลับกัน เธอกลับผลักเขาออกอย่างเย็นชา “อย่ามาพูดดีหน่อยเลยลี่เฉินซีนาย…….”
ถึงบอกว่าคำพูดของผู้ชายเชื่อไม่ได้
ตอนนี้เธอเข้าใจประโยคนี้แล้ว
“นายไม่ได้รังเกียจที่ฉันเป็นใบ้หรือ? เป็นไปไม่ได้ ไม่งั้นทำไมงานแต่งของเราถึงจัดการอย่างเงียบๆขนาดนี้ ไม่มีการจัดงาน ไม่มีพิธีการ ไม่มีอะไรเลย นายก็ไม่ได้แนะนำและเปิดตัวฉันให้เพื่อนนายรู้จัก และยังตั้งใจที่จะปิดบังความสัมพันธ์ของเรา…….”
เขายังจำเรื่องนี้ได้ดี ลี่เฉินซีเงียบไปอีกครั้ง
“เรื่องนี้ ตอนนั้นฉันมีเหตุผลของฉันเอง”
ซูย้าวส่ายหัวและพูดว่า “ฉันไม่อยากได้ยินเหตุผลของนาย เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ตอนนี้ฉันอยู่กับปัจจุบัน……”
เธอหันไปมองที่เจิ้งเอ๋อที่อยู่บนเตียง ตอนนี้ทำให้ลูกหายเป็นปกติเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ไม่เพียงแค่นั้น ยังต้องหาลูกที่สูญหายไปให้เจอ ตอนนี้เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับลูกหมดเลย
แต่ตอนที่เธอกำลังคิดอยู่ลี่เฉินซีได้กางแขนกอดเธอจากด้านหลัง และก้มตัวลงไปพูดที่หูเธอเบาๆ“อย่าขยับนะ เธอฟังฉันก่อน”
รู้สึกว่าเธอกำลังดิ้น เขารีบเตือนเธอ
ซูย้าวก็ได้ให้ความร่วมมือ และยอมเขาในที่สุด ข้างหูของเธอได้ยินเสียงที่เบาบางของเขา” เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ธรรมดา เพราะบนร่างกายเธอมีจุดเด่นมากมาย ถึงตอนนั้นเธอจะพูดไม่ได้ เป็นผู้หญิงใบ้ที่เงียบๆ แต่นั่นก็ไม่อาจจะปิดบังจุดเด่นที่อยู่ในตัวเธอได้
เธอมีปัญญาและฉลาด เป็นคนดีและไร้เดียงสา เป็นคนรอบคอบมีระเบียบ มีพร้อมทั้งหน้าตาและคุณสมบัติประจำตัว จุดเด่นในตัวมากเกินไปผู้หญิงแบบนี้ ถึงจะพูดไม่ได้ เป็นใบ้ แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็จะเป็นจุดเด่นของที่นั้นเสมอ
“ตอนนั้นฉันไม่เคยรังเกียจเธอเลย ฉันอยากที่จะเอาเธอมาเป็นของฉันคนเดียว ไม่ให้ใครอื่นใดมาแย่งไปก็แค่นั้นเอง!”
“เสียงเบาที่ออกมาจากลำคอ ได้พูดอยู่ข้างหูเธอ ไอร้อนได้เข้าปกคลุมติ่งหูของเธอ อาการคัน ทำให้เธอจิตใจแกว่งไหว
ลี่เฉินซีมองเข้าไปในแววตาเธอ ดูดำมืดมาก แถมยังแฝงไปด้วยความไม่สงบ รอยยิ้มของริมฝีปากที่มีน้ำมีนวลดูกำลังดี ทำให้คนอยากที่จะลิ้มลอง ทันใดนั้น ใจของซูย้าวเต้นเร็วขึ้นอย่างหยุดไม่ได้ ความรู้ร้อนบนใบหน้าเพิ่มขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่
“คำอธิบายนี้…… “ซูย้าวยิ้มออกมา และหลบการกอดของเขาอย่างรวดเร็ว และหายใจเข้าลึก” เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ฉันไม่อยากไปคิดมันอีกต่อไป
หันหลังไปมองเจิ้งเอ๋อที่อยู่บนเตียง และจับมือของเขาไว้ “เจิ้งเอ๋อ พรุ่งนี้แม่จะพาน้องมานะ ดีมั้ย? น้องเป็นน้องแท้ๆ ของลูกนะ!”
ยังมีน้องชายอีกนึ่งคน
แต่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหน
นึกถึงตอนนี้ ซูย้าวลังเลอยู่พักหนึ่ง และมองไปที่ลี่เฉินซีแล้วคิดหน้าคิดหลังแล้วตัดสินใจพูดออกมา “มีเรื่องบางเรื่องฉันอยากที่จะคุยกับนายเป็นการส่วนตัว”
“เรื่องเกี่ยวกับอะไร?”ลี่เฉินซีสังเกตเห็นสีหน้าที่จริงจังของเธอ เขาก็รู้ถึงความรุนแรงของเรื่องที่เธอจะคุยแล้ว
“เกี่ยวกับ……”
ซูย้าวกำลังจะพูด ขณะเดียวกันประตูของห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออก
หานฉ่ายหลิงได้เข้ามา และเห็นพวกเขาสองคนอยู่ในห้องด้วยกัน เธอก็ได้พูดออกมาอย่างเขินอายว่า “คุณป้าให้ฉันมาดูลี่เจิ้งไม่คิดเลยว่าซูย้าวจะอยู่ที่นี้ด้วย!”
ได้ยินคำพูดแบบนี้ ซูย้าวกลับรู้สึกอายขึ้นมา
“เฉินซีนายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เดียวฉันจะไปแล้ว!” ปากเธอบอกจะไป แต่เธอยังไม่ได้หันหลังเลย
ซูย้าวถอนหายใจเบาๆ “พรุ่งนี้ฉันค่อยมาเยี่ยมเจิ้งเอ๋อใหม่ มันดึกแล้ว ที่บ้านยังมีเด็กสองคน! ฉันกลับก่อนนะ!”
เธอหยิบเสื้อคลุมขึ้นมา แต่เธอไม่ได้สังเกตเตียงข้างหลังเลยว่า เด็กที่มีใบหน้าที่เอ๋อคนนี้ มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย