เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 560
ลี่เฉินซีซึ่งยืนอยู่ข้างๆ หันหน้าไปทางแสงแดดที่ส่องประกายแสบตา เขายืดร่างกายอันแข็งแกร่งของเขาขึ้น บดบังแสงแดดเอาไว้จนสิ้น
เขามองไปยังชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ดวงตาสวยงามราวกับนกฟีนิกซ์ ริมฝีปากของเขาเผยอขึ้นเล็กน้อย มันโค้งเว้าดูอ่อนโยนแต่ปรากฏรอยยิ้มที่เยือกเย็นและดูถูกเหยียดหยาม “สิ่งที่คุณจะพูดก็คือ คนเราเมื่อแรกเกิดนั้นก็สันดานชั่วต่างหากเล่า!”
ที่จริงชอลพุซก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เขาไม่เพียงแต่พยักหน้าแล้วยังตอบกลับไปว่า “ก็ทำนองนั้น ประธานลี่ไม่รู้สึกว่าแบบนั้นเหรอ?”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยและมองไปยังชายคนนี้ด้วยแววตาอันลึกซึ้ง “อันที่จริงแล้วผมไม่มีคุณสมบัติพอที่จะตอบคำถามนี้”
จากเหตุผลหลายๆประการ เขาเองก็ไม่ใช่คนดีและไม่ใช่คนมีเมตตาปรานีอะไรนัก
แม้ว่าในแต่ละปีเขาจะบริจาคเงินเพื่อการกุศลมากมายภายใต้บริษัทลี่ซื่อ แต่ที่จริงแล้วกิจกรรมเหล่านั้นก็เป็นเพียงการสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท เพื่อให้สาธารณชนได้รู้จักก็เท่านั้นเอง
ส่วนบริษัทลี่ซื่อนั้น ในฐานะผู้นำสูงสุดด้านอุตสาหกรรมการเงินในประเทศ ก็กลายเป็นหัวข้อที่ผู้คนมากมายให้ความสนใจ เป็นแกนนำที่มั่นคง การที่เขาสามารถดำเนินกิจการใหญ่โตเช่นนี้ได้คาดว่าก็คงไม่ไช่คนดีอะไรสักเท่าไหร่
ชอลพุซเองก็ยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมเองก็คงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาคุยเรื่องนี้ด้วย”
สายตาของลี่เฉินซีมืดมนลง “ก็คงแบบนั้น มาคุยเรื่องเงื่อนไขกันเถอะ! ทำอย่างไรถึงจะปล่อยผู้หญิงของผมได้?”
เมื่อตัดตรงเข้าประเด็นแล้ว แต่ชอลพุซก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลย เขาค่อยๆถอยหลังกลับไป แล้วเอนตัวพิงรั้วสะพานด้านหลังอย่างสบายๆ หยิบกล่องบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และน้ำมันมาคาบไว้ในปากก่อนจากจุดสูบ แล้วจึงพูดขึ้นว่า “จากบางแง่มุม คุณซูไม่ใช่ผู้หญิงของคุณตั้งนานแล้ว ประธานลี่ คุณจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เหรอ? คุณเองก็คงจะรู้ดีกว่าใครว่า เงื่อนไขที่Jockกำหนดขึ้นนั้นมันต้องและด้วยอะไรมากมายขนาดไหน”
เมื่อได้ยินดังนั้นลี่เฉินซีก็ยิ้มออกมาอย่างไม่เกรงใจ ใบหน้าเคร่งขรึมของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มอันเยือกเย็นดุร้ายราวกับมัจจุราช น้ำเสียงของเขาข่มขู่และเย็นชาเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาว่า “แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ? ผมเองก็เป็นแค่นักธุรกิจ ในวงการธุรกิจนั้นทุกคน พูดถึงแต่เงื่อนไข!”
ชอลพุซจึงยิ้มตอบเขา “แทนที่จะพูดถึงเรื่องนี้มาพูดถึงเรื่องเด็กก่อนดีกว่า เด็กคนที่ชื่อเตียวเตียวไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีญาติที่ไหน แม้แต่ชื่อที่เป็นทางการก็ถูกตั้งโดยคุณซู เด็กคนนี้ประธานลี่นำมามอบให้พวกเราได้ไหม?”
ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีญาติอย่างงั้นเหรอ?
คำพูดเหล่านี้เมื่อตกมาถึงหูของลี่เฉินซีสีหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที นั่นคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาจะบอกว่าไม่มีพ่อแม่ได้ยังไง!
เพียงแต่เขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมามากนัก ทำได้เพียงระงับความโกรธเอาไว้ในใจแล้วยิ้มกลับไปว่า “ผมเคยบอกคุณแล้วนี่ว่าเรื่องการจะอยู่จะไปของเด็กคนนี้ผมไม่อาจตัดสินใจเองได้”
หลังจากหยุดไปสักพักชะงักไปชั่วครู่ เขาก็เลิกคิ้วขึ้น สายตามองไปยังรถทั้งสองคันนั้นแล้วพูดว่า “ตอนนี้คุณยังมาถามคำถามนี้กับผมอีกอย่างงั้นเหรอ? มองดูแล้วซูย้าวน่าจะให้คำตอบของกับคุณแล้วสินะ”
ชอลพุซได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาทันใด แต่ในครั้งนี้เขาหัวเราะออกมาอย่างจริงจัง ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ประกอบกับคิ้วที่โค้งได้รูป ดวงตาอันงดงามราวกับตัวเอกที่เดินออกมาจากหนังสือการ์ตูน
เขายกมือขึ้นเขี่ยขี้บุหรี่ทิ้ง “ประธานลี่รู้จักคุณซูดีจริงๆสินะ พวกคุณสองคนมองดูแล้วก็เข้ากันได้ดีนี่ เป็นคู่รักที่หายากจริงๆ
เพียงแต่เตียวเตียวเด็กคนนี้ หากมองจากมุมมองของคนนอกไม่ว่าจะเป็นคุณซูหรือว่าคุณก็ตามไม่มีความจำเป็นจะต้องเก็บเด็กคนนี้ไว้ข้างกาย เด็กคนนี้ไม่ใช่สิ่งดีเท่าไหร่นัก”
ประโยคของเขานี้อาจจะดูไม่น่าฟัง
ดวงตาอันแหลมคมของลี่เฉินซีเมื่อได้ยินคำว่าไม่ใช่สิ่งดีนั้น สีหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นราวกับน้ำแข็งภูเขาหิมะเก้าชั้น การแสดงออกที่เฉียบคมโผล่ออกมาจากใต้สายตาอันลึกล้ำของเขาและมองไปที่อีกฝ่ายหนึ่ง “แล้วยังไงล่ะ? สิ่งที่คุณพยายามจะพูดคืออะไรกันแน่?”
ชอลพุซยังคงรอยยิ้มไว้ดังเดิม เขายักไหล่ไปมาแล้วพูดว่า “ก็ไม่มีอะไร ในเมื่อคุณและคุณซูไม่ยอมมอบตัวเด็กคนนั้นออกมาก็ช่วยไม่ได้”
“ก็แค่เด็กอายุห้าขวบไม่ใช่รึไง ต่อให้ฉลาดเป็นอัจฉริยะยังไง ก็แค่เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งเท่านั้น พวกอัจฉริยะมีมากมายเหลือเกิน”
เมื่อเขาพูดจบ ชอลพุซก็สูดหายใจเข้าเบาๆ หันศีรษะมาแล้วพูดว่า “แต่การที่ผมเดินทางมาเมืองAในครั้งนี้ผมนำคำสั่งของJockมาด้วย ผมจะไม่เอาเด็กไปก็ได้ แต่ในการแลกเปลี่ยน คุณซูจะต้องกลับไปกับผม”
บนใบหน้าอันเย็นชานั้น ริมฝีปากบางเบาของเขาขยับขึ้นแล้วพูดว่า “ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
ชอลพุซครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ก็ไม่ใช่จะไม่มี”
ตอนที่เขากำลังพูดอยู่นั้นสายตาก็มองไปทางรถยนต์ดูเหมือนกำลังมองอะไรบางอย่าง หรือหาอะไรบางสิ่ง ก่อนจะพูดต่อไปว่า “ผมทำงานให้Jockมาหลายปีแล้ว และเข้าใจนิสัยของเจ้านายดี เขาบอกให้ผมนำตัวคุณซูกลับไป ถ้าระหว่างนั้นเกิดเรื่องผิดพลาดหรืออะไรขึ้นละก็ ต่อให้มีอะไรเกินมาหรือมีอะไรขาดไป ก็นับว่าทำผลงานได้ไม่สำเร็จ”
ลี่เฉินซีเงยหน้าขึ้นเลียริมฝีปากของตนเองที่ซีดเผือด “ไม่ว่าจะเป็นวิธีใด ในครั้งนี้คุณจะเอาตัวซูย้าวไปให้ได้อย่างนั้นสินะ?”
“ก็ทำนองนั้น” ชอลพุซตอบกลับ วินาทีที่เขาพูดประโยคสุดท้ายจบลง จู่ๆ ก็หยิบปืนออกมาจากกระเป๋าสูทด้านไหน
ปืนกระบอกสีดำนั้น เล็งเป้ามาที่ศีรษะของลี่เฉินซี นิ้วมือของเขาแตะไปที่ไกลปืน แต่ในวินาทีนั้นดูเหมือนเขาจะคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง กระบอกปืนค่อยๆลดลงอย่างช้าๆแทนที่จะเล็งไปที่หัวใจกลับเล็งไปตำแหน่งที่ข้างๆพื้น “คำสั่งของJockก็คือ ไม่ว่าจะเป็นหรือตายเพียงแค่พากลับไปก็พอ ที่จริงผมก็รู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะบรรลุเป้าหมายในครั้งนี้ ดังนั้นถ้าจัดการกับตัวปัญหาอย่างคุณขึ้นก่อนก็คงจะดีไม่น้อยไม่ใช่หรือไง?”
น้ำเสียงอันอ่อนโยนของเขาและใบหน้าอันหล่อเหลายังคงมีรอยยิ้มจางๆ แต่รอยยิ้มนั้นช่างเย็นชาเหลือเกิน ดวงตาของเขาลึกล้ำลงไปดูเหมือนกับพญามัจจุราชที่มาจากนรก สามารถฆ่าเขาได้ทุกที่ทุกเวลา!
ลี่เฉินซีสบตากับเขา ดวงตาอันเย็นยะเยือกนั้นมิได้มีความเกรงกลัวแต่อย่างใด “การจะกำจัดผมไปก่อน เป็นทางเลือกที่ดีทีเดียวเพียงแต่ว่า……”
น้ำเสียงของเขายืดยาว และยังไม่ทันจะตั้งตัวจู่ๆ เขาก็ยกมือขึ้น เพื่อปัดปืนในมือของคู่ต่อสู้ทิ้งและขณะเดียวกันก็หยิบปืนของตัวเองที่ใส่ไว้ตรงบริเวณเอวขึ้นมา กดเข้าที่หน้าอกของคู่ต่อสู้
ลี่เฉินซีมองมาทางเขานิ้วมือค่อยๆสัมผัสไปที่ไกปืน “คุณลองคิดดูอีกทีก็ได้นะ ถ้าจะเปรียบเทียบความแม่นปืนระหว่างเราใครจะแม่นและไวกว่ากัน?”
ดูเหมือนชอลพุซจะคาดไม่ถึงจริงๆ ตอนนี้เขาหรี่ตาลงและมองไปยังปืนที่อยู่ตรงหน้าอกของตน ในมือของเขามีปืนของคู่ต่อสู้อยู่ ดูเหมือนจะเป็นการเผชิญหน้ากัน แต่ความเป็นจริงแล้วผลที่ตามมาของทั้งสองฝ่ายนั้นก็คือ ทั้งสองอย่างจะพังพินาศลงไปพร้อมๆกัน
“ประธานลี่ดูเหมือนจะเตรียมพร้อมมาล่วงหน้าสินะ แต่ว่าคุณลืมอะไรไปหรือเปล่า?” เมื่อเขาพูดจบด้านหลังของรถตู้ก็ถูกเปิดประตูออกดัง “แกร้ก!”
ชายรูปร่างกำยำสี่ห้าคนเดินออกมาจากรถอย่างช้าๆ หนึ่งในนั้นเดินตรงขึ้นไปตรงประตูรถเก๋งและเปิดประตูด้านหลังออก ก่อนจะดึงร่างของซูย้าวลงมาอย่างโหดเหี้ยม
เธอไม่ได้ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ตามอิสระ เพียงแต่สีหน้าและสภาพร่างกายของเธอนั้นดูผิดปกติไป
สีหน้าของซูย้าวซีดขาว มองไปแล้วช่างอ่อนแอเหลือเกิน ดูเหมือนเธอกำลังป่วยหรือว่า……จะถูกคนวางยา!
ดวงตาอันเย็นชาของลี่เฉินซีหรี่ลงอย่างรวดเร็ว ปืนในมือของเขากดลงไปตรงหัวใจของคู่ต่อสู้อย่างแรง “แกทำอะไรกับเธอ?”
สีหน้าของชอลพุซไม่มีมีปฏิกิริยาใดๆ เขาเพียงแค่ยิ้มแล้วพูดว่า “ก็แค่ยาสลบเอง ทำให้เธอสูญเสียความสามารถในการต้านทานไปชั่วขณะ ประธานลี่ต้องทำท่าตื่นเต้นขนาดนี้ด้วยเหรอ?”
ดวงตาของลี่เฉินซีตอนนี้ช้างดุร้าย มันเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ รูม่านตาของเขาหดตัวเล็กลง และรู้สึกได้ถึงลางไม่ดี วินาทีต่อมาเขาก็รีบพุ่งตรงไปยังซูย้าว
แต่มันก็สายเกินไป
คนที่อยู่ไกลซูย้าวที่สุดเนื่องจากเขาอยู่ในระยะประชิดกว่า จึงมีโอกาสมากกว่า มันดึงร่างของซูย้าวเข้าไป เอามือรัดคอยกปืนในมืออีกข้างหนึ่งจ่อลงไปตรงขมับของเธอ
ส่วนคนอื่นๆที่เหลือก็ได้หยิบปืนออกมาเช่นกัน และเล็งไปที่ทิศทางของลี่เฉินซี
ชอลพุซที่อยู่ด้านหลังพูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งว่า “ผมแนะนำว่าคุณอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ไม่อย่างนั้น……”
เขาตั้งใจพูดไม่จบประโยคและลากน้ำเสียงยาวขึ้น กระบอกปืนในมือก็เล็งเป้าไปที่ลี่เฉินซีเช่นกัน เขาหลีกเลี่ยงส่วนสำคัญของร่างกายและเหนี่ยวไกปืนไปยังขาซ้ายของฝ่ายตรงข้าม……