เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 562
สองปีต่อมา
ในวันหยุดสุดสัปดาห์วันหนึ่ง พระอาทิตย์ยามบ่ายกำลังส่องแสงอย่างเจิดจ้า ผ่านหน้าต่างบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดาน ทำให้ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยแสงที่อบอุ่นและอ่อนโยน
ข้างๆ โต๊ะหนังสือตัวยาว มีร่างของเด็กน้อยสองคนที่ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่นั่งเงียบๆ อยู่คนละฝั่ง ทั้งคู่พากันทำการบ้านในมือของตัวเองอย่างจริงจัง ผ่านไปครู่ใหญ่ เด็กชายตัวเล็กจึงค่อยๆ มองขึ้นไปยังหญิงสาวที่นั่งข้างๆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ครูลู่เรียนพิเศษวันนี้เสร็จแล้วใช่ไหมครับ?”
ลู่จื่อซีชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นเธอก็เหลือบมองนาฬิกาที่แขวนไว้บนผนังซึ่งอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างเบาๆ ด้วยความเขินอาย “เสร็จแล้วค่ะ แต่… ลี่หมิงช่วงสุดสัปดาห์คุณพ่อของเธอต้องไปที่บริษัทด้วยเหรอ?”
หลังจากที่เรื่องของเตียวเตียวถูกเปิดเผยตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน ลี่เฉินซีก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของเด็กๆ ทั้งหมดเป็นการส่วนตัว ชื่อของเขาถูกเปลี่ยนเป็น ลี่หมิงตามชื่อลูกชายคนโตลี่เจิ้ง
พอลี่หมิงได้ยินดังนั้น เขาก็เอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะมองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยดวงตาสีเข้มคู่โต หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาจึงพูดขึ้นว่า “ประมาณนั้นครับ คุณพ่อทำงานดึกทุกวันแล้วก็ยุ่งมากด้วย”
หลังจากลังเลไปครู่หนึ่ง ลี่หมิงยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เด็กหญิงตัวเล็กฝั่งตรงข้ามที่อายุเกือบเท่ากัน ก็พูดขึ้นมาว่า “คุณพ่อของฉันยุ่งมากไม่มีเวลามาสนใจเรื่องความรักหรอกค่ะ ครูลู่อย่าคิดให้เสียเวลาเลย”
ลู่จื่อซี “…….”
ลี่หมิงเหลือบมองน้องสาวของเขา ก่อนจะกระแอมเสียงต่ำว่า “ซีซี!”
ซีซีทำปากยู่เล็กน้อย เป็นท่าทีเหมือนกับว่าเธอก็แค่พูดความจริงออกไปเท่านั้นเอง จากนั้นเธอก็ปิดสมุดการบ้านตรงหน้า ก่อนจะเก็บของแบบลวกๆ แล้วก็ลุกจากเก้าอี้ พร้อมกับเดินออกจากห้องไป
ลี่หมิงมองไปทางลู่จื่อซีด้วยสายตาที่ซับซ้อนเล็กน้อย “คุณครูครับ อย่าเข้าใจผิดนะ น้องสาวผมเธอไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ จริงๆ แล้ว? ผมรู้ว่าคุณเป็นน้องสาวของลุงลู่คุณกับคุณพ่อผม…”
สีหน้าของลู่จื่อซีเริ่มมีความหนักใจปรากฏขึ้น เธอค่อยๆ ยกมือขึ้นมาทัดผมไว้ที่หูอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ก่อนจะพูดขึ้นอย่างร้อนรนว่า “หมิงเอ๋อเธอคงเข้าใจผิดแล้ว ครูไม่ได้คิดอะไรเลย”
เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของลู่ส้าวหลิง เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศก่อนจะกลับมาที่จีนอีกครั้ง จากนั้นเธอก็ได้พบกับลี่เฉินซีโดยบังเอิญ เรียกได้ว่านั่นคือรักแรกพบของเธอเลยก็ว่าได้
ผู้ชายที่แต่งตัวดีมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง ราวกับมีแรงกระตุ้นบางอย่างที่ทำให้คนที่พบเห็นต้องมึนเมาไปกับทุกอิริยาบถของเขา ลู่ส้าวหลิงเองก็รู้ความรู้สึกเธอตั้งแต่แรกแล้ว เพราะงั้นเขาถึงตั้งใจให้เธอมาเป็นคุณครูสอนพิเศษให้กับเด็กสองคนนี้
ลี่หมิงจ้องมองเธอด้วยแววตาที่ซับซ้อนอยู่อีกชั่วครู่ ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้น “คุณครูครับ คุณชอบคุณพ่อผมเหรอ?”
“เอ่อ……”
ลู่จื่อซีคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอยู่ๆ เด็กน้อยจะถามคำถามนี้ขึ้น ทั้งยังตรงไปตรงมาอีกด้วย เธอหยุดชะงักด้วยความมึนงง ก่อนจะใช้เวลาครู่ใหญ่ดึงสติตัวเองกลับมา พร้อมกับกระซิบเสียงเบาว่า “นี่น่ะเหรอ ครู…แค่เห็นว่ามันดูไม่ง่ายเลยที่คุณพ่อของเธอต้องเลี้ยงดูเด็กๆ ถึงสามคน ทั้งต้องยุ่งกับงาน ทั้งต้องดูแลพวกเธอ…”
ลี่หมิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา พร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ เหมือนผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ ทำ “นี่มันเป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้นครับ คุณพ่อผมมีภรรยาแล้ว”
หลังจากที่หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยๆ เก็บการบ้านที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับพูดต่อว่า “คุณแม่ของผมเดินทางไปทำงาน และจะกลับมาอยู่พร้อมหน้ากับพวกเราอีกครั้งในเร็วๆ นี้”
หัวใจของลู่จื่อซีรู้สึกจมดิ่งลงไปอย่างกะทันหัน เธอก็มองไปยังเด็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก “ใช่ค่ะ แม่ของเธอเดินทางไปทำงาน แล้วก็จะกลับมาในเร็วๆ นี้ ครูคิดมากไปเอง!”เธอเดินลงมาชั้นล่างพร้อมกับลี่หมิง ลู่จื่อซีรู้สึกจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไร ในหัวของเธอยังคงคิดวกไปวนมา อันที่จริง เธอไม่เคยได้ยินชื่อ‘คุณนายลี่’ จากลูกพี่ลูกน้องของเธอหรือจากปากคนรับใช้ของตระกูลลี่เลย
มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ทำให้ลี่เฉินซีได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องใช้เวลารักษากว่าครึ่งปี และอุบัติเหตุนั้น ยังทำให้ ‘คุณนายลี่’ เสียชีวิตอีกด้วย
หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ทั้งคนของตำรวจและคนของบริษัทลี่ซื่อต่างก็ถูกส่งไปยังที่เกิดเหตุ ทั้งหมดถูกส่งให้ค้นหาจนทั่ว แต่กลับไม่มีข่าวคราวอะไรเลย
มีชีวิตอยู่ก็ไม่เห็นตัว หรือถ้าตายก็ไม่เห็นศพ
แต่จากปริมาณเลือดที่หลงเหลือไว้ในที่เกิดเหตุหลายคนคงสามารถตัดสินได้ว่า ‘คุณนายลี่’ นั้นต้องเสียชีวิตแล้วอย่างไม่มีข้อสงสัย
ทั้งลู่ส้าวหลิงกับยู่ฉือเห้า ต่างก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้ทำสุสานฝังเสื้อผ้าให้ ‘คุณนายลี่’ รวมถึงอีกหลายคนยังแนะนำอีกว่าควรที่จะบอกเรื่องเหล่านี้กับเด็กๆ ทั้งสามคนได้แล้ว แต่คำแนะนำนี้แค่ถูกพูดออกมานิดเดียว ก็ถูกลี่เฉินซีปฏิเสธไปในทันที
ตั้งแต่นั้นมา เขาก็บอกกับเด็กๆ แค่ว่า ‘คุณนายลี่’ ต้องเดินทางไปทำงานข้างนอก ซึ่งจะนานหน่อย นอกจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่สรุปแล้วเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นมายังไง ลู่จื่อซีก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน
พอคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าที่กำลังจะก้าวลงไปชั้นล่าง พร้อมกับมองไปยังแผ่นหลังเล็กที่อยู่เบื้องหน้า ในใจรู้สึกข่มขื่นเล็กน้อย “คือว่าหมิงเอ๋อ…..”
ลี่หมิงหยุดเดิน ก่อนจะหันกลับมามองหน้าเธอ “คุณครูว่าไงครับ?”
ลู่จื่อซีเดินเข้าไปหาเด็กน้อย ก่อนจะคุกเข่าลงนั่งข้างๆ เขา พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ “หมิงเอ๋อตอนนี้เธออายุได้เจ็ดขวบแล้วนะ หลักสูตรของชั้นอนุบาลหนึ่ง สอง สามเธอก็เรียนเองที่บ้านจนครบหมดแล้ว อีกครึ่งปีหลังเธอก็ต้องขึ้นชั้นประถม เธอโตแล้วนะ เรื่องบางเรื่อง ที่คุณพ่อไม่ได้พูด ก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะไม่เข้าใจ บางทีคุณแม่ของเธออาจจะ….ไม่อยู่แล้ว….”
ทันทีที่สามคำสุดท้ายถูกพูดออกมา ใบหน้าบอบบางของลี่หมิงที่เคยมีความประหลาดใจก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความโกรธทันที พร้อมกับขอบตาที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง “ไร้สาระ! คุณครูพูดเรื่องไร้สาระ! คุณแม่ของผมจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่อย่างแน่นอน!”
ยังไม่ทันที่ ลู่จื่อซีจะได้พูดอะไรต่อ อยู่ๆ ก็มีเสียงกังวานของชายหนุ่มดังขึ้นมาแต่ไกล “ครูลู่”
คำสามคำที่แสนเย็นชา ความรู้สึกมากมายเริ่มแพร่ออกมา
ลู่จื่อซีชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองตามเสียง ก่อนจะเห็นว่าเป็นลี่เจิ้งที่กำลังเดินออกมาจากสวนหลังบ้านพอดี เขาสวมชุดลำลองสีขาว ส่วนสูงประมาณ 160 กว่าเซน ร่างบางดูมีเสน่ห์ คิ้วของเขาขมวดเข้ม มีกลิ่นอายของความเฉียบคมที่คล้ายกับลี่เฉินซีกระจายออกมา
ลี่เจิ้งเดินเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าว ดวงตาที่เย็นชาของเขาก็กวาดมองไปทางลู่จื่อซี “ครูลู่ มาที่นี่เพื่อมาสอนการบ้านให้น้องชายกับน้องสาวของผม ไม่ได้มาเพื่อจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของเราใช่รึเปล่าครับ?”
เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อไปอีกว่า “จรรยาบรรณของความเป็นครู คุณยังแยกแยะไม่ได้เลยระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน ผมเกรงว่าคุณคงจะมาแค่เพื่อหลอกลวงลูกๆ ของคนอื่นเขาสินะ?”
คำพูดที่เฉียบคม พร้อมกับแววตาที่แสนจะเย็นชา ทุกการเคลื่อนไหวของเขา ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นต้องรู้สึกหวาดหวั่น
นัยน์ตาของลู่จื่อซีเบิกกว้าง เธอมองไปยังเด็กชายที่อยู่ตรงหน้า ชั่วขณะหนึ่ง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นเพียงตัวตลก คล้ายกับว่าร่างกายของเธอกำลังถูกดูดกลืนด้วยของเหลวที่เย็นเฉียบ จากนั้นก็เริ่มหนาวสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
เธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แก้มสองข้างร้อนผ่าว ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ยืนขึ้นพร้อมกับตอบกลับอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “คือว่า ขอโทษจริงๆ นะคะ ดูเหมือนว่าครูจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป…”
ลี่เจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างหมดความอดทน สายตาของเขากวาดมองไปทางลี่หมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำกว่าเดิมหลายเท่าว่า “มานี่”
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ด้วยความที่ลี่เจิ้งอายุมากกว่าเด็กน้อยทั้งสองคนนี้ นอกจากข้อได้เปรียบทางพันธุกรรมโดยกำเนิดของเขาแล้ว เขายังเหนือกว่า ลี่หมิงแทบจะในทุกด้าน อย่างไรก็ตาม เรื่องอุบัติเหตุของซูย้าวนั้น ลี่เจิ้งมักจะคอยครุ่นคิดเกี่ยวกับน้องชายและน้องสาวของเขามาตลอด เข้ากันได้บ้างแต่ก็ไม่ได้ถือว่าร่วมมือกัน
ท่ามกลางบรรยากาศที่อึมครึม ลี่หมิงรู้สึกกลัวลี่เจิ้งขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
อาจเป็นเพราะเขายังเด็ก ถ้าสู้กันยังไงเขาก็เอาชนะลี่เจิ้งไม่ได้ และไม่ว่าจะเรื่องเรียนต่างๆ ต่อให้เขาจะยอดเยี่ยมและโดดเด่นมากแค่ไหน ก็ยังเป็นรองให้กับลี่เจิ้งอยู่ดี พอเป็นแบบนี้เขาก็เลยมีความรู้สึกเคารพและเกรงกลัวพี่ชายไปโดยปริยาย
เพราะงั้นทันทีที่ลี่เจิ้งพูดขึ้นมา ลี่หมิงก็รีบเดินเข้าไปหาอย่างเชื่อฟัง พร้อมกับก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วกระซิบเสียงเบาว่า “พี่ชาย”
ส่วนลี่เจิ้งกลับตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ออกไป!”
ลี่หมิง “…….”
แม้ว่าในใจของเขาจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไร แต่ ลี่หมิงก็ยังพยักหน้ารับอย่างจำยอม “ครับ”
ยังไม่ทันที่ ลี่หมิงจะได้ก้าวออกไปจากตรงนี้ เสียงของซีซีก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังว่า “พี่ชาย พี่รังแกพี่รองของฉันอีกแล้วนะ!”
ถึงแม้ว่าลี่เจิ้งจะ ‘ไม่ค่อยชอบ’ น้องสาวคนนี้สักเท่าไร ปกติแล้วเขาเองก็ไม่ค่อยได้ดุเธอ แต่ซีซีนั้น เธอกลับเป็นพวกที่ไม่เคยมีความรู้สึกเกรงกลัวต่อสิ่งใดเอาเสียเลย ยังไม่รวมที่ลี่เฉินซีคอยให้ท้ายจนเสียคนอีก เธอเลยถือว่าตัวเองมีคนหนุนหลังอยู่ เด็กหญิงเดินก้าวเล็กๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว ครู่เดียวเธอก็วิ่งไปอยู่ข้างๆ ลี่หมิงก่อนจะใช้สายตาดุดันจ้องมองไปที่ลี่เจิ้ง “พี่ใหญ่ ถ้าพี่ยังรังแกคนอื่นอยู่แบบนี้ ฉันจะฟ้องคุณพ่อนะ! ให้ท่าน…”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกลี่เจิ้งก็คว้าข้อมือเล็กๆ ของเธอไว้ ด้วยแรงที่ถือว่ามากพอสมควร จนเธออดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอพยายามที่จะขัดขืน แต่มันกลับไม่ขยับเลยสักนิด เธอทั้งรู้สึกอาย โกรธ และรำคาญ “ลี่เจิ้ง!”
“มันใช่ไหมที่จะเรียกพี่ชายด้วยชื่อแบบนี้? ไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย ใครสั่งใครสอนเธอ?” ลี่เจิ้งเสียงดังขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับจ้องมองเธออย่างดุดันด้วยสายตาที่เย็นชาราวกับมีดดาบที่แหลมคม
“วุ่นวายอะไรกันอีก?”
ทันใดนั้น บนโถงทางเดินที่ไกลออกไป ก็มีเสียงทุ้มต่ำและเย็นชาของชายหนุ่มดังขึ้นอย่างทันเวลาพอดี