เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 536
“ขอเวลาให้ฉันอีกนิด”
ซูย้าวไม่ได้พูดละเอียดมาก และก็ไม่อยากจะพูดกว้างเกิน คนอย่างลี่เฉินซี ฉลาดและก็หลักแหลมมากด้วย คำพูดบางคำ ไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจน เขาก็สามารถจะอ่านความคิดทั้งหมดของเธอได้อย่างถ่องแท้ เหมือนกับที่เขาสามารถบงการทั้งหมดทั้งปวงของเธอได้ง่ายๆ
ลี่เฉินซีเอื้อมมือไปกอดเธอแน่นขึ้น แล้วค่อยๆหลับตาลง“ยังต้องการนานอีกเท่าไหร่”
ซูย้าวขมวดคิ้ว “ฉันไม่ใช่คุณ ไม่มีความสามารถในการเข้าใจและความคิดที่ดีเช่นคุณ สามารถลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมดอย่างง่ายดาย จากนั้นยิ้มรับกับชีวิตอีกครั้ง ต้อนรับสิ่งสวยงามต่อไป ฉันต้องการเวลาในการจัดการ และต้องการเวลาค่อยๆทำความเข้าใจ หวังว่าคุณจะเข้าใจ”
ชายหนุ่มยิ้มเยาะ แต่ก็ไม่ได้ลืมตาขึ้น เพียงแต่กอดเธอไว้แน่น“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นรอผมนอนตื่นก่อนแล้วคุณค่อยให้คำตอบผม”
ซูย้าว“……”
ขี้โกงอีกแล้ว
ค่ำคืนที่ยาวนาน ทั้งสองกอดกันหลับไป
เมื่อซูย้าวตื่นมาอีกครั้ง เป็นเวลาของเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว ข้างกายว่างเปล่า เธอลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตา ประตูห้องผู้ป่วยถูกผลักออก ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้ามาในชุดสูทอย่างสะอาดหมดจดเหมือนก่อน
ในมือมีอาหารเช้าสำหรับคนเดียว กางโต๊ะอาหารออก แล้วนำอาหารเช้าวางลงบนโต๊ะ “ทานอะไรหน่อย อีกสักครู่คุณหมอหลี่จะมาตรวจเช็กร่างกายให้คุณ จากนั้นจะให้น้ำเกลือ”
การเลิกยาต้องมีขั้นตอน ช่วงที่ลำบากที่สุดซูย้าวได้ก้าวผ่านมาแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไป ก็คือทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง
เวลาที่แน่นอนนั้น ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเธอเป็นตัวกำหนด
เธอมองดูอาหารเช้าบนโต๊ะ ราวกับไม่อยากอาหาร ขมวดคิ้วเล็กน้อย“เมื่อคืนคุณไม่ได้กลับไปทั้งคืน ถ้าอย่างนั้น……”
ลี่เฉินซีมองดูเธอ แล้วยิ้ม“เมื่อเช้านี้ผมได้กลับไปแล้ว ลูกๆสบายดี เจิ้งเอ๋อก็เป็นเด็กดีมาก ไม่ได้รังแกซีซี วางใจเถอะ ”
เมื่อพูดเช่นนี้ ซูย้าวก็โล่งอกเล็กน้อย ขยับร่างกายลงจากเตียง“ถ้าอย่างนั้นฉันไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน”
ไม่ให้เธอก้าวเท้าลุกขึ้น ชายหนุ่มตรงเข้าไปแขนยาวเอื้อมไปกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง จงใจให้เธอนั่งบนตักตัวเอง มืออีกข้างหนึ่งที่เรียวยาวดั่งหยกลูบไปที่แก้มของเธอ เมื่อสัมผัสได้ถึงการขัดขืนจากเธอ ก็ยิ่งกอดแน่นขึ้น“เชื่อฟังหน่อย เมื่อคืนไม่ได้เตะต้องคุณเลย ตอนนี้ให้ผม……….”
ซูย้าวไม่ได้ให้เขาพูดต่อ ดึงมือเขาออกด้วยใบหน้าแดงก่ำ “อย่าขี้โกง ฉันจะไปล้างหน้าแปรงฟัน คุณก็ไปบริษัทเถอะ”
เธอจำได้ว่า หลายวันมานี้ลี่เฉินซีวนเวียนอยู่ข้างกายเธอกับลูกๆตลอด แทบจะไม่ได้เอ่ยถึงบริษัทเลย และก็ไม่ได้ไปปรากฏตัวที่บริษัทด้วย
ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยเธอ ยังคงกอดรัดเธอแน่นเหมือนเดิม“ไม่ต้องให้ผมอยู่เป็นเพื่อนแล้วหรือ”
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย“คุณอยู่กับฉันตลอดเวลา แล้วบริษัทจะทำอย่างไร พอแล้ว หยุดได้แล้ว คุณไปทำงานของคุณเถอะ ทางนี้หากฉันมีปัญหา จะติดต่อไปหาคุณตลอดเวลา อย่างนี้โอเคไหม ”
ชายหนุ่มยังคงไม่เต็มใจเท่าไหร่ ในทุกสุดก็โน้มตัวลงบรรจงจูบไปที่ริมฝีปากของเธอ แล้วถึงออกจากห้องผู้ป่วยไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเขาไปแล้ว ซูย้าวก็รีบอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ตอนที่นั่งทานอาหารเช้าอยู่ข้างเตียง พยาบาลน้อยได้เข้ามาวัดอุณหภูมิ“คุณซูคะ คุณชายลี่ดีกับคุณมากเลยนะคะ”
“เมื่อคืนนี้ คุณชายลี่ห่วงว่าจะเบียดคุณ ก็เลยลงมานอนที่โซฟา ระหว่างนั้นก็ห่วงว่าคุณจะหาเขาไม่เจอ แล้วก็ลุกขึ้นมานั่งข้างเตียงคุณเป็นครั้งคราว……”
ซูย้าวฟังแล้วอึ้งไป เมื่อคืนนี้เขานอนที่โซฟาตลอดทั้งคืนเลยหรือ
ถึงว่าเช้าวันนี้ดูเขา สีหน้าไม่ค่อยดีเล็กน้อย เธอก็ไม่สังเกต ปรากฏว่าเพราะนี่………..
“คุณมีความสุขจริงๆ ได้ยินว่าพวกคุณยังมีลูกด้วยกันหลายคน คุณซูคะ ฉันอิจฉาคุณจริงๆ”พยาบาลน้อยยังเด็ก แต่งหน้าเบาบาง มีรอยยิ้มสดใสและใบหน้าที่อ่อนโยน
ซูย้าวไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร ทำได้เพียงยิ้มตอบเท่านั้น
หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว คุณหมอหลี่ก็พาผู้ช่วยคนอื่นๆมาเยี่ยมเธอ ขณะเดียวกันก็จ่ายยาให้เธอ แล้วพยาบาลเจาะเข็มให้น้ำเกลือ เวลาเกือบจะทั้งวัน ล้วนผ่านไปแบบนี้
ระหว่างนี้ซูย้าวรู้สึกเบื่อหน่าย จึงเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา เดิมทีคิดจะจัดการงานค้างของจู้สือกรุ๊ปในประเทศสักหน่อย เพิ่งจะล็อกอินอีเมล ก็ได้รับเมล์จากโอวหยางเช่อ
เนื้อหาไม่มาก แต่มูลค่ามหาศาล
โอวหยางเช่อแจ้งมาว่า ธุรกิจทั้งหมดของจู้สือกรุ๊ปในประเทศจีน ล้วนถูกตำรวจเข้าแทรกแซง เขาก็ถูกใช้เป็นพยาน ไปสถานีตำรวจเพื่อให้ความร่วมมือในการสอบสวน ให้ซูย้าวไม่ต้องเข้าไปแทรกแซงเรื่องใดๆที่เกี่ยวข้องกับจู้สือกรุ๊ปอีก
ขณะเดียวกัน ซูย้าวก็ค้นหาข่าวสารเกี่ยวกับจู้สือกรุ๊ปบนอินเทอร์เน็ต ไม่ดูก็ไม่รู้ พอดูแล้วปรากฏว่าเธอตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
ไม่เพียงแต่ธุรกิจทั้งหมดของจู้สือกรุ๊ปในประเทศถูกตำรวจตรวจสอบ ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานใหญ่ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย แม้แต่ผู้บังคับบัญชาหลายท่านที่เกี่ยวข้อง ก็ถูกตำรวจเชิญไปสอบสวน
เมื่อดูตามนี้ จู้สือกรุ๊ปที่เคยรุ่งโรจน์ในขณะหนึ่ง ราวกับตั๊กแตนหลังฤดูใบไม้ร่วง มีความรู้สึกที่กำลังจะหมดลมหายใจ
แต่ในความเป็นจริง มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆหรือ
เธอคิดไม่ตก ขณะที่กำลังครุ่นคิด เสียงมือถือสั่นขึ้น เปิดออกดู เป็นข้อความจากลู่ส้าวหลิง
บอกเธอว่าตอนนี้โม่หว่านหว่านสบายดี ให้เธอไม่ต้องเป็นห่วง
ง่ายๆได้ใจความ และก็เข้ากับสไตล์การทำงานของลู่ส้าวหลิงจริงๆ
ทางโม่หว่านหว่านไม่มีเรื่องอะไรในตอนนี้ ให้ถือ‘การหลบซ่อน’ในครั้งนี้เป็นการท่องเที่ยว ก็ดีเหมือนกัน ส่วนสถานการณ์ของจู้สือกรุ๊ปในตอนนี้ ไม่ค่อยดีมานานแล้ว เกรงแต่ทางJockก็เอาตัวเองไม่รอดแล้วเหมือนกัน
หากเรื่องจริงเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็ถือว่าได้แก้ไขปัญหาที่อยู่ในใจของเธอไปแล้วหนึ่งอย่าง
คืนนั้น ตอนที่ลี่เฉินซีมาโรงพยาบาลอีกครั้ง เขาได้พาลูกทั้งสามคนมาด้วย
ลี่เจิ้งยังคงมีความไม่พอใจเล็กน้อย บนใบหน้าเล็กที่หล่อเหลา เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ แต่มองดูซูย้าวที่นอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงแล้ว หว่างคิ้วขมวดเข้ม ในที่สุดก็ถามว่า“เจ็บมากไหม”
ซูย้าวมองดูเขา จงใจตอบไม่ตรงคำถาม“ก่อนหน้านั้นที่เจิ้งเอ๋อหมดสติไป เจ็บมากไหม”
เขาครุ่นคิด“ตอนนั้นผมไม่รู้สึกตัว ไม่รู้ ไม่เหมือนกับคุณ”
เธอเสแสร้งทำเป็นเข้าใจแล้วพยักหน้า“อ๋อ แบบนั้นเองหรือ ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ไม่เจ็บ เพราะว่าเจิ้งเอ๋อห่วงใยฉันแล้ว”
เจิ้งเอ๋อ“……”
ซีซีที่เอียงคอมองดูเขาอยู่ข้างๆ จู่ๆก็โพล่งออกมาว่า“แม่คะ พี่ชายเขินอายแล้ว เขาหน้าแดงแล้ว”
ซูย้าวยิ้มแล้วลูบหัวน้อยๆของลูกสาว“อย่าพูดไร้สาระกับพี่ชาย พี่ชายเป็นเด็กโตที่มีเหตุผล จะเขินอายได้อย่างไร”
ลี่เจิ้งกวาดสายตาไปที่แม่ลูกคู่นี้อย่างรำคาญ แล้วส่ายหน้าอย่างจนปัญญา หมุนรถวีลแชร์แล้วออกจากห้องผู้ป่วยไป
ซูย้าวเงยหน้าขึ้นมองไปทางชายหนุ่มข้างๆอีกครั้ง“ขาของเจิ้งเอ๋อ เมื่อไหร่ถึงจะหายดี”
ชายหนุ่มโน้มตัวลงเล็กน้อย“เป็นห่วงลูกชายหรือ”
ซูย้าวถอนหายใจอย่างขมขื่น“คุณต้องการจะพูดอะไรอีก”
นิ้วมือเรียวสวยของเขาลูบไปที่แก้มของเธอ ค่อยๆไล่“สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ รู้จักห่วงใยลูกชาย ทำไมไม่รู้จักห่วงใยพ่อแท้ๆของลูกบ้าง”
ซูย้าว“……”
ซีซีทนดูต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ดึงซูย้าวเข้ามากอดไว้แน่นๆอย่างไม่พอใจ “ แม่เป็นของหนูคนเดียว ลุงไปไกลๆเลย”
ทั้งสองถูกซีซีทำจนขำ จากนั้น ซูย้าวมองไปที่เตียวเตียวที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างรู้เรื่องอีกครั้ง ในใจรู้สึกอึกอักเล็กน้อย เธอเอื้อมมือไปดึงเด็กน้อยเข้ามา จับมือขาวน้อยๆของเขา “เตียวเตียวจ๋า ทำไมหนูไม่พูดอะไรเลย”
ลูกชายมองดูเธอ กะพริบตาปริบๆ“ไม่ใช่หนูไม่อยากจะพูด เพียงแต่ไม่อยากรบกวนการสนทนาระหว่างคุณน้ากับน้องสาวก็เท่านั้นเอง”
ซูย้าวบีบแก้มน้อยของเด็กน้อย “เตียวเตียวเป็นเด็กดีที่สุด คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนน้าดีไหม”
เตียวเตียวประหลาดใจ“ได้จริงหรือครับ”
เธอพยักหน้า ชายตามองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ“คุณกลับไปนอนดีๆที่บ้านสักตื่นเถอะ ทางนี้ฉันไม่ได้มีเรื่องอะไร ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันทุกวันหรอก ”
หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วเธอก็พูดขึ้นอีกครั้ง“คืนนี้ให้เตียวเตียวอยู่กับฉันก็พอแล้ว”
เธอไม่ได้ต้องการให้เตียวเตียวอยู่กับเธอจริงๆ แต่รู้สึกว่าเวลาในช่วงนี้ เกิดเรื่องขึ้นมากมาย เธอยุ่งเกินไป แล้วจู่ๆก็เข้าโรงพยาบาลเพราะเลิกยา แทบจะไม่ได้คุยกับเตียวเตียวเลย กังวลว่าจะทำให้เด็กห่างเหินไป
ลี่เฉินซีก็เห็นความพยายามอุตสาหะของเธอ คิ้วที่ขมวดเข้มก็ค่อยๆคลายออก พยักหน้าเล็กน้อย“ ก็ได้ ให้เตียวเตียวผู้ชายน้อยอยู่เป็นเพื่อนคุณ ผมก็วางใจแล้ว ”
เมื่อเตียวเตียวได้ยินเช่นนั้น ดีใจจนพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของซูย้าว ดีใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
บรรยากาศที่อบอุ่นและสวยงามในห้อง ถูกเสียงเคาะประตูของคนเข้ามาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง