เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 490
หานฉ่ายหลิงตัวสั่นพร้อมกัดริมฝีปากล่างไว้ จ้องผู้ชายข้างกายด้วยสายตาอาฆาตแค้น หน้าตาเหมือนถูกเหยียดหยาม
เฝ้าดูหน้าตาอ่อนแอของผู้หญิง สามารถปลุกอารมณ์ของผู้ชายได้จริงๆ ทำให้อยากปกป้องเธอมาก แต่ยกเว้นเพ้ยส้าวหลี่
เขาจับคางเธอไว้ มองดูสายตาอาฆาตแค้นของเธอแล้วพูดทีละถ้อยคำ “หานฉ่ายหลิง ที่ผ่านมารู้สึกว่าคุณไม่ฉลาด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะโง่ถึงขั้นนี้ คุณจับซีซีไปมีประโยชน์อะไร?”
“ใช้เด็กข่มขู่ซูย้าว? แต่ในมือคุณมีชาร์ลีคนหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ? หรือคนเดียวยังไม่พออีก?” เดิมทีเพ้ยส้าวหลี่ไม่อยากพูดจาไร้สาระกับผู้หญิงคนนี้ แต่พอนึกถึงว่าความโง่เขลาของเธอสามารถทำลายล้างทุกอย่าง ก็จำเป็นจะต้องเตือนเธอ!
หานฉ่ายหลิงมีสีหน้าตกใจ มองเขาอย่างเหลือเชื่อ “คุณ……”
เธออยากพูดจังเลยว่า เขารู้เรื่องลักพาตัวซีซีได้ยังไง?
ตอนนี้ซูย้าวปล่อยปละละเลยเธอมาก ไม่ได้แจ้งตำรวจ และไม่ได้แจ้งลี่เฉินซี เพ้ยส้าวหลี่รู้ได้ยังไงกันแน่? !
ผู้ชายเก็บแรงในมือกะทันหัน ตอนที่สลัดเธอไปข้างๆ ได้หันหลังแล้วพูดอย่างเย็นชา “ชาร์ลีก็คือไพ่ใหญ่สุดในมือคุณ มีไพ่ใบนี้อยู่ ก็รู้ไว้แล้วว่าคุณจะชนะศึกนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่คุณดันโลภไม่รู้จักพอ ลักพาตัวซีซีไปอย่างทำอะไรเกินความจำเป็น ช่างโง่เขลาจริงๆ!”
เขาเดินไปข้างๆ รูปร่างสูงใหญ่พิงอยู่ที่โต๊ะทำงาน จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบมวนหนึ่งพร้อมตามมาด้วยพ่นควันออกมา เขาพูดอีกว่า “ถ้าไม่อยากแพ้ทุกกระดาน งั้นก็รีบกลับไปจัดการเรื่องเละเทะของคุณซะ”
หยุดไปครู่หนึ่ง สายตาเยือกเย็นของเขามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า มองรูปร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอแล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ตามมาด้วยรอยยิ้มที่กระหายเลือด “นี่คือเห็นแก่ที่เมื่อครู่คุณทำตัวดี ผมถึงเตือนคุณด้วยความหวังดีนะ”
สีหน้าโกรธที่เนื่องจากอับอายของหานฉ่ายหลิงดูแย่ผิดปกติ แทบอยากจะยกมือตบผู้ชายคนนี้สักฉาด ก็ยังยากที่จะระบายความแค้นในใจเธอ!
แต่เธอทำแบบนี้ไม่ได้ เธอจะต้องสงบสติอารมณ์ เห็นความฝันที่เฝ้ารอมาหลายปีกำลังจะบรรลุแล้ว วันแต่งงานก็ใกล้ถึงแล้ว เธอรออย่างลำบากมานานขนาดนี้ ตอนที่งานใหญ่กำลังจะสำเร็จ จะล้มเหลวเพราะขาดความพยายามสุดท้ายไม่ได้
เพ้ยส้าวหลี่คือปีศาจตนหนึ่ง แต่ตั้งแต่นาทีที่เจรจรากับคนร้าย เธอก็ควรจะคิดได้แล้วว่าจะเกิดเรื่องพวกนี้ ตอนนี้ถึงรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ก็ได้แต่ทำผิดต่อไป!
คืนนั้น เธอได้ขับรถมาที่คอนโคแถวถนนอานชิ่ง
พอเข้าห้องปุ๊บ แม่บ้านได้ยินเสียงก็รีบออกมาต้อนรับ หานฉ่ายหลิงไม่ได้มีอารมณ์อะไร สีหน้าเธอเย็นชา ชายตามองข้างบนแวบหนึ่งแล้วถามว่า “เด็กเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณชายชาร์ลีเป็นเด็กเชื่อฟังมากค่ะ กินข้าวตรงตามเวลา เรียนเปียโนและเขียนพู่กันจีนตรงตามเวลา แต่คุณหนูซีซี……”
แม่บ้านอยากพูดแต่ก็หยุดชะงักไว้ หานฉ่ายหลิงตื่นเต้นขึ้นมาทันที “เธอเป็นอะไรอีก?”
“คุณหนูซีซีไม่กินไม่ดื่ม แม้แต่คุณชายน้อยชาร์ลีไปกล่อมเธอ เธอก็ไม่สนใจเลยค่ะ เหมือนเดิมทีร่างกายของเด็กคนนี้ก็อ่อนแออยู่แล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อจะป่วยได้ค่ะ……”
หานฉ่ายหลิงหายใจลึกๆแล้วยื่นกระเป๋ากับเสื้อคลุมให้กับแม่บ้าน จากนั้นได้ไปนั่งโซฟาคนเดียว
เธอใช้มือท้าวคาง ในหัวมีแต่คำพูดของเพ้ยส้าวหลี่วนเวียนอยู่ ตอนนี้ดูท่าลักพาตัวซีซีมาเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดจริงๆ
มีชาร์ลีอยู่ในมือ ซูย้าวก็เชื่อฟังเธอแต่โดยดีแล้ว ส่วนซีซีคนนี้……
เธอไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก็ได้เดินไปชั้นบน
ห้องนอนของชั้นบน ตอนที่หานฉ่ายหลิงเปิดประตูเข้ามา ซีซีกำลังนอนคว่ำอยู่บนเตียง รูปร่างเล็กๆกำลังงอตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม แม้แต่ศีรษะก็ไม่โผล่ออกมาเลย มีแค่เส้นผมดกดำที่โผล่ออกมาข้างนอก
เธอสูดหายใจลึกๆ เก็บความหงุดหงิดไว้แล้วเดินไปนั่งที่ขอบเตียง และเปิดผ้าห่มออกมานิดหน่อย
ซีซีรู้สึกได้ว่ามีคน จึงได้พลิกตัวด้วยจิตใต้สำนึก พร้อมนอนหันหลังให้กับหานฉ่ายหลิง
เห็นได้ชัดมากว่าหน้าตาของยัยตัวเล็กไม่เต็มใจอย่างมาก
หานฉ่ายหลิงจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเธอกำลังต่อต้านตัวเองอยู่ แต่พูดตามตรง เธอก็ไม่มีอารมณ์กล่อมเด็กหรอก แต่คิดไปคิดมาแล้ว อดทนอีกหน่อยเถอะ เพื่อคำหนึ่งถึงภาพใหญ่
“ซีซี ทำไมหนูไม่ทานข้าวล่ะคะ?” หานฉ่ายหลิงกดเสียงให้ต่ำลง ฟังแล้วมีความอ่อนโยนมากขึ้น “หนูคิดถึงแม่เหรอคะ?”
ได้ยินคำว่า‘คุณแม่’ปุ๊บ ทันใดนั้นรูปร่างผอมเล็กได้ขยับ ดวงตากลมโตกะพริบตาปริบๆ
เนื่องจากตำแหน่งที่นั่ง ทำให้หานฉ่ายหลิงมองไม่เห็นปฏิกิริยาของซีซี เธอแค่คาดเดาพร้อมยื่นมืออุ้มยัยตัวเล็กมา
ตอนแรกซีซียังต่อต้านและขัดขืนอยู่ ในอ้อมอกเธอ แต่กำลังของเด็กจะสู้กำลังของผู้ใหญ่ได้อย่างไร?
ไม่นานยัยตัวเล็กก็ยอมแพ้ ถูกหานฉ่ายหลิงกอดไว้ในอ้อมอกอย่างแน่น เธอยกใบหน้าเรียวเล็กของซีซีขึ้น มองเด็กผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยคนนี้แล้วถอนหายใจทีหนึ่ง “หนูฟังน้าพูดนะ ที่จริงน้าไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นเลย หนูก็รู้ว่าชาร์ลีไม่มีเพื่อนอะไรเลย”
“เขาอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลชอบเล่นกับหนูคนเดียว น้าก็เลยคิดว่าอาศัยสองวันนี้แม่ของหนูงานยุ่ง ก็เลยรับหนูมาอยู่เป็นเพื่อนชาร์ลีสักสองสามวัน แต่ดูท่าเหมือนหนูจะเข้าใจน้าผิดไปแล้ว”
หานฉ่ายหลิงเองก็ยังนับถือตนเองเลย ที่สามารถหาข้ออ้างแบบนี้ออกมาอธิบาย
ยังไงซะซีซีก็ยังเด็กอยู่ ถึงฉลาดแค่ไหน แนวคิดก็ยังอยู่ในวัยเด็กอยู่ จะเข้าใจความคิดซับซ้อนของผู้ใหญ่ได้อย่างไร เธอกะพริบตาปริบๆ มองหานฉ่ายหลิงเป็นพักๆ
หานฉ่ายหลิงพูด “ซีซีอย่ารีบร้อนนะ เดี๋ยวน้าก็ส่งหนูกลับแล้ว โอเคมั้ยคะ?”
ซีซีอึ้ง แววตามีความประหลาดใจแวบผ่าน
หานฉ่ายหลิงลูบศีรษะของเธอและพูดจาอ่อนโยน “ซีซีรู้แค่คุณแม่ แล้วหนูไม่เคยคิดถึงคุณพ่อเหรอคะ?”
คุณพ่อ?
ดวงตาแอ๊บแบ๊วของซีซีหยุดชะงักเล็กน้อย พริบตาเดียวแววตาก็มืดมนลงมา
หานฉ่ายหลิงพูดต่อ “น้ารู้ว่าหนูเป็นคนฉลาดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว หนูทายความสัมพันธ์ของหนูกับลุงลี่ได้แล้วใช่มั้ย?”
ซีซีไม่พูด แต่สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง เขียนอยู่เต็มใบหน้า
หานฉ่ายหลิงยิ้ม “ซีซีสงสารคุณแม่ กลัวว่าพ่อจะแย่งหนูกับแม่ ถึงได้แกล้งเป็นใบ้ไม่พูดจา ถูกมั้ยคะ?”
ซีซีอึ้งค้างไปเลย เธอเงยหน้ามองผู้หญิงที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมอย่างประหลาดใจ มุมมองของวัยเด็ก แยกแยะคนดีหรือคนร้ายไม่ออก แค่คาดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเดาได้ทุกอย่าง ช่างมหัศจรรย์จริงๆ
หานฉ่ายหลิงจับแก้มขาวเนียนของเธอ “ในเมื่อซีซีสงสารคุณแม่ งั้นก็ช่วยแม่แบ่งเบาหน่อย ดีมั้ยคะ?”
ซีซีมึนๆ เหมือนจะฟังรู้เรื่อง แต่ก็ฟังไม่รู้เรื่อง
หานฉ่ายหลิงไม่มีเวลาสนใจพวกนั้น เธอแค่พูดต่อ “หนูรู้มั้ย? หนูยิ่งใกล้ชิดกับแม่ของหนู ลุงลี่ของหนูก็จะยิ่งฉวยโอกาสแย่งหนูไป ในทางกลับกัน ถ้าหนูห่างเหินกับแม่ ทำให้คนนอกดูเหมือนว่าหนูเบื่อคุณแม่แล้ว งั้นลุงลี่ก็จะคิดว่าหนูเป็นเด็กไม่มีมารยาทและไม่มีคนสั่งสอน เขาก็จะไม่เอาหนูอีก ไม่ใช่เหรอคะ?”
แววตามึนงงของซีซีค่อนข้างซับซ้อน เธอกะพริบตา หน้าตาเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ
หานฉ่ายหลิงถอนหายใจลึกๆ “อย่างไรก็ตาม น้าหวังล้วนดีกับหนูทั้งนั้น ไม่ว่าซีซีจะเข้าใจหรือไม่ แต่ขอแค่หนูอยากอยู่กับแม่ตลอดไป งั้นตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปก็จะต้องอยู่ห่างๆจากแม่ของหนู จะใกล้ชิดอีกต่อไปไม่ได้ เข้าใจมั้ยคะ?”
ซีซีไม่รู้เรื่อง ฟังไม่รู้เรื่องเลย
แต่โลกของผู้ใหญ่ มีเรื่องไหนที่เธอจะสามารถเข้าใจได้หมดล่ะ?
อีกฝั่งหนึ่งของเมือง ห้องสูทของชั้นบนสุดในโรงแรมหรู ในห้องมืดลงตามท้องฟ้าของด้านนอก ในความมืดมิดร่างเงาที่ผอมเพรียวได้นั่งอยู่บนโซฟา
ซูย้าวใช้มือท้าวคาง ในหัวมีความคิดมากมาย เธอคิดไม่ถึงเลยว่าให้บริษัทลี่ซื่อร่วมงานกับจู้สือกรุ๊ป จะก่อให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้
เธอแทบจะเป็นคนทำลายชื่อเสียงของบริษัทลี่ซื่อป่นปี้ไปหมด
และสิ่งที่ทำให้เธอยากที่จะเชื่อที่สุดคือ ท่าทีตอนนั้นของเขา เขาคงจะเดาทั้งหมดนี้ได้ตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังได้เซ็นสัญญาฉบับนั้นเหมือนเคย……
‘ก๊อกๆๆ’จู่ๆเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ซูย้าวอึ้งเล็กน้อย สายตาเหลือบไปเห็นท้องฟ้ามืดมิดของนอกหน้าต่าง ทีนี้ถึงตระหนักได้ว่าดึกมากแล้ว เธอลุกไปเปิดประตูอย่างช้าๆ