เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 493
ซูย้าววางสายโทรศัพท์ นั่งนิ่งเงียบอยู่ที่เดิม บนใบหน้างดงามนั้น เจือไปด้วยความโกรธ และคล้ายจะหน้ามืด
โม่หว่านหว่านเห็นอย่างนั้น ก็ย่นคิ้วถาม “เกิดอะไรขึ้น? ใครโทรมา?”
เธอคิดไปคิดมา ยิ้มเบาๆ พร้อมกับแกล้งแสดงว่าไม่มีอะไร แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร พอดีที่ทำงานมีธุระนิดหน่อย ตอนนี้ฉันต้องไปจัดการเดี๋ยวนี้”
“ที่ทำงาน?” โม่หว่านหว่านงงงวย จากนั้นก็ลุกขึ้นมาเพื่อสอบถามซูย้าว “ตลาดในประเทศของจู้สือกรุ๊ปเป็นแบบนี้แล้ว ตอนนี้ตำรวจกำลังเข้าไปตรวจสอบ แล้วจะยังมีเรื่องอะไรได้อีก?”
หยุดไปพักหนึ่ง เธอก็เบาเสียงลง มองไปที่ซูย้าวอย่างละเอียด “ฉันไม่สนว่าปกติเธอกับโอวหยางเช่อจะรู้จักกันเป็นเพื่อนกันเป็นการส่วนตัวหรือไม่ แต่ซูย้าว เธอต้องมีสติและหาวิธีเอาตัวรอดให้ได้ ใช่ว่าเธอจะไม่เข้าใจ”
“ในเวลานี้ เรื่องซัดทอดกันไปกันมายังไม่มีที่สิ้นสุด เธออย่ายอมให้พวกเขาลากเธอเข้าไปเกี่ยวข้อง!”
ความเป็นห่วงและความกังวลของโม่หว่านหว่าน ซูย้าวเข้าใจ เธอพยักหน้าอย่างยอมรับ “ฉันเข้าใจแล้ว วางใจเถอะ!”
เด็กสองคนปล่อยให้โม่หว่านหว่านดูแล ส่วนซูย้าวก็ขับรถออกไปที่หอฮุ่ยเยว่
ที่นี่คือร้านชุดงานแต่งงานระดับสูง ชุดเจ้าสาวทุกแบบทุกประเภทที่สั่งทำขึ้นนั้นสำหรับบุคคลที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะ เรียกได้ว่าเป็นการตัดชุดให้เหมาะกับแต่ละบุคคล และบริการดีเยี่ยม
สภาพแวดล้อมก็สวยงาม มีระดับ และโดดเด่นไม่เหมือนใคร
หอฮุ่ยเยว่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า ดูจากภายนอกก็เป็นตึกที่ใหญ่โตโอ่อ่าแต่ก็ไม่ต่างจากตึกออฟฟิศทั่วไป แต่เมื่อเดินเข้าไป กลับทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างราวกับอยู่ในเทพนิยาย เทียบได้กับแดนสวรรค์
ข้างในตกแต่งแบบย้อนยุค ชั้นบนมีศาลาแบบจีน ลำธารเล็กๆ ภูเขาจำลอง งานแกะสลักฝีมือคนที่ดูพิถีพิถันและประณีตสวดงาม ปราศจากความพลุกพล่านตึงเครียดของเหมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรือง จะมีก็เพียงแค่ความสงบความสบายใจของท้องทุ่งนาและลำธารเล็กๆ
ซูย้าวมาที่นี่เป็นครั้งแรก เมื่อก่อนเคยแค่ได้ยินคนอื่นพูดมา ในตอนนี้ที่ได้เห็นกับตาตัวเอง มันไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้จริงๆ
พนักงานพาเธอขึ้นไปชั้นบนแบบส่วนตัว ค่อยๆ ผลักประตูออกให้ เธอคิดว่าคนที่รอเธออยู่ข้างในนั้นคือหานฉ่ายหลิง แต่ผิดคาดเพราะนั่นคือลี่เฉินซี
ชายที่หล่อเหลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เปล่งประกายเป็นจุดสนใจอยู่ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ ร่างในชุดสูทสีดำตัวตรง ร่างสูงโปร่งของเขาที่ข้างหน้าต่างถูกกระทบด้วยแสงของตะวันที่กำลังตกดิน เสริมให้เขายิ่งมีออร่า เสริมกับบุคลิกที่สง่างามผึ่งผายของเขาได้อย่างลงตัว
ซูย้าวเพียงมองแค่แวบเดียว ก็ตะลึงอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ใช่ว่าเธอตะลึงกับความหล่อของลี่เฉินซี แต่เธอกลับรู้สึกกลุ้มใจเป็นอย่างมาก ทำไมหานฉ่ายหลิงให้มาหา แต่กลับกลายเป็นเขาที่รอเธออยู่แทน สรุปแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เธอสงสัยและไม่สามารถอธิบายได้ รอยยิ้มแวววาวของเขาค่อยๆ ปรากฏขึ้น เมื่อพนักงานออกไป ลี่เฉินซีก็ก้าวเข้ามาหาเธอ “แปลกใจขนาดนั้นเลยหรือไง ที่เจอฉัน?”
เขาเฉยเมย แต่ไหนแต่ไรเขาพูดดีกว่านี้
ซูย้าวขมวดคิ้วเบาๆ “ไม่ใช่แบบนั้น ก็แค่…”
เธอลากเสียงยาว คิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรต่อ
ลี่เฉินซีก้าวมาใกล้อีกก้าว ดึงมือเธอขึ้นมา เดินก้าวเข้ามาในห้องอย่างช้า “ก็แค่คิดไม่ถึงว่าจะเจอฉัน ใช่ไหม?”
ซูย้าวพยักหน้า หลังจากนั้นจึงพูด “คุณมาเลือกชุดแต่งงานกับคุณหานเหรอ?”
สายตาของลี่เฉินซีดูนิ่งสงบ ไม่อธิบายอะไร และไม่ตอบอะไร เพียงแค่จ้องมองมาที่เธอ นัยน์ตาสีเข้มราวกับดวงดาวนั้น เปล่งประกายระยิบ “ถ้าฉันบอกว่ามาเพื่อเจอเธอ เธอจะเชื่อไหม?”
ซูย้าวกระตุกยิ้มออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เลี่ยงห่างออกมาจากตัวเขา “ประธานลี่นี่ชอบพูดเล่นอยู่เรื่อยเลย แล้วคุณหานล่ะคะ?”
ประโยคจบลงเพียงเท่านั้น ม่านที่อยู่ด้านในก็เปิดออกมาอย่างช้าๆ ไฟที่ติดอยู่กำแพงส่องประกายกระทบกับหญิงที่ยืนอยู่บนเวที เธอสวมชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ ร่างบางนั้นแต่งหน้าอ่อนๆ สง่างามราวกับภาพวาด
ซูย้าวเพียงมองแค่แวบเดียว ก็นิ่งไป
หานฉ่ายหลิงช่างเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆ รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่น นิสัยดีเลิศ รูปร่างยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยิ่งในเวลานี้ที่สวมชุดแต่งงาน ยิ่งราวกับนางฟ้าในภาพวาด สวยจนละสายตาจากเธอไม่ได้เลย
พนักงานสองคนข้างๆ คอยจัดชุดดูแลความเรียบร้อยของชายกระโปรงให้หานฉ่ายหลิง ท่าทางกระตือรือร้นและจริงใจ
ลี่เฉินซีมองไปทางผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา พร้อมกับหัวข้างนั่งลงบนโซฟา
เขาที่เฉยชาและห่างเหิน ต่างจากหานฉ่ายหลิงที่ถามเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังว่า “เฉินซี คุณคิดว่าชุดนี้สวยไหม?”
ลี่เฉินซีไม่แม้แต่จะมอง เพียงแต่แค่พยักหน้าเบาๆ นับว่าเป็นการเห็นด้วยแล้ว
หานฉ่ายหลิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เธอส่งสายตาเพื่อบอกให้พนักงานสองคนนั้นออกไปข้างนอกก่อน พร้อมกับหันไปทางซูย้าวแล้วโบกมือ “คุณซู มานี่หน่อยได้ไหม?”
ซูย้าวไม่ได้ปฏิเสธ เดินเข้าไปหาโดยปกติ
“ฉันรู้ว่ามันอาจจะดูมากเกินไปหน่อย แต่ฉันอยากจะขอร้องให้คุณซูช่วยฉันเรื่องนี้จริงๆ ไม่รู้ว่า…” หานฉ่ายหลิงอึกอัก แสร้งทำเป็นกระดากอาย ดูเหมือนน่ารัก ขี้เล่น
ซูย้าวมองเธอเงียบๆ แล้วพูดเพียงว่า “คุณพูดมาเถอะ”
“คุณมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉันได้ไหม?” หานฉ่ายหลิงพูดความต้องการของเธอออกมา
เธอรู้ว่าซูย้าวไม่สามารถปฏิเสธได้ โดยเฉพาะในตอนนี้ เธอมีชาร์ลีอยู่ในมือ นั่นเท่ากับว่าชีวิตของเธออยู่ในกำมือของผู้หญิงคนนี้
เป็นไปอย่างที่คาดไว้ ซูย้าวเดาไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้ ทำได้เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ “ได้”
“จริงเหรอ?” หานฉ่ายหลิงดูชอบใจพอใจ สายตามองไปที่ชายที่อยู่ข้างๆ “เฉินซี เธอดูสิ คุณซูตกลงจะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวของฉันแล้ว!”
สายตาของลี่เฉินซีไม่ขยับ นิ้วเรียวยาวราวกับหยกนั้นหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาจากโต๊ะน้ำชา หยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน คาบไว้ที่ปากบาง หยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดไฟ’ติง’ เสียงไฟแช็กดัง
หานฉ่ายหลิงตั้งใจทำเป็นกระตือรือร้นพร้อมจูงแขนของซูย้าว ยิ้มแล้วพูด “ถ้าอย่างนั้นพวกเราเข้าไปข้างในเลือกชุดกันเถอะ!”
ซูย้าวตามเธอเข้าไปข้างใน เมื่อผ้าม่านปิดลง ประตูข้างในก็ถูกปิด หน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของหานฉ่ายหลิงก่อนหน้านี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย แทนที่ด้วยความหยิ่งยโส ดูหมิ่น
“อดีตภรรยามาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ภรรยาใหม่ ความคิดนี้ ไม่ผิดหรอกใช่ไหม?”
ซูย้าวมองเธอ “ใช่ ไม่ผิด”
หานฉ่ายหลิงไม่พอใจกับท่าทีที่ตอบกลับของเธอ พร้อมแสยะปาก “เธอเดาออกว่าฉันจะทำแบบนี้เหรอ?”
“ไม่เช่นนั้นคุณจะเรียกฉันให้มาที่นี่ทำไมล่ะ?” ซูย้าวตอบกลับตรงๆ ไม่อยากอ้อมค้อมกับเธออีกต่อไป
หานฉ่ายหลิงยักไหล่ หมุนตัวกลับไปมองชุดเจ้าสาวที่เรียงแถวอยู่ แล้วพูด “เห็นชุดแต่งงานพวกนี้หรือยัง? ทั้งหมดนี้พ่อแม่ของเฉินซีสั่งตัดมาเพื่อฉัน เธอว่า แต่งงานแค่ครั้งเดียว จะทำชุดแต่งงานเยอะขนาดนี้มาทำไมนะ?” ซูย้าวมองไปทางอื่น ใบหน้านั้นเงียบสงบ ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร
ไม่ได้รับการตอบกลับจากอีกฝั่ง หานฉ่ายหลิงไม่ปล่อยให้เสียโอกาส เธอหันมาและพูดต่อ “ได้ยินว่าตอนที่เธอแต่งงานกับเฉินซี แม้แต่พิธีแต่งงานแบบนี้ ก็ไม่ได้จัดขึ้นนี่นา!”
สมกับที่เธอต้องการพูดโอ้อวด ซูย้าวเผชิญหน้ากับเธอพร้อมกับพยักหน้า “ใช่ ไม่ได้จัดพิธีแต่งงาน และไม่มีงานเลี้ยงฉลอง สิ่งเดียวที่มีก็คือใบทะเบียนสมรส หลังจากนั้นก็อยู่ด้วยกันแล้ว”
“ว่ากันว่าผู้ชายจะทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงได้ ก็ต่อเมื่อเขารักเธอคนนั้นจริงๆ ดูจากตอนนี้แล้ว ก็คงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ !” หานฉ่ายหลิงแสยะยิ้ม ยิ้มอย่างยินดีปนเจ้าเล่ห์
ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งอย่างหมดความอดทน “คุณหาน ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรอื่นแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อน”
เมื่อเห็นเธอกำลังไป หานฉ่ายหลิงก็รีบเดินมาขวางเธอไว้ แล้วพูด”อย่างเพิ่งรีบไปสิ ใครบอกว่าฉันไม่มีธุระเรื่องอื่นอีก?”
พูดแล้ว เธอก็ขยับไปที่โต๊ะเครื่องแป้งข้างๆ แล้วหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋า ส่งให้ซูย้าว “เธอเซ็นเอกสารพวกนี้!”
ซูย้าวเดินเข้ามารับเอกสารไปค่อยๆ เปิดดู ความโกรธค่อยๆ ก่อตัวขึ้นภายในใจเธอ เธอมองไปทางหานฉ่ายหลิง “เนื้อหาในเอกสารของโครงการนี้ อยู่ในความดูแลของโอหยางกับหลินหวั่นหญิง”
ให้เธอเซ็นเอกสารนี้ตอนนี้ ในเอกสารเรียบเรียงไว้ชัดว่าโครงการในประเทศที่อยู่ในความรับผิดชอบจู้สือกรุ๊ป เธอจะถูกยัดให้แบกรับมันใส่หัวไว้ทั้งหมด
มีเหตุผลอะไรที่ซูย้าวจะต้องยอมถูกใส่ความ?!
หานฉ่ายหลิงมองเธอ ยิ้มเล็กยิ้มน้อยไม่หยุด “ถูกต้อง เป็นความดูแลของพวกเขา แต่ตอนนี้ฉันต้องการให้เธอเซ็นเปลี่ยนเป็นความดูแลของเธอแทน เป็นอะไรไป? ไม่พอใจเหรอ?”
หยุดไปพักหนึ่ง เธอก็พูดขึ้นมาอีก “ต้องให้ฉันเตือนความจำเธอไหม? ชาร์ลี…”
ไม่ปล่อยให้เธอพูดต่อ ซูย้าวก็ตัดบท “แค่ฉันเซ็นแค่นั้นก็พอใช่ไหม?”
เธอพยักหน้า “อือ ก็แค่นั้นแหละ!”
ซูย้าวไม่ลังเล ก้มตัวลงหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นเอกสารทีละฉบับ หลังจากนั้นก็ส่งให้หานฉ่ายหลิง “ครั้งนี้พอใจหรือยัง?