เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 561
“อย่านะ!”
ทันใดนั้นน้ำเสียงที่ร้อนรนของซูย้าวก็ดังขึ้น เสียงนั้นแหบแห้ง แผ่วเบาและไร้เรี่ยวแรง
ถึงแม้ว่าร่างกายของเธอจะเหลือแรงอยู่ไม่ถึงครึ่ง แต่เธอก็พยายามอย่างหนักที่จะหลบหลีกจากชายฉกรรจ์สองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งสุดท้ายเรี่ยวแรงที่เธอมีมันก็ยังไม่มากพอ แล้วเธอก็กำลังจะถูกชายสองคนนี้จัดการได้ในไม่ช้า
‘ปัง’ ทันใดนั้น ก็มีเสียงราวกับระเบิดดังขึ้น กลุ่มควันสีขาวม้วนตัวออกมาจากปลายกระบอกปืนในมือของชอลพุซ
ซูย้าวมองดูภาพเบื้องหน้าอย่างตกตะลึง ขาของลี่เฉินซีถูกยิงจนเลือดไหล ฝีเท้าที่ตอนแรกเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วกลับหยุดชะงักลง ก่อนที่ร่างสูงจะล้มลงไปกองกับพื้นเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
ชอลพุซยังดูไม่ค่อยพอใจเท่าไร เขาค่อยๆ ก้าวเข้ามา พร้อมกับปรายตามองไปยังลี่เฉินซีที่กำลังดิ้นรนลุกขึ้น จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะพูดเย้ยหยันขึ้นว่า “เป็นไงล่ะ? ฉันอุตส่าห์หลีกทางให้ ลูกฉันก็คืนให้แล้วไม่ใช่รึไง? ได้ออกไปใช้ชีวิตดีๆ กับลูกไม่ดีเหรอ?”
“หรือว่าถ้าเทียบกันแล้ว ผู้หญิงคนนี้สำคัญกว่าลูกอีก?” ชอลพุซรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ มันออกจะวกไปวนมา แต่อยู่ๆ ผลลัพธ์ก็กลายมาเป็นแบบนี้ ซึ่งมันดูเหมือนจะง่ายเกินไปหน่อย
ลี่เฉินซีพยายามทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ขา จากนั้นก็พยายามลุกขึ้น แต่ทันทีที่เขาลุกขึ้นมา ก็ถูกชอลพุซเตะซ้ำจนลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง ร่างสูงค่อยๆ ย่อตัวลงมาข้างๆ เขา แววตาที่ดูถูกเหยียดหยามนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ “หรือแกขาดผู้หญิงถึงขนาดนี้เลยรึไง?”
“ท่านประธานที่สง่างามและสูงส่งของบริษัทลี่ซื่อ ผู้ที่ถือว่าเป็นแฟนในอุดมคติที่สาวๆ หลายคนใฝ่ฝัน ลี่เฉินซีแกไม่น่าขาดผู้หญิงนี่ใช่ไหม?”
ชอลพุซยังคงพูดต่อ เขายืดตัวขึ้น พร้อมกับชี้ปืนในมือไปยังซูย้าวที่กำลังดิ้นรนอยู่ “ผู้หญิงคนนี้ แกรังเกียจเธอมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่หย่ากันหรอกใช่ไหมล่ะ?”
“เกิดเป็นคนทั้งทีก็คิดให้มันดีๆ หน่อย คนฉลาดเขาไม่กลับไปเดินซ้ำรอยเดิมหรอกนะ ผู้ชายอย่างแกเพื่อผู้หญิงคนนี้คนเดียวต้องทำถึงขนาดนี้เลยรึไง?”
ชอลพุซส่ายหน้าด้วยความเหยียดหยาม เขาหันปืนชี้ไปทางลี่เฉินซีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเล็งไปที่ตำแหน่งหัวใจ เขาหรี่ตาลงพร้อมกับพูดขึ้นว่า “แทนที่จะปล่อยให้แกเป็นคนพิการ แล้วกลายมาเป็นศัตรูกับฉัน ไม่สู้…ให้ฉันปล่อยแกเป็นอิสระไปเลยดีกว่า!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ซูย้าวก็ทนต่อไปไม่ไหว เธอร้องตะโกนออกมาไม่หยุดว่า “ชอลพุซคุณรับปากฉันแล้วนี่! ปล่อยเขาไป อย่าทำอะไรเขานะ!”
เธอไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้วในตอนนี้ แต่น้ำเสียงของเธอยังคงหนักแน่น ด้วยความโกรธในตอนนั้นเธอฉวยโอกาสตอนที่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอไม่ทันตั้งตัว คว้าปืนในมือของเขามา ก่อนจะเอามาจ่อไว้ที่ขมับของตัวเอง “ถ้าคุณกล้าทำอะไรเขา ฉันจะฆ่าตัวตาย ถ้าฉันตายภารกิจของคุณก็จะไม่สำเร็จ!”
ชอลพุซตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ก็เพียงครู่เดียว หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังซูย้าวด้วยสายตาเย็นชา นัยน์ตาของเขาเริ่มขยายขึ้น “เธอจะเอาการฆ่าตัวตายมาขู่ฉันงั้นเหรอ?”
เขาพูดต่อพร้อมกับรอยยิ้ม “ลืมไปแล้วเหรอซูย้าว? คำสั่งของJock คือถ้าจับเป็นไม่ได้ก็จับตาย นั่นหมายความว่าต่อให้เธอตาย ฉันก็แค่เอาศพของเธอกลับไป ก็ถือว่าภารกิจฉันสำเร็จ!”
ซูย้าวตกตะลึงจนหมดคำจะพูด เธอจ้องเขาตาไม่กะพริบ ริมฝีปากบางของเธอเม้มแน่นอย่างพูดอะไรไม่ออก
ลี่เฉินซีค่อยๆ ลุกขึ้นอีกครั้ง แต่แผลที่ขาของเขายังคงมีเลือดไหลอย่างต่อเนื่อง เลือดปริมาณมากที่ไหลออกมา แค่เพียงครู่เดียวก็ทำให้กางเกงสีเข้มเปียกชุ่ม เขาแข็งใจเอามือกดไปที่ปากแผล ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองซูย้าว “อย่าทำแบบนี้ วางปืนลงเถอะ ซูย้าว เชื่อผม ผมจะพาคุณกลับไปอย่างปลอดภัย…”
เขาไม่ได้มาคนเดียว หวางอี้จะพาคนอื่นๆ ตามมาทีหลัง อีกอย่างเขาก็โทรแจ้งตำรวจไปตั้งแต่แรกแล้ว ขอแค่เขาถ่วงเวลาไว้ได้สักนิด ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย…
ซูย้าวเลื่อนสายตาลงมาที่เขา แววตาลึกล้ำที่เขาจ้องมองเธอนั้นแน่วแน่ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจริงใจ เธอจะไม่เชื่อเขาได้อย่างไร
แต่ว่า….
เธอสบสายตาไปที่เขา ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “สายไปแล้ว เฉินซี มันสายไปแล้วจริงๆ …”
‘ปัง’ สิ้นเสียงปืน เลือดอุ่นๆ ก็ค่อยๆ ซึมออกมาจากตำแหน่งหัวใจของซูย้าว
ต่อมาก็มีเสียง ‘ปัง ปัง’ ดังขึ้นอีกสองครั้ง ยังไม่ทันที่ลี่เฉินซีจะได้ตั้งตัว ลูกปืนอีกสองนัดก็ถูกยิงไปที่ตัวซูย้าวอีกครั้ง
อย่าว่าแต่ลี่เฉินซีเลย ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ ซูย้าวเอง ก็ตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้าเช่นกัน
ร่างกายของซูย้าวโอนเอนไปมา ก่อนที่สมองของเธอจะหยุดนิ่ง ภาพเบื้องหน้าว่างเปล่า เพียงไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นความเจ็บปวดที่เกินจะจินตนาการก็ตามมา
ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างเพิ่งจะระเบิดออกมา จากนั้นก็เริ่มฉีกร่างเธอออกเป็นชิ้นๆ ส่วนที่เกินจะรับไหวคือเลือดที่ค่อยๆ ไหลออกมาไม่หยุด มันพุ่งทะลักออกมาจากทุกช่องทาง พร้อมกับค่อยๆ กลืนกินลมหายใจของเธอเข้าไป เธออยากจะหยุดเลือดที่ไหลออกมาจากทั้งปากและจมูก แต่กลับทำอะไรไม่ได้
ซูย้าวเดินโซเซไปมาก่อนจะล้มลงกับพื้น สีหน้าที่เจ็บปวดของเธอค่อยๆ ซีดลง ตัวสั่นเล็กน้อย เหงื่อเย็นๆ เริ่มกระจายไปทั่วร่าง เธอพยายามใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายที่มีมองไปยังลี่เฉินซี ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “ดู ดูแลลูกให้ดี…..”
ลี่เฉินซีรู้สึกชาไปทั้งตัว เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังถูกเกาะเกี่ยวโดยบางสิ่งบางอย่าง วินาทีนั้นความเจ็บปวดจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจกำลังจะกลืนกินเขาลงไป ใจทั้งใจของเขาเหมือนกำลังถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ด้วยมีดที่แหลมคม เขามองไปที่เธอด้วยความว่างเปล่า อยากกระโจนเข้าไปหา แต่กลับโดนยิงเข้ามาอีกนัด
ชอลพุซยังคงทำตามคำพูดที่เขารับปากไว้ เขาเลี่ยงส่วนสำคัญบนร่างกายลี่เฉินซี แค่ยิงเข้าที่ไหล่ซ้ายอีกนัด ก่อนจะมองดูเขาล้มลงกับพื้น จากนั้นก็เหลือบตามองหญิงสาวที่หมดสติอยู่ข้างๆ พร้อมกับขมวดคิ้ว “ต้องขออภัยท่านประธานลี่จริงๆ ร่างของผู้หญิงคนนี้ ยังไงก็ยังมีประโยชน์กับฉันอยู่”
พูดจบเขาก็ส่งสายตาให้กับลูกน้องที่ยืนอยู่ ลูกน้องพวกนั้นพากันวิ่งวุ่นเข้ามา ก่อนจะพากันยกร่างของซูย้าวขึ้นรถไป
ชอลพุซกำลังจะหันหลังกลับ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวออกไป กลับมีบางอย่างรั้งเขาไว้
เขาผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ ก้มลงมอง ก่อนจะเห็นว่าเป็นมือของลี่เฉินซียื่นออกมาจับข้อเท้าเขาไว้แน่น พร้อมกับดึงกางเกงเขาไว้ด้วย นิ้วเรียวยาวราวกับหยกเต็มไปด้วยเลือด แต่กลับดูเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่
ชอลพุซเงยหน้าขึ้นก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างอดทนอดกลั้น จากนั้นก็สะบัดเท้าเต็มแรง เพื่อให้พัฒนาการของชายหนุ่มหลุดออก เดิมทีเขาต้องการจะจากไปเลย แต่ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
เขาหันกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะขยับเข้าไปหาลี่เฉินซี “ถ้าฉันบอกแกว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นความสมัครใจของซูย้าวเอง แกจะเชื่อรึเปล่า?”
หัวใจของลี่เฉินซีราวกับกำลังถูกบีบรัด ความเจ็บปวดท่วมท้นเข้ามาอย่างรุนแรง แต่เขากลับไม่สามารถต้านทานอาการตกตะลึงในใจได้
“ข้อตกลงที่เธอทำไว้กับฉันก็คือ แลกเปลี่ยนตัวเธอเอง เพื่อความปลอดภัยของลูกๆ…”
ชอลพุซครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อจนจบ “และแก เธออยากให้แกอยู่อย่างสงบสุข มีชีวิตและร่างกายที่แข็งแรง แต่เธอรู้ดี ว่าถ้าแกยังปลอดภัยไม่มีห่วง แกจะไม่มีทางปล่อยเธอไป เธอเลยเลือกทางนี้ ยืมมือฉันเพื่อฆ่าตัวตาย แล้วยังต้องต่อหน้าแกด้วย เพราะมีแค่วิธีนี้เท่านั้น ที่แกจะยอมแพ้ได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ”
เขาหยุดไปเล็กน้อย ก่อนจะมองไปยังลี่เฉินซี ที่ตอนนี้ยังคงพยายามจับเขาไว้ นัยน์ตาของเขาค่อยๆ จมลึกลงไป “ตอนนี้เธอตายไปแล้ว แกจะยอมแพ้รึยัง?”
ไม่จำเป็นต้องรอให้ลี่เฉินซีตอบอะไร ชอลพุซดึงปืนออกมาอีกครั้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาแนบปากกระบอกปืนไว้ที่หน้าผากของชายหนุ่ม จากนั้นก็วนไปที่ขมับ “ต้องให้ฉันฆ่าแกไปด้วยไหม แกถึงจะยอมแพ้ได้?”
“ยังไงซะ แบบนี้มันอาจจะทำให้ลูกๆ ของแกต้องเจ็บปวดเกินไป ลูกชายสองคน ลูกสาวหนึ่งนี่ใช่ไหม?” ชอลพุซพูดออกมาอีกสองสามคำด้วยท่าทางเฉยเมย แต่กลับทำให้สติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของลี่เฉินซีตื่นขึ้นมา
“แกคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ? ว่า เตียวเตียวก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกแกด้วยเหมือนกัน” เพราะงั้นไม่ว่าเขาจะข่มขู่ออกไปยังไง ซูย้าวกับลี่เฉินซีก็ไม่มีทางหวั่นไหวเลยสักนิด
ชอลพุซเก็บปืนกลับไปเหมือนเดิม ก่อนจะยกมือขึ้นปัดฝุ่นออกจากตัวเขา “แต่ก็ช่างมันเถอะ เธอตายไปแล้วก็ไม่เป็นไร ภารกิจของฉันก็ถือว่าสำเร็จ แกเองก็จะได้ไปใช้ชีวิตต่อไปให้ดีๆ”
ก่อนที่จะเดินจากไป ชอลพุซยังหันหน้ากลับมามองลี่เฉินซีอีกครั้ง พร้อมกับพูดทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค “ใช้ชีวิตให้ดีเถอะ ชีวิตนี้ของแกเทียบเท่ากับการแลกมาด้วยชีวิตของซูย้าว อย่าทำให้เธอต้องผิดหวังกับสิ่งที่เธอตั้งใจไว้ถึงจะถูกสิ!”
ลี่เฉินซียังคงนอนอยู่กับพื้น เขาพยายามฝืนทนลุกขึ้นมาอยู่สองสามครั้ง แต่ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสบนร่างกายกับเลือดที่ไหลออกมาจนน่ากลัวนั้นทำให้เขารู้สึกหมดหนทาง เขาได้แต่มองดูรถสองคันขับออกไปต่อหน้าต่อตาอย่างโกรธจัด ทั้งเสียใจ ทั้งขมขื่น ราวกับเกลียวคลื่นที่กำลังร้องคำรามอยู่ในท้องทะเล ก่อนที่มันจะค่อยๆ ม้วนกลืนเขาลงไปช้าๆ