เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 511
หลังจากที่ปลอบเด็กทั้งสองคนแล้ว ซูย้าวก็มีเวลาทำเรื่องราวต่อไป
ปล่อยให้เตียวเตียวเล่นคนเดียวต่อไป เธอลุกขึ้นเดินออกไป ขณะที่เดินไปด้วยก็หยิบโทรศัพท์ออกมา เตรียมโทรหาโม่หว่านหว่าน พบปะเพื่อพูดคุยกัน แต่ยังไม่ทันได้โทรออกไป ก็เห็นข้อความที่ได้รับในโทรศัพท์มือถือ
ดวงตาของเธอก็ไม่พอใจเล็กน้อย และหัวใจก็ตึงแน่นเล็กน้อย
ตอนที่เดินออกไปข้างนอก เพิ่งจะเปิดประตูห้องเด็กออก ร่างของชายหนุ่มที่อยู่ด้านนอกสูงสง่าเป็นอย่างมาก เดินเข้าใกล้อย่างมั่นคง ซูย้าวไม่ได้เงยหน้าขึ้น และเกือบจะเดินชนเข้า
เธอเดินโอนเอนต้องการถอยหลัง แต่กลับโดนลี่เฉินซีคว้าเอวไว้โดยไม่คาดคิด และใช้โอกาสนี้ดึงคนเข้ามาในอ้อมกอด แล้วปิดประตูห้องเด็กด้วยมืออีกข้างหนึ่ง
ซูย้าวนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ยังไม่ทันได้ดึงสติกลับมา ก็โดนคนกดลงที่กำแพงด้านหนึ่ง เขามือข้างหนึ่งเท้ากำแพงไปที่ข้างหูของเธอ ดวงตาเรียวยาวจ้องมองไปที่เธออย่างลึกซึ้ง“ปลอบเด็กๆเสร็จแล้ว ก็ควรจะปลอบพ่อของเด็กแล้วใช่มั้ย?”
เธอรู้ว่าคำพูดของเขาหมายถึงอะไร ใบหน้าก็แดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แล้วก็เลิกคิ้วเบาๆ ยกมือขึ้นมาดันหน้าอกของเขา พยายามจะหลบออกจากอ้อมแขนของเขา แต่กลับหนีไม่พ้นอยู่ดี จำเป็นต้องพูดว่า“ลี่เฉินซี ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำ อย่าเพิ่งกวน!”
ซูย้าวดูจริงจัง และแม้แต่น้ำเสียงก็แข็งทื่อเล็กน้อย
แต่ชายหนุ่มกลับไม่รู้ตัว เพียงแค่ยื่นมือมาเชยคางของเธอ จงใจให้คนหันมาทางตัวเอง นัยน์ตาลึกเจิดจ้าดวงดาว พราวพรายออกมานับไม่ถ้วน“มืดค่ำแล้วนะ ยังมีเรื่องอะไรที่สำคัญกว่าสิ่งต่อไปที่จะทำเหรอ?”
เสียงทุ้มต่ำของเขาเป็นแม่เหล็ก ผ่านลิ้นและริมฝีปากที่มีเสน่ห์เย้ายวน และความรู้สึกหลงใหลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติแบบนั้น ก็เพิ่มทวีขึ้น
ซูย้าวขมวดคิ้ว สีหน้าวิตกกังวล“ฉันมีธุระจริงๆ”
“หืม?” ลี่เฉินซีจับมือเล็กๆของเธอ อย่างแผ่วเบา วางบนริมฝีปากแล้วกัดเบาๆ ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดออกมา แม้แต่อากาศก็ร้อนแรงตามไปด้วย“ธุระอะไรเหรอ?”
เธอคิดแล้วคิดอีก ในที่สุดก็ซ่อนเนื้อหาข้อความ พูดแค่ว่า“ฉันจะไปพบหว่านหว่าน มีเรื่องสำคัญมากที่ต้องจัดการ”
ดวงตาของลี่เฉินซีคมเข้มเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด“สามารถบอกได้ชัดเจนกว่านี้มั้ย?”
ในขณะนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าแล้ว ในเวลานี้ ยังมีรีบร้อนไปเจอโม่หว่านหว่านขนาดนี้ แค่คิดก็รู้ว่าแล้วคงจะเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
ถ้าอย่างนั้น เรื่องอะไรกันแน่ ที่สามารถทำให้เธอรีบได้ขนาดนี้?
ซูย้าวปัดมือที่กักขังของเขาออกไป สายตาจ้องมองไปที่เขา ตอนแรกคิดว่าจะปิดบังเขามั้ย แต่หลังจากนั้นไม่นาน มองดูดวงตาเยือกเย็นล้ำลึกของชายหนุ่ม และจ้องมองรัศมีที่ประกายอยู่ภายใน และช่วงเวลาพริบตาเดียว ก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในทันที
เธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันจะไปทำธุระ คุณไม่เข้าไม่ใจเหรอ? ต้องให้ฉันเอ่ยปากอธิบายให้ด้วยเหรอ”
ลี่เฉินซีก็ขยับริมฝีปากอย่างแผ่วเบา เอียงกายปล่อยเธอ แต่กลับยกมือขึ้นมาลูบหัวของเธอ“ฉันไปส่งเธอ!”
เธอส่ายหน้าทันที“ไม่ต้อง หว่านหว่านน่าจะอยู่ที่โรงแรม ฉันนั่งแท็กซี่ไปก็ได้”
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอก็พูดว่า “อีกย่าง หลายวันนี้ฉันอาจจะยุ่ง คุณดูแลเด็กทั้งสองคนก็พอแล้ว อย่ามากวนฉันแล้ว”
ลี่เฉินซี“…..”
กวนเหรอ?!
เธอใช้คำนี้มาอธิบายในสิ่งที่กระทำของเขา
ดวงตาที่หงุดหงิดของชายหนุ่มแวบวับด้วยความหวั่นไหว และอีกครั้งที่ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาแล้วคว้าข้อมือบางๆของเธอ ในขณะเดียวกันก็ดึงคนเข้ามาในอ้อมแขน นิ้วบางเบาแตะลงไปที่บนริมฝีปากของเธอ ค่อยๆวาดไปตามริมฝีปากของเธอ แสยะยิ้ม“ถ้าหากฉันฟังไม่ผิด เหมือนว่าเธอกำลังปฏิเสธฉันอยู่?”
ไม่รอให้ซูย้าวพยักหน้า หรือว่าให้ตอบรับ ชายหนุ่มก็หรี่ตาที่ลึกซึ้ง แล้วพูด“แต่ว่า ดูเหมือนว่าเธอจะลืมไปแล้วว่าฉันเป็นอะไรกับเธอ…..”
ทันทีที่เสียงลดลง เขาก็โน้มตัวลงมา และริมฝีปากเย็นเยียบ ก็ประกบลงไปที่เธอ
ไม่ได้บดขยี้และบังคลั่งเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพียงแค่เบาๆ แต่กลับครอบงำไปทั้งหมด แย่งชิงความแข็งแกร่ง ไม่ให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน ไปกับชายหนุ่มที่นิสัยเผด็จการคนนี้แม้แต่น้อย
ซูย้าวยากที่จะให้ความร่วมมือได้ แต่กลับปฏิเสธไม่ได้ ภายใต้ความจนใจ ทำได้เพียงแค่อดทนปล่อยให้เขาทำตามใจ เป็นเวลานาน เขาถึงได้ค่อยๆปล่อยเธอ และมองไปที่ริมฝีปากที่บวมแดงของเธอ ยิ้มเล็กน้อย “พรุ่งนี้ย้ายมาอยู่เถอะ!”
“พักอยู่ที่โรงแรมเหมือนจะไม่เข้าท่า? เด็กๆก็อยู่พอดี จะได้ไม่ต้องเทียวไปเที่ยวมาอีก”
เขากลับพูดว่าควรจะเป็นแบบนั้น น้ำเสียงนั้น ไม่ได้เจรจาโดยสิ้นเชิง และก็ไม่ได้พิจารณา ก็แค่กำลังออกคำสั่ง
ซูย้าวขมวดคิ้วที่ละเอียดอ่อนอีก เธอคิดไม่ออกจริงๆ ใครให้ความกล้ากับเขากันแน่ พูดเสนอสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไม่รู้สึกกระดากอาย!
“ไม่ได้!” เธอปฏิเสธโดยไม่ลังเล “ฉันไม่ชิน…..”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ก็โดนเสียงเย็นชาของชายหนุ่มขัดจังหวะ“ไม่ชินค่อยๆลองไปเดี๋ยวก็ชินแล้ว!”
ทันใดนั้น ร่างที่สูงของเขาก็โน้มไปข้างหน้าอีก ก็ทีละก้าว บีบบังคับให้เธอถอยเข้าไปในมุมของกำแพงอีกครั้ง ชายหนุ่มเท้าแขนทั้งสองไว้ที่ด้านข้างศีรษะของเธอ และในดวงตาที่เย็นชาของเขาก็เปล่งประกายระยิบระยับ ริมฝีปากที่ดูเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ก็กระตุกโค้งขึ้นเล็กน้อย เป็นแบบนั้นก็เหมาะพอดี“ฉันจะเตรียมห้องนอนและห้องหนังสือให้เธอต่างหาก ถ้าเธอไม่ยินยอม ฉันก็จะไม่แตะต้องเธอ…..”
เมื่อขณะที่เขาพูด มือเรียวยาวข้างหนึ่งค่อยๆเลื่อนลงไปข้างล่าง จับคอปกเสื้อของเธอ ทีละนิด ทีละนิ้ว…..
ทันทีทันใด ซูย้าวรู้สึกเพียงว่าหัวใจเต้นแรงมากอย่างอธิบายไม่ได้ แทบจะสูญเสียการทรงตัว และความร้อนบนใบหน้าก็ร้อนระอุขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
“คำพูดของคุณ เชื่อได้เหรอ?” เธอยิ้มเล็กน้อย และก้มตัวลงหันหลังออกจากใต้วงแขนของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบลงไปชั้นล่างพร้อมกับทิ้งคำว่า‘ค่อยว่ากัน’สามคำไว้ด้วย และก็ออกจากคฤหาสน์
ทันทีที่ออกมา ไม่รู้ว่าโชคดี หรือว่าอะไรกันแน่ ซูย้าวเพิ่งออกมาจากลานคฤหาสน์ ก็มีรถแท็กซี่ผ่านมาหนึ่งคัน เธอยื่นมือออกไปเรียก และนั่งบนรถ
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอีกครั้ง เปิดหน้าข้อความออกมา อ่านข้อความนั้นแล้ว และสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดเวลา
‘เที่ยวบินไปนครนิวยอร์กเวลา 8:45 น. นายท่านหานจะพาชาร์ลีจากไปแล้ว รีบไปเดี๋ยวนี้ อาจจะทันเวลา’
กัวหลินเป็นคนส่งข้อความมา
ซูย้าวคาดเดาไม่ออกว่าผู้หญิงคนนั้นต้องการอะไรกันแน่ แต่ว่า นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับ‘ของขวัญ’คำนั้นในโทรศัพท์ของเธอ!
ไม่มีเวลาคิดมาก ตลอดทางเธอเร่งให้คนขับรถขับเร็วหน่อย เมื่อไปถึงสนามบิน ก็จ่ายค่าโดยสารสองเท่า จ่ายเงินเสร็จก็รีบจากไป
ในสนามบินมีผู้คนมากมาย นักท่องเที่ยวมากมาย
ซูย้าววิ่งผ่านกลุ่มฝูงชนอย่างต่อเนื่อง ตามหาตัวของนายท่านหานและชาร์ลี ในที่สุด ในห้องรอขึ้นเครื่อง ก็ยังหาพบแล้ว
เธอวิ่งไปอย่างเหนื่อยหอบ เมื่อเข้าใกล้ นายท่านหาน มองดูเธอด้วยความประหลาดใจ และตกตะลึงอย่างห้ามไม่ได้“คุณซู นี่คุณคือ…..”
ซูย้าวรีบเร่งไปตลอดทาง ในเวลานี้หายใจหอบเหนื่อย จับเก้าอี้ไว้ นั่งลงมาแล้วไม่ง่ายเลยที่จะหายใจได้สะดวก ถึงได้พูดว่า“นายท่านหาน คุณจะพาชาร์ลีไปที่นครนิวยอร์กเหรอ?”
นายท่านหานจ้องเธอด้วยความตกตะลึง ชายชราก็ไม่ได้คิดมากขนาดนั้น เพียงแค่อธิบายว่า“ใช่แล้ว เรื่องของฉ่ายหลิง ก็เป็นแบบนี้แล้ว เด็กคนนี้ ให้ตายก็ไม่ยอมกลับใจ และความคิดเดียวก็คืออยากจะแต่งงานกับคุณชายลี่ เพื่อเป้าหมาย ทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร เธอก็ฟังไม่เข้าหู…..”
หลังจากชะงักไปชั่วครู่ ชายชราก็มองไปที่ซูย้าว ราวกับว่าเดาอะไรบางอย่างได้ทันที แล้วพูดว่า“ฉันรู้ ฉ่ายหลิงอาจจะทำเรื่องราวที่ผิดต่อคุณมากมาย คุณซู ฉันขอร้องคุณใจกว้างเมตตา อย่าได้เอาความผิดของผู้ใหญ่ มาเกี่ยวข้องกับบนตัวเด็ก ได้หรือเปล่า?”
“ชาร์ลีเป็นผู้บริสุทธิ์นะ เด็กคนนี้ยังเด็ก ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไป ฉันกลัวว่าเสียงนินทาเหล่าจะทำให้เด็ก…..”
ตอนที่นายท่านหานพูด ชาร์ลีกำลังนั่งพูดคุยกับพี่ชายคนหนึ่งที่นั่งติดกันอยู่ที่ข้างๆ ในมือถือขนมไว้ และมอบให้อีกฝ่ายอย่างใจกว้างมาก จนทำให้เด็กชายคนนั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ซูย้าวเหลือบมองไปทางเด็ก แล้วมองไปที่ชายชราที่อยู่ข้างหน้า ลดเสียงลง ถึงได้พูดว่า“คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้ห้ามคุณ และก็ไม่ใช่ว่าจะทำร้ายชาร์ลี แต่ว่า…..”
คำพูดที่ลังเลของเธอมาถึงริมฝีปาก และชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาอย่างไร
จะพูดตรงๆว่าชาร์ลีเป็นลูกชายของตัวเอง และตอนที่เกิดถูกฉ่ายหลิงใช้ให้คนอุ้มไปในปีนั้นเหรอ?
หรือว่า ตอนนี้เธอมายืนยันความเป็นแม่ลูกกับชาร์ลี อยากจะอุ้มเด็กไปเหรอ?
ความรักที่นายท่านหานมีต่อชาร์ลีนั้น เหนือจินตนาการของเธอ ชายชราคนนี้ถือว่าเด็กคนนี้คือชีวิตแล้ว ซูย้าวทนไม่ได้ที่จะทำให้ชายชราปล่อยวางไม่ลง และเจ็บปวดอย่างยิ่ง
เธอลังเลอ้ำๆอึ้งๆ แต่ในเวลานั้น ร่างของอีกคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเข้าใกล้ทั้งสองคนตั้งแต่เมื่อไหร่ ชายหนุ่มเหลือบมองไปที่ซูย้าว อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง รีบพูดว่า“ซูย้าว? คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”