เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 548
ซูย้าวคาดคิดไม่ถึงเลย ผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมงเองก็เจอชอลพุซอีกครั้งแล้ว และยังอยู่หน้าโรงเรียนอนุบาลอีกด้วย
สงสัยเขาคงสืบข้อมูลของเตียวเตียวมาละเอียดมากก่อนที่เขาจะมาหาตัวเองแล้ว เรียนอยู่ที่ไหน ทุกวันมาโรงเรียนและเลิกเรียนกี่โมง เส้นทางที่เดินผ่าน ฯลฯ
เธอมองผู้ชายที่อยู่ข้างหน้า เงาร่างที่ย้อนแสงดูสูงใหญ่กว่าปกติ เธอหรี่ตาลง “จำเป็นต้องทำอย่างนี้ไหม ส่งคนมาเฝ้าเด็กห้าขวบคนหนึ่ง พวกคุณไม่รู้สึกประเมินความสามารถของเด็กสูงเกินไปเหรอ”
ชอลพุซยิ้มมองเธอ ส่ายหัวเบาๆ “คุณซูเข้าใจผิดแล้ว”
เขาเดินเข้ามา ใบหน้าอันอบอุ่นดั่งหยกดูเหมือนใจดี แต่แววตาอันแหลมคมกลับขายตัวตนออกตั้งนานแล้ว “ผมไม่ได้ส่งคนมาเฝ้าเด็ก แค่แวะมาดูชีวิตประจำวันของเด็กเท่านั้นเอง เพราะยังไงในอนาคตเด็กก็ต้องไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ เป็นห่วงว่าเขาจะไม่ชิน”
อธิบายได้ปลอมมาก ดูไม่มีที่ติเลยจริงๆ
แต่ซูย้าวก็อดขำออกมาไม่ได้ “คุณเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ฉันเหมือนยังมาได้ตกลงมอบเด็กให้พวกคุณนะ”
ผู้ชายก้มหน้า “ความจริงแล้วพูดแบบนี้ก็ถูก แต่ ผมคิดว่าคำตอบสุดท้ายที่คุณให้มา จะทำให้พวกเราพอใจทั้งสองฝ่ายแน่นอน”
สีหน้าของซูย้าวเย็นชา “ทำไมคุณถึงแน่ใจขนาดนี้”
“เพราะผมสามารถให้สิ่งที่คุณอยากได้ที่สุด” ชอลพุซพูดอยู่ก็เดินไปข้างรถเบนท์ลี่ย์สีดำที่จอดอยู่ข้างทาง เปิดประตูรถเอาเอกสารชุดหนึ่งออกมาจากเบาะหลัง จากนั้นหันหลังส่งให้ซูย้าว
ซูย้าวตะลึงเล็กน้อยอย่างกะทันหัน ในใจเต็มไปด้วยความสงสัยยื่นมือรับมา แต่กลับอึ้งอยู่กับที่เมื่อวินาทีที่เปิดออกมา
เป็นเนื้อหาที่เธอคาดคิดไม่ถึงเลย
แต่ก็เป็นสิ่งที่เธออยากได้มาตลอด
คือรายละเอียดของการสืบสวนการเกิดอุบัติเหตุรถชนของคุณแม่เมื่อห้าปีก่อน และยังมีรายละเอียดของรถยนต์ทั้งหมดที่เดินทางผ่านสถานที่เกิดเหตุ รวมถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือข้อมูลทั้งหมดของรถที่กระทำความผิดคันนั้น
เห็นสีหน้าตะลึงตกใจของเธอ ชอลพุซยืนอยู่ข้างๆ หายใจเข้าลึกๆ “ข้อมูลของเจ้าของรถยนต์ที่กระทำความผิดข้างในนี้ คุณสามารถไปสืบดูได้ เป็นความจริงแน่นอน แต่ถ้าคุณอยากเจอตัวจริงเจ้าของรถยนต์คนนี้ก็คงยากหน่อย”
เขาไม่มีทางมอบของทั้งหมดที่สืบมายากขนาดนี้ให้เธอด้วยสองมือหรอก ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ซูย้าวรู้ตัวจริงของคนร้ายแล้ว ก็จะไม่ทำตามความต้องการของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
ต้องวางแผนระยะยาวโดยไม่รีบหวังผล ถึงสามารถได้รับประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้น
เป็นอุบายนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าตอนไหนสถานที่ใดก็เป็นแบบนี้เหมือนเดิม
นิ้วมือที่ซูย้าวถือเอกสารชุดนั้นอยู่แอบสั่นอย่างไร้เหตุผล กว่าจะทำให้อารมณ์กลับมานิ่งได้ เงยหน้าขึ้นมองผู้ชาย “เจ้าของรถอยู่ที่ไหน”
ชอลพุซยิ้มอ่อน “ต่อให้คุณหาเจ้าของรถเจอแล้วมีประโยชน์อะไร เจ้าของรถก็แค่รับเงินของคนนั้นมา ช่วยสะเดาะเคราะห์แทนคนอื่น คนที่คุณอยากหาเจอจริงๆ คือคนร้ายตัวจริงใช่หรือไม่”
ซูย้าวไม่ได้พูด แค่จ้องมองเขาอยู่นิ่งๆ
ผู้ชายพูดต่อ “จะให้ผมบอกคุณคนร้ายตัวจริงเป็นใครก็ได้ และยังสามารถให้คุณไปพบเจ้าของรถ ส่วนจะจัดการหรือวางแผนยังไงนั่นก็เป็นเรื่องของคุณ ผมจะไม่ไปยุ่ง แต่สิ่งที่ผมอยากได้…คุณซู คุณก็ควรพิจารณาหน่อยใช่หรือไม่”
ซูย้าวกลั้นลมหายใจไว้ “ฉันตกลงแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะพิจารณาดู คุณกได้ให้เวลาฉันหนึ่งวันไม่ใช่เหรอ ตอนนี้น่าจะยังไม่ถึงเวลาไม่ใช่เหรอ”
ชอลพุซยิ้มอ่อน แววตาอันแหลมคมคู่หนึ่งตกลงมาที่เธอในชั่วขณะ “คุณซู ผมรู้ว่าตกลงคุณอยากทำอะไร แต่ผมจะเตือนคุณ อย่าทำแบบนี้ มันไม่มีข้อดีอะไรต่อคุณเลย รวมทั้งครอบครัวของคุณ”
ใจของซูย้าวสั่นทีหนึ่ง รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงอย่างไร้เหตุผล
“ยังคงเป็นประโยคนั้น ผมสามารถให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้ นอกจากสิ่งนี้ คุณสามารถเสนอความต้องการอื่นๆ แล้วแต่อะไรก็ได้ แค่คุณทำตามความต้องการของเรา เซ็นเอกสารยกเลิกการรับเลี้ยง ส่งเตียวเตียวให้ผมพาไป นี่ก็คือผลที่ดีที่สุดสำหรับคุณและผม”
ผู้ชายพูดจบก็ดูเธอก้มตัวลงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นถึงขึ้นรถไป
มองดูเงารถที่จากไปของอีกฝั่ง ซูย้าวยืนอยู่ที่เดิมเงียบๆ กำเอกสารในมือแน่นๆ อารมณ์แบบพูดอะไรไม่ออกเต็มทั้งหัวใจ
“คุณน้า?”
เสียงเล็กๆ ดังมาจากข้างหลังอย่างอ่อนโยน ทันใดนั้น ซูย้าวหันหลังกลับก็เห็นเตียวเตียวจับมือน้อยๆ ของซีซียืนอยู่หลังเธอแล้ว
เด็กเงยหัวน้อยๆ ขึ้นมา กะพริบตาอันดำสนิท “วันนี้คุณน้ามาทำไมเหรอ”
ซีซีก็วิ่งขึ้นไปจับมือซูย้าว “วันนี้แม่ไม่ต้องไปโรงพยาบาลเหรอ”
พอเห็นลูกสองคนซูย้าว ก็ใจอ่อนแล้ว รีบก้มตัวลงดึงเตียวเตียวมา “วันนี้น้าไม่มีธุระอะไร ก็เลยมารับพวกหนู”
ซีซีเห็นซูย้าวรู้สึกดีใจมาก จับมือน้อยของเธออย่างมีความสุข “แม่ อย่างนั้นพวกเราไปหาพี่ชาย จากนั้นไปหาของอร่อยๆ กินดีไหม”
ซูย้าวพยักหน้า “ได้เลย เดี๋ยวแม่โทรหาพี่ชายเลย ดูว่าเขาอยู่ที่ไหน”
ขณะที่เธอขึ้นมาโทรหา พ่อบ้านกำลังขับรถมาถึงโรงเรียนอนุบาลพอดี เห็นซูย้าวอยู่กับเด็กสองคน อดตะลึงไม่ได้ รีบลงรถเดินมาหา “คุณซู”
ซูย้าวหันหลังกลับไปดูพ่อบ้าน หางตาเหลือบไปเห็นรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างๆ ประตูรถข้างหลังค่อยๆ เปิดออกมา เห็นแต่ลี่เจิ้งนั่งตัวตรงอยู่ตรงกลาง ทั้งตัวเป็นชุดลำลอง ภาพร่างอันขาวใสชัดเจน มือหนึ่งถือมือถืออยู่ เงยหน้ามองมาทางเธอ
ซีซีวิ่งไปก่อน ขึ้นรถไปด้วยเรียกไปด้วย “พี่ชาย!”
ลี่เจิ้งไม่ได้ตอบกลับอะไร แค่มองท่าที่ขึ้นรถของซีซีซุ่มซ่ามมาก เนื่องจากตัวรถสูงหน่อย ซีซีไม่สูง เขย่งเท้าขึ้นมา ท่าทางลำบากจริงๆ
เขาอดขมวดคิ้วไม่ไว้ ยื่นมือดึงเธอขึ้นมา“ดูเธอสิโง่จริงๆ เลย”
ซีซีแลบลิ้นให้เขา “แต่หนูก็มีพี่ชายนิ!”
พูดจบก็โบกมือให้เตียวเตียวที่อยู่ข้างทาง “เตียว รีบมาขึ้นรถเลย!”
เตียวเตียวตอบกลับไปด้วย ดึงซูย้าวไปด้วย “คุณน้า เราขึ้นรถกันเถอะ!”
เธอเก็บมือถือเข้าไป ขึ้นรถตามเด็กๆ
ตอนเย็นไม่ได้กลับบ้านไปเลย แต่คือพาเด็กๆ ไปทานข้าวที่ร้านอาหาร ซีซีวุ่นวายบอกอยากกินแฮมเบอร์เกอร์ ถึงแม้ปากลี่เจิ้งจะบอกว่าไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็อนุญาตโดยปริยายแล้ว
ซูย้าวอยู่เงียบๆ มองเด็กกี่คนนี้อยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนมกลมเกลียว ก็รู้สึกชื่นใจไม่น้อย
ตอนกลางคืน เด็กๆ เริ่มนอนหลับแล้ว ซูย้าวก็กลับไปห้องนอนตั้งแต่เช้าแล้ว แต่กลับนอนอยู่บนเตียง ดิ้นไปดิ้นมานอนไม่หลับ
พอหลับตาลงนิดหน่อย ใบหน้าของชอลพุซและแต่ละประโยคที่เขาเคยพูดก็ลอยขึ้นมาตรงหน้าทันที ที่สำคัญที่สุดยังมีเอกสารสืบสวนชุดนั้นอีก
อีกฝ่ายไม่เพียงแค่สืบทุกเรื่องของเตียวเตียวอย่างเดียว ยังรู้ทุกอย่างของเธอดีมากด้วย
รู้ว่าเธออยากจะสืบคนร้ายจริงๆ ที่ทำให้คุณตายเมื่อห้าปีก่อน ฉะนั้นจึงวางแผนทำให้วุ่นวายเพื่อทำเป้าหมายของตนสำเร็จ ไม่เอาด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล
ชอลพุซให้เวลาเธอได้พิจารณา คือหนึ่งวัน
หลังจากเขามาหาตัวเองตอนบ่าย เวลาผ่านไปสิบกว่าชั่วโมงแล้ว พอผ่านคืนนี้ไป เมื่อเจอกันในวันถัดมา ซูย้าวควรทำอะไรบ้าง
เธอลังเลและตัดสินใจไม่ถูก
ในขณะที่คิดฟุ้งซ่านอยู่ ก็ได้ยินเสียงประตู ‘แอ๊ด’ เสียงหนึ่ง เหมือนรู้สึกอะไรได้ เธอเพิ่งลุกขึ้นมา เงาดำของคนหนึ่งก็ปกคลุมลงมา
ลี่เฉินซีหันข้างนั่งอยู่ขอบเตียง ร่างกายที่ติดอากาศเย็นจากข้างนอกมา ยังไม่ทันถอดเสื้อสูทออก ก็กางแขนกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอด ใบหน้าหล่อมุดหัวตรงไหล่ของเธอ ลูบไล้เบาๆ เสียงต่ำทุ้มเริ่มกระจายออกมา “ไม่เจอกันทั้งวัน คิดถึงผมบ้างไหม”
ในใจซูย้าวคิดแต่เรื่องของเตียวเตียวคนเดียว ขมวดคิ้วโดยสัญชาตญาณ ยื่นมือผลักเขาออก “อย่าเล่นแล้ว ฉันไม่มีอารมณ์”