เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 525
ชายหนุ่มเหลือบมองดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ ก่อนจะรับสาย เขาขมวดคิ้ว ลังเล และสุดท้ายก็เลื่อนรับสาย
“แม่” น้ำเสียงเย็นเยียบไม่สามารถแสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาและไม่รู้สึกถึงความอ่อนโยนใดๆ เลย
เจี่ยงเวินอี๋ที่ปลายสายก็ไม่ค่อยสนใจอะไรมากแล้วรีบพูด “แกรีบมาที่โรงพยาบาลเลยนะ เกิดเรื่องกับเจิ้งเอ๋อแล้ว!”
ดวงตาของลี่เฉินซีจมลงและตอบรับอย่างไม่ต้องคิด เขาวางสายและกลับขึ้นไปชั้นบนทันที เมื่อมองดูซูย้าวที่นอนอยู่ อาจจะเป็นเพราะผลของยากล่อมประสาทที่ได้ผลดี หน้าของเธอตอนหลับในขณะนี้ดูดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
แม้แต่คิ้วที่ขมวดคิ้วก็ค่อยๆ คลายออกในเวลานี้
เขาก้มลงช้าๆ แล้วจูบลงที่หน้าผากเธอเบาๆ “นอนหลับดีๆ นะ ฉันจะไปดูเจิ้งเอ๋อหน่อย เป็นเด็กดีรอฉันล่ะ”
ถึงจะรู้ว่าเธอหลับอยู่และแทบจะไม่ได้สติ เขาก็ไม่ใส่ใจ เขามองดูเธออย่างลึกซึ้งก่อนจะหันหลังกลับและออกจากห้องไป
ที่ด้านนอก ทันทีที่ซีซีและเตียวเตียวเห็นเขาออกมาจากห้องก็พยายามจะเข้าไปในห้องอย่างกระตือรือร้นเพื่อจะไปหาซูย้าว แต่กลับถูกลี่เฉินซีขวางไว้ เขาก้มลงลูบหัวลูกสาวตัวน้อยแล้วพูดเบาๆ “ซีซีพูดแล้วพี่ดีใจมากนะ แต่ตอนนี้พี่ชายของลูกมีปัญหานิดหน่อย พ่อต้องไปจัดการ ซีซีเด็กดี อย่าเข้าไปรบกวนแม่ โอเคไหม?”
ซีซียืดคอตรงแล้วไม่สนใจเขา
แต่เตียวเตียวที่อยู่ข้างๆ กลับรีบพูดขึ้น “คุณน้าเป็นยังไงบ้างครับ?”
เขาพูด “ไม่เป็นไร เป็นไข้หวัดเล็กน้อยเท่านั้น บวกกับช่วงนี้คุณน้าเหนื่อยมาก เลยหลับไปแล้ว เธอดูแลน้องให้ดี เล่นกับน้อง อย่ารบกวนคุณน้าก็พอ”
เตียวเตียวพยักหน้ารับอย่างระมัดระวัง “ผมจะดูแลซีซีให้ดีครับ คุณลุงไม่ต้องห่วง”
ลี่เฉินซีพยักหน้าแล้วลูบหัวเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงหันไปสั่งการพ่อบ้านแล้วจึงขับรถออกไป
เมื่อเขาไปถึงโรงพยาบาลก็มีคนอยู่ในห้องพักคนไข้เต็มห้อง
ที่ทั้งหมอและพยาบาล บอดี้การ์ด และเลขาในชุดและรองเท้าหนัง และเจี่ยงเวินอี๋นั่งข้างเตียงคนไข้
เมื่อเห็นว่าเขามาถึงแล้ว เจี่ยงเวินอี๋รีบหันไปมองเขา “แกมาได้แล้วเหรอ? แกไม่มาหาเจิ้งเอ๋อนานแค่ไหนแล้ว?”
ลี่เฉินซีไม่สนใจคำบ่นของคนแก่ เขาเข้าไปถาม “เจิ้งเอ๋อเป็นอะไรกันแน่?”
หมอที่อยู่ข้างๆ คิดจพูดแต่กลับถูกเจี่ยงเวินอี๋ส่งสายตาห้ามไว้จึงเงียบไปในทันที
ลี่เฉินซีสังเกตเห็นแววตาที่แปลกประหลาดของแม่ของเขาและรู้สึกผิดปกติ จากนั้นเขาก็มองไปที่เจิ้งเอ๋อที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง เขายังเหมือนเดิม ไม่มีสีหน้าใด ๆ เพียงแค่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างหมดหนทาง ลืมตาขึ้นกวาดตามองทุกคนอีกครั้งแล้วสั่ง “ออกไปก่อน”
หมอประจำตัวมองเจี่ยงเวินอี๋และหลังจากได้รับอนุญาตจึงได้พยาบาลและหมอคนอื่นออกจากห้องไป
ครู่หนึ่งห้องคนไข้ขนาดใหญ่ก็ไม่มีใครเหลือ มีเพียงเจี่ยงเวินอี๋และลี่เฉินซีเพียงสองคน นัยน์ตาอันน่าเกรงขามของชายผู้นั้นมืดลงและเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “แม่ แม่เรียกผมมา มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เจี่ยงเวินอี๋เงยหน้าอย่างอารมณ์ไม่ดีนักแล้วพูดด้วยสายตาเย็นชา “ฉันให้มาดูเจิ้งเอ๋อ? ไม่ได้รึไง?”
ลี่เฉินซีขยับริมฝีปากและเก็บอารมณ์ที่อยากจะระเบิดออกมา แต่เมื่อคิดแล้วเจี่ยงเวินอี๋ก็ไม่ได้พูดผิดอะไรเลย ช่วงนี้เขายุ่งมากจริงๆ บวกกับเกิดเรื่องกับซูย้าว ทั้งคู่จึงได้ละเลยเจิ้งเอ๋อไป
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาค่อย ๆ หันกลับมา เดินไปและเอนตัวลงนั่งที่ข้างเตียง จับมือเล็ก ๆ ของเจิ้งเอ๋อและกระซิบ “ขอโทษนะลูก พ่อไม่ดีเองที่ละเลยลูกไปหลายวัน เจิ้งเอ๋อคงคิดถึงพ่อแน่ ๆ เลยใช่ไหม?”
เขาไม่ได้คำตอบใดๆ เจิ้งเอ๋อยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่มีการแสดงอารมณ์ สีหน้า หรือสายตาใดๆ
เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกเกินคาดนัก ได้แต่ถอนหายใจอย่างหมดแรง เจี่ยงเวินอี๋ที่อยู่ข้างๆ เห็นเขาแล้วจึงพูด “ระหว่างแกกับผู้หญิงคนนั้นมันเป็นยังไงกันแน่?”
“ก่อนหน้านี้แม่คิดว่าแกจะแต่งงานกับหานฉ่ายหลิง แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะทำเรื่องแย่ๆ ไว้มากมาย แม้แต่เรื่องที่สถานพักฟื้นของเจิ้งเอ๋อไฟไหม้ก็เป็นฝีมือเธอ เรียกว่ารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ ผู้หญิงแบบนี้ไม่แต่งก็ดีแล้ว!”
เจี่ยงเวินอี๋รักเอ็นดูลี่เจิ้งมาตลอด เมื่อเกิดเรื่องไม่ดีกับหลานชายจึงไม่อาจจะรับได้ ดังนั้นจึงรู้สึกไม่ดีกับหานฉ่ายหลิง
เธอครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นอีก “งั้นกับซูย้าวคนนั้นล่ะ? พวกแกจะแต่งงานกันอีกรอบไหม?”
ลี่เฉินซีที่ดูเย็นชา นิ่งขรึม ไม่ปฏิเสธ และไม่ตอบรับ
เจี่ยงเวินอี๋สับสนเล็กน้อย “แกทำแบบนี้หมายความว่าไง? แกกับเธอ เด็ดบัวยังเหลือใย ตกลงจะแต่งกันอีกรอบ หรือจะยังไง?”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วช้าๆ “ถ้าผมกับเธอแต่งงานกันอีกครั้ง แม่จะค้านไหม?”
เจี่ยงเวินอี๋ผงะไปครู่หนึ่งเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ บวกกับความเข้าใจในตัวลูกชาย ลางสังหรณ์ของเธอถูกแทบจะเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ เธอไม่รีบร้อนจะพูดอะไรได้แต่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วลูบมือของลี่เจิ้งไปมาอยู่นานแล้วจึงพูด “แม่ค้านแล้วมีประโยชน์อะไรไหม? พวกแกมีลูกกันตั้งหลายคนแล้ว ตามใจเถอะ!”
“อย่างไรเสียลี่ซื่อก็มีผู้สืบทอดแล้ว ของเพียงเจิ้งเอ๋อไปได้ดี ที่เหลือแม่ก็ไม่สนใจแล้ว มีเพียงเรื่องเดียว ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกันแน่? เจิ้งเอ๋อก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ ทำไมถึงไม่สนใจลูกเลยสักนิด?”
เจี่ยงเวินอี๋ไม่ได้ตั้งใจจะจับผิดแต่เธอใส่ใจลี่เจิ้ง ที่สุดแล้วก็เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนตอนนี้ ย่อมต้องดีกว่าคนอื่น และเมื่อเห็นว่าช่วงนี้เจิ้งเอ๋อต้องอยู่โรงพยาบาลเพียงลำพัง ข้างกายมีเพียงพี่เลี้ยง นางพยาบาลและบอดี้การ์ด พ่อไม่มา และซูย้าวผู้เป็นแม่ก็โผล่มาเพียงไม่กี่ครั้ง
หากหญิงชราจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็เป็นไปไม่ได้
ลี่เฉินซีขยับริมฝีปากล่างของเขาอย่างช่วยไม่ได้ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง และทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความแข็งแกร่งในมือของเขา และในวินาทีต่อมาก็ผละมือใหญ่ออกไป
เขาผงะไปครู่หนึ่งและมองลงมา มือเล็กๆ ของเจิ้งเอ๋อได้ผลักเขาออกไปแล้ววางกลับลงบนตักของตัวเองอย่างเงียบๆ
ลี่เฉินซีตกตะลึง “แม่ เจิ้งเอ๋อเขา…”
เจี่ยงเวินอี๋กลับไม่ประหลาดใจและไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ได้แต่เพียงแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจและพูด “หือ? ทำไม?”
ลี่เฉินซึหันกลับไปหาลี่เจิ้ง เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่นั่งอยู่บนเตียงซึ่งก่อนหน้านี้นั่งเงียบอยู่บนเตียงราวกับรูปสลัก แต่ในตอนนี้ ดวงตาสีดำโตเหมือนลูกปัดสองดวงที่กะพริบตา มองมาที่เขาครู่หนึ่งแล้วขยับริมฝีปาก “ผู้หญิงคนนั้น ไม่ต้องการผมสินะ!”
“ผมรู้แล้วไม่ว่าผมจะทำอะไร เขาก็ไม่สนใจผมก็เพราะเธอมีลูกคนอื่นแล้ว ใช่ไหม?”
ลี่เจิ้งเบ้ปากแล้วยิ้มประชด “เธอไม่สนใจแม้แต่ลูกแท้ๆ ของตัวเอง แล้วจะแคร์พ่อเหรอ? พ่อ อย่าโง่เลย! พ่อขาดผู้หญิงขนาดนั้นเหรอ? ถึงได้เอาแต่เกี่ยวพันกับเมียเก่าไม่หยุด รู้ไปถึงไหนอายเขาไม่ถึงนั่น!”
ลี่เฉินซี “…”
เขาตกตะลึงจริง ๆ เขาเป็นคนฉลาดหลักแหลมอยู่เสมอ แต่ในขณะนี้ เขากลับถูกเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาทำให้แตกสลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
“ลี่เจิ้งลูก…” เขารู้สึกว่าตนเองพูดจาสะเปะสะปะ สิ่งที่พูดออกมาผิดเพี้ยน และยากที่จะเชื่ออีกทั้งยังตกใจ
เจิ้งเอ๋อฟื้นแล้วจริงๆ!
ความคิดทั้งหมดยังฟื้นคืน ไม่เพียงแค่นั้น จู่ ๆ ก็ยังพูดจา ถามเขามากมายหลายอย่าง!
ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะคลายจากความตกใจนี้ได้แล้วมองไปที่เจี่ยงเวินอี๋ที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอดูเหมือนแทบจะรู้ทุกอย่างล่วงหน้าแล้ว เพียงแต่นั่งเงียบอยู่ตรงนั้นแล้วส่งแอปเปิลที่ปอกเสร็จแล้วให้หลานชาย “เจิ้งเอ๋อ กินแอปเปิลสักชิ้นนะ!”
เจิ้งเอ๋อรักย่ามากจึงได้หันไปและอ้าปากเพื่อกินแอปเปิล
ลี่เฉินซีใช้ความเร็วสูงสุดออกจากห้องคนไข้แล้วตะโกนเรียกหมอและพยาบาล หมอเจ้าของไข้เดินเข้ามาและเห็นทุกอย่างภายในห้องก็เข้าใจและหันไปอธิบายกับเขา “คือว่าคุณลี่ครับ เมื่อครู่ผมก็อยากจะบอกกับคุณว่าลี่เจิ้งฟื้นคืนสติแล้ว”
ฟื้นแล้ว? !
นี่คือสาเหตุที่แท้จริงที่เจี่ยงเวินอี๋ให้เขารีบมาที่โรงพยาบาลงั้นเหรอ!
เช่นนั้น เมื่อครู่ที่เด็กน้อยคนนี้ร่วมมือกับเจี่ยงเวินอี๋จงใจแกล้งทำท่าทางแบบนั้น ใช่ไหม?