เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 494
หานฉ่ายหลิงกวาดตามองเอกสารที่ได้รับมาทีละฉบับ พร้อมยิ้มอย่างคนที่เหนือกว่า “เธอพูดกับฉันด้วยท่าทีแบบนี้เหรอ?”
ซูย้าวขมวดคิ้ว ไม่อยากสนใจผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว “ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อน”
ประโยคจบลงแค่นั้น พร้อมมุ่งตรงออกไปข้างนอก
ครั้งนี้ หานฉ่ายหลิงไม่ได้รั้งเธอเอาไว้ เพียงแค่มองตามหลังเธอที่เดินออกไปเงียบๆ มุมปากแดงยั่วยวนนั้นยกขึ้น ยิ้มอ่อนเย็นยะเยือก ท่าทางของผู้ชนะแบบชั่วร้ายก็ปรากฏออกมา
ตอนซูย้าวเดินออกมา ลี่เฉินซีกำลังยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ร่างนั้นเปล่งประกาย มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ราวกับว่ากำลังคุยกับใครอยู่
เธอไม่มองเขา แต่ก้าวเดินออกไปเลย
แต่เสียงก้าวเท้า ทำให้เขารู้ตัว เขาชำเลืองมองมาที่เธอจากตรงนั้น แววตาอึมครึมและดูลึกซึ้ง
ซูย้าวเพิ่งเดินถึงประตู ยังไม่ทันได้ยื่นมือไปผลักประตู ก็มีคนข้างนอกเปิดเข้ามาพอดี ทำให้เธอตกใจ
คนที่เดินเข้ามาคือผู้จัดการสวมชุดเครื่องแบบ มองที่ซูย้าวด้วยความเคารพนอบน้อม ท่าทางดูอ่อนน้อมเป็นอย่างมาก แต่ที่ทำให้ประหลาดใจที่สุดคือตำรวจในเครื่องแบบสองคนที่เดินตามหลังผู้จัดการเข้ามา
คนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าซูย้าว พร้อมกับถาม “ขอโทษนะ คุณคือคุณซูย้าวผู้ดูแลภาคประเทศจีนแห่งจู้สือกรุ๊ปใช่ไหม?”
ซูย้าวพยักหน้า “ใช่ ฉันเอง”
“สวัสดี เนื่องจากจู้สือกรุ๊ปถูกสงสัยว่ามีการฉ้อโกงในโครงการการลงทุนหลายแห่งและเรื่องฟอกเงินอีกหลายๆ อย่าง ขอให้คุณให้ความร่วมมือในการสอบสวนด้วย”
พูดจบ ตำรวจคนนั้นก็เดินเข้ามาใกล้อีก ซูย้าวตกตะลึง คำเตือนขอโม่หว่านหว่าน ดูท่าจะเป็นความจริง
เวลานี้ เพราะเรื่องของซีซี ทำให้เธอประมาทกับเรื่องนี้เกินไป
เธอถอนหายใจ หันไปทางตำรวจสองคนนั้นพร้อมพยักหน้า “ได้” แล้วเดินตามตำรวจสองคนนั้นไปข้างนอก
เพราะเดินอย่างรีบร้อน ทำให้เธอไม่สนใจแม้แต่สายตาของชายที่อยู่ข้างหลังที่มองอย่างสงสัยกับใบหล่อเหลาที่ดูยุ่งเหยิงนั้น
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ที่นี่ ผู้จัดการร้านก็รีบร้อนเดินมาข้างหน้าลี่เฉินซี พร้อมคำอธิบายต่างๆ พร้อมพยักหน้าแล้วโค้งแสดงความเคารพด้วยความวิตกกังวล
ใบหน้าที่เย็นชาของเขาไม่ได้ดูมีอะไรที่ผิดปกติ หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ เขาก็ชายตามองผู้จัดการเพื่อบอกให้ออกไปก่อน ทางฝั่งหานฉ่ายหลิงก็เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากข้างใน
เธอดูสง่างาม ด้วยการแต่งหน้าที่วิจิตรงดงาม เป็นผู้หญิงที่สวย สายตาเสน่ห์หานั้นมองมาที่เขา พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เฉินซี เธอดูชุดแต่งงานนี้สิ สวยไหม?”
ลี่เฉินซีเงยหน้ามองด้วยสายตาเย็นชา พร้อมใช้สายตากวาดมอง ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เรื่องของซูย้าว เธอรู้เรื่องไหม?”
หานฉ่ายหลิงชะงักไปนิดหน่อย แกล้งทำเป็นงงพร้อมกะพริบตาถาม “เรื่องอะไรเหรอ?”
“ฉันไม่ค่อยสบายใจอยู่เนี่ย ซูย้าวหายไปไหนแล้ว…” เธอพูดเสริมขึ้นมา
ลี่เฉินซีไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หมุนร่างสูงยาวนั้นเดินออกไป
เขาเดินอย่างเร็ว แน่วแน่ราวกับสายลม
หานฉ่ายหลิงตะลึง รีบตามออกไป “เฉินซี…”
เสียงเธอสะบัดสะบิ้ง นุ่มนวลอ่อนหวานราวกับเคลือบน้ำตาลและมีเสน่ห์ แต่ชายคนนั้นกับเพิกเฉยและไม่สนใจเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
ใบหน้าของหานฉ่ายหลิงปรากฏสีสันขึ้นมาเล็กน้อย เดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว แต่ชายคนนี้ก็ไม่มองเธอเลย ราวกับเธอเป็นอากาศ และเพียงแค่เดินจากเธอไป
“เฉินซี เฉินซี…” หานฉ่ายหลิงกลับมาได้สติ พร้อมกับไล่ตามเขาไปอย่างลุกลน
ชายร่างสูงตรงหน้าไม่ได้สนใจเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะเหลียวกลับมามอง
หานฉ่ายหลิงเร่งฝีเท้าของเธอขึ้น จึงสามารถตามทัน กลัวจะไม่ทันการเธอจึงใช้ร่างของเธอขวางประตูไว้ แล้วรีบพูด “เฉินซี ฟังฉันอธิบายก่อน ฉันไม่ดีเอง เมื่อกี้ตอนอยู่ในห้องฉันกับซูย้าวมีปากเสียงกันนิดหน่อย เธอจึงเดินออกมา…”
สายตาเยือกเย็นของลี่เฉินซีนิ่งไม่ขยับ สีหน้าปกติ เพียงแค่มองไปที่เธอเงียบๆ
หานฉ่ายหลิงเม้มปาก ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงแค่โกหก “เป็นความผิดฉันเองทั้งหมด ฉันไม่น่าทะเลาะกับซูย้าวเพียงแค่เพราะกระโปรงตัวเดียวเลยฉันผิดเอง เฉินซี เธออย่าโกรธได้ไหม?”
เธอพูด พร้อมกับยื่นมือมาดึงแขนของเขาไว้ แต่แขนก็ตกลง เพราะถูกลี่เฉินซีสะบัดออก
“เธอโดนตำรวจจับไปแล้ว” ร่างสูงมองลงมา น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นอย่างไม่คาดคิด
หานฉ่ายหลิงแกล้งทำเป็นชะงักเล็กน้อย แล้วพูดออกมา “โอ้ ทำไมเป็นแบบนั้นไปได้? ใช่เรื่องของจู้สือกรุ๊ปหรือเปล่า?”
เขาไม่ได้พูดอะไร ยื่นมือไปดึงมือเธอขึ้นมา ลากเธอออกไปข้างๆ แล้วผลักประตูเดินจากเธอไปอย่างรวดเร็ว
หานฉ่ายหลิงไม่คิดจะหยุด ยังตามเขาไปอีก เดินไปพูดไป “ถ้าเช่นนั้นเรื่องเพื่อนเจ้าสาว ซูย้าวคงเป็นให้ไม่ได้แล้วสินะ? น่าเสียดาย…”
ลี่เฉินซีหยุดเดิน พร้อมกับหันมาเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจนั้น มองที่เธออย่างเย็นชา “ฉันไปก่อนนะ”
ไม่กี่คำของลี่เฉินซี ช่างเย็นชาและเคร่งขรึม
น้ำเสียงนั้นราวกับเป็นเหมือนน้ำแข็ง มันทำให้บรรยากาศรอบๆ เย็นยะเยือกขึ้นมา ทำให้รู้สึกเย็นไปจนถึงหนังหัว หานฉ่ายหลิงเผชิญกับสายตาที่เย็นชาของเขา ราวกับถูกต้องมนต์จนลืมตอบโต้กลับ เพียงแต่ค่อยๆ ก้าวถอยหลังออกไป พร้อมพูดเสียงเบา “โอเค”
ลี่เฉินซีเดินลงบันไดไป ปากบางเม้มแน่น ใบหน้าเย็นชาปกคลุมไปด้วยความทุกข์ ดูแล้วคงจะรอต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
เขารู้สึกเย็นผิดปกติ ร่างสูงโปร่งนั้นกลับรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว เขารีบก้าวยาวๆ มุ่งตรงไปที่ลานจอดรถ
เมื่อเขาเปิดประตูรถ ร่างสูงยาวก็โค้งตัวขึ้นรถ ประตูปิดเองอัตโนมัติ เขาเอนเบาะคนขับแล้วโทรศัพท์หาหวางอี้
“ประธานลี่” เสียงชายที่อยู่ปลายสาย ตอบกลับมาด้วยเสียงนอบน้อม
หน้าหล่อของลี่เฉินซีตึงเข้ม สายตาที่เย็นชาจ้องมองไปข้างหน้า นิ้วเรียวราวกับหยกนั้นจับพวงมาลัยไว้ด้วยมือเดียว และสตาร์ทรถขับออกไปอย่างเร็ว
“เรื่องที่ให้จัดการ ถึงไหนแล้ว?” เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
หวางอี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับมาแบบยุ่งๆ “ใกล้จะจัดการเสร็จแล้ว”
ลี่เฉินซีสูดหายใจเข้าลึก “งั้นก็เริ่มเถอะ!”
เมื่อวางสาย บนใบหน้าที่เย็นชาของเขา รอยยิ้มเหยียดเล็กๆ ทางมุมปากนั้นก็ปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง แล้วก็หายไปราวกับไม่เคยปรากฏ
ในห้องสอบสวน ซูย้าวนั่งอยู่ในนั้นโดยมีตำรวจสองคนนั่งดำเนินคดีอยู่ตรงหน้าเธอ
ฟังจากคำของตำรวจ เธอเพิ่งจะรู้ว่าไม่ได้มีเพียงแค่เธอที่ถูกจับมา แม้แต่โอวหยางกับหลินหวั่นหญิงก็ถูกแยกนำตัวมาสอบสวนเช่นเดียวกัน
ดูท่าเรื่องราวครั้งนี้ คงจะเป็นเรื่องใหญ่มาก
ตั้งแต่ต้นจนจบ ซูย้าวไม่ได้ทำอะไรเลย เธอไม่ได้ทำอะไรที่ผิด เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่เครียดกับการไต่สวนและสอบสวน
ขั้นตอนการไต่สวนสั้นมาก เพราะไม่มีหลักฐาน เธอเพียงแค่เกี่ยวข้องเป็นหัวหน้าโครงการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้เธอพักรอก่อน แล้วออกจากห้องไป
เธอนั่งอยู่ในห้องสอบสวนคนเดียว นั่งมองกำแพงรอบๆ พร้อมคิดไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้ว่าตอนนี้ซีซีกับเตียวเตียวจะเป็นยังไงบ้าง แต่ยังโชคดีที่มีโม่หว่านหว่านคอยดูแลพวกเขา…”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากรออยู่หลายชั่วโมง ก็มีตำรวจคนหนึ่งผลักประตูเดินเข้ามา
แต่ครั้งนี้ ในมือเขาถือเอกสารมาด้วย พร้อมค่อยๆ วางลงตรงหน้าซูย้าว เธอใช้สายตามอง มันคือรายละเอียดการจัดการโครงการต่างๆ ภายในประเทศของจู้สือกรุ๊ป ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานหานฉ่ายหลิงเพิ่งจะให้เธอเซ็นลงไป
“ดูจากเอกสารพวกนี้แล้ว โครงการต่างๆ ภายในประเทศของจู้สือกรุ๊ป คนที่ดูแลจัดการโครงการทั้งหมดนี้คือคุณซูย้าว เรื่องนี้ คุณมีอะไรอยากจะพูดไหม?”
ซูย้าวมองไปที่ชายมาดเข้มตรงหน้าพร้อมขมวดคิ้ว เวลาผ่านไปสักพัก เธอจึงพูด “ฉันไม่มีอะไรจะพูด” เธอจะพูดอะไรได้ล่ะ?
จะบอกตำรวจว่าทั้งหมดนี้หานฉ่ายหลิงบังคับให้เธอเซ็นงั้นเหรอ? เพราะเวลานั้นลูกของเธอโดนจับตัวไปอยู่ในน้ำมือของคนอื่น ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เธอไม่ได้ตรวจสอบอะไร แม้จะรู้ว่าเป็นกับดัก แต่เธอไม่ลังเลที่จะกระโดดเข้าหามัน งั้นเหรอ?
ไม่ใช่ว่าไม่สามารถอธิบายได้ แต่มันไม่มีความจำเป็นต้องอธิบาย
ตั้งแต่ที่หานฉ่ายหลิงยื่นเอกสารให้เธอเซ็น เธอก็เดาได้ทุกอย่างแล้ว
แม้มันจะเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่เมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้ว สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือเฝ้ามองดูการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ
ถ้าเป้าหมายของคนพวกนี้ เพียงแค่ต้องการให้เธอเข้าคุกเพื่อเป็นแพะรับบาป ก็อาจจะดีเหมือนกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกลูกๆ ก็ปลอดภัยไม่ใช่เหรอ?
ถึงจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอให้ความสำคัญที่สุดคือลูก นอกเหนือจากนี้แล้วเธอก็ไม่สนอะไร
ตำรวจเห็นท่าทีที่ไร้กังวลของเธอเช่นนั้น ก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา “คุณซู ต้องให้ผมเตือนคุณสักหน่อยไหม ตอนนี้ผลการสืบสวนนั้นชี้ชัดมาที่คุณคนเดียว หลักฐานแต่ละอย่างก็ไม่เอื้อให้คุณ ถ้าคุณยังไม่ชี้แจงข้อเท็จจริง เช่นนั้น คุณรู้ไหมว่าผลสุดท้ายจะเป็นยังไง?”