เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 569
คืนนั้นกว่าลี่เฉินซีจะกลับถึงบ้าน เวลาก็ล่วงเลยจนเกินเที่ยงคืนไปแล้ว
เด็กๆ เข้านอนกันหมด แม่บ้านหลายคนก็เข้าไปพักผ่อน เหลือเพียงพ่อบ้านสูงวัยเท่านั้นที่กำลังรอเขากลับมา และพอเขาเดินเข้ามาพ่อบ้านก็ออกมารับเขาทันที
หลังจากถามคำถามเกี่ยวกับเด็กๆ ไปประมาณสองสามคำ เขาก็บอกให้คุณพ่อบ้านกลับไปพักผ่อน จากนั้นเขาก็ขึ้นไปชั้นบนคนเดียว
ภายในห้องแต่งตัวขนาดใหญ่หรูหรา เสื้อสูทและเสื้อเชิ้ตค่อยๆ ถูกถอดออก ชายหนุ่มมองดูรอยฟันสีแดงบนไหล่ซ้ายเขาที่สะท้อนผ่านกระจก พร้อมกับขมวดคิ้วอย่างลึกล้ำ
สายตาของเธอ รอยยิ้มของเธอ และบทสนทนาเพียงไม่กี่ประโยคยังวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องนัก
แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาสามารถยืนยันได้ นั่นก็คือเธอคือซูย้าว
ไม่สำคัญว่าเธอจะถูกเรียกว่าอะไร แต่เธอก็ยังเป็นเธอ เขามั่นใจในจุดนี้
แต่ท่ามกลางความมืดนั้น ดูเหมือนเธอจะเปลี่ยนท่าทาง บุคลิก อารมณ์ หลายด้านๆ เหมือนเธอเปลี่ยนไปหมดเลย…
ในตอนที่เขากำลังครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่ง ก็มีเสียงใสๆ ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “ถูกผู้หญิงที่ไหนกัดมาน่ะ?”
ลี่เฉินซีผงะ ก่อนจะหันหลังกลับไปเห็นลี่เจิ้งที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรยืนตรงประตู เขาสวมชุดนอนสีขาวบริสุทธิ์ ร่างเล็กยืนพิงกรอบประตู สายตาเย็นชา เบื่อหน่าย และดูหงุดหงิดเล็กน้อย
เขาขมวดคิ้ว ยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็ได้ยินลี่เจิ้งพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ลู่จื่อซีเหรอ? ดูไม่ออกเลยนะ ผู้หญิงที่วันๆ ดูธรรมดาแบบนั้น จะทำอะไรที่ป่าเถื่อนแบบนี้”
นัยน์ที่สวยงามของลี่เฉินซีหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากของเด็กอายุสิบขวบ!
เขาขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด กำลังจะพูดประโยคที่ว่า ‘แม่ของลูกนั่นล่ะกัด’ แต่อยู่ๆ ก็ลังเล
ซูย้าวกลับมาแล้ว แต่ดูเหมือนเธอจะลืมอะไรบางอย่างไป อีกอย่างเรื่องทั้งหมดก็ยังดูไม่ชัดเจน ถ้าเขาบอกลูกๆ ไปเลย ก็กลัวว่ามันจะดูประมาทเกินไป
พอเห็นท่าทางลี่เฉินซีค่อนข้างลังเลที่จะพูด ลี่เจิ้งก็ได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมา “ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมรู้ พ่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว การที่พ่อมีความต้องการต่างๆ มันก็ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นไร พ่อไม่จำเป็นต้องคิดอะไรเกี่ยวกับเราหรอก”
โลกของผู้ใหญ่ จะเอาแต่พึ่งพาเด็กๆ ก็คงไม่ได้ ถ้าเพื่อลูกแล้ว กลับต้องทิ้งชีวิตของตัวเองไป
นี่เป็นความจริงที่เขาค่อยๆ ตระหนักได้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา
บางทีอาจจะเกี่ยวกับIQ เด็กคนนี้ด้วย เขามี IQ สูงมากตั้งแต่ยังเด็ก บางครั้งคำพูดที่เขาพูดออกมา ก็ทำให้หลายคนคิดไม่ถึงเช่นกัน
ลี่เฉินซีถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาลูกชาย “เจิ้งเอ๋อ”
ทันทีที่เขาอ้าปากพูด ลี่เจิ้งก็รีบพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง “โอเค ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมไม่โทษพ่อหรอก นี่ก็ดึกมากแล้วพ่อรีบพักผ่อนเถอะ ราตรีสวัสดิ์ครับ”
พูดจบเขาก็หันหลังแล้วเดินกลับห้องไป
ลี่เฉินซีถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาดูมืดมน ทั้งสับสนและไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
เช้าวันรุ่งขึ้น เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ เด็กๆ จึงได้หยุดอยู่บ้าน ลี่เฉินซีกำลังคิดว่าเขาควรพาเด็กๆ ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกสักหนึ่งวันดีรึไม่
ช่วงสองปีมานี้ เขาให้ความสำคัญกับงานมากเกินไป เรื่องพาเด็กๆ ออกไปเที่ยวนี้ ส่วนมากจะเป็นโม่หว่านหว่านกับลู่ส้าวหลิงที่พาไป
แต่ว่าช่วงนี้โม่หว่านหว่านกำลังตั้งท้อง อีกทั้งยังหลายเดือน จนใกล้คลอดแล้วด้วย ถ้ายังต้องไปรบกวนเธออีก ก็เกรงว่าจะดูไม่ดี
ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้อยู่ เด็กๆ ตรงข้างหน้าก็ทะเลาะกันขึ้นมาอีกแล้ว
ซีซีกินขนมปังแค่ด้านใน ส่วนที่เป็นขอบขนมปังก็จงใจเหลือให้ ลี่หมิงกิน พอลี่เจิ้งแบบนี้ เขาก็เลยตำหนิน้องสาวตัวเอง จากนั้น ลี่หมิงก็เข้ามาพูดปกป้อง ซีซีทั้งสามเลยเริ่มโต้เถียงกันโดยปริยาย
ลี่เฉินซีซึ่งกำลังพยายามสร้างความมั่นใจให้ตัวเองอยู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแม่บ้านดังขึ้นจากด้านนอก “คุณโม่มาแล้วเหรอคะ”
โม่หว่านหว่านตอบรับเบาๆ พลางเดินเข้ามาที่ห้องรับประทานอาหาร จากนั้นก็เห็นภาพที่ไม่ลงรอยกันของเด็กๆ สามคนตรงหน้า เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “พวกเธอทะเลาะอะไรกันอยู่จ๊ะ?”
พอซีซีเห็นเธอ ก็รีบวางมีดกับส้อมลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปหาเธอทันที “แม่ทูนหัว รีบจัดการพี่ใหญ่ที เขารังแกคนอื่นอีกแล้ว!”
โม่หว่านหว่านยิ้มออกมาเบาๆ “เจ้าหญิงตัวน้อย เธอก็ควรจะเปลี่ยนนิสัยเจ้าอารมณ์ของเธอด้วยนะ!”
ขณะที่เธอพูด สายตาก็เหลือบไปมองจานอาหารบนโต๊ะ จากนั้นก็ดูเหมือนจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น โม่หว่านหว่านค่อยๆ โน้มตัวลงพร้อมกับบีบแก้มเล็กๆ ของเธอ “เลือกกินอีกแล้วใช่ไหมคะ? แม่ทูนหัวเคยบอกแล้วใช่ไหม? เด็กน้อยที่เลือกกินจะตัวไม่สูงนะ หรือว่าซีซีอยากเตี้ยแบบนี้ไปตลอดเหรอคะ?”
ปากเล็กๆ ของซีซีพองขึ้นมันที “ไม่มีทาง! ตอนนี้หนูสูงจะเท่าพี่รองแล้วนะ!”
โม่หว่านหว่านหัวเราะออกมาเบาๆ “แต่อีกสองปีข้างหน้า พี่รองของเธอก็จะสูงขึ้นไปอีกนะ สูงเหมือนกับพี่ใหญ่ และสุดท้ายก็จะกลายเป็นเด็กผู้ชายสูง 180 กว่าหรือ 190 เซนติเมตร ส่วนเด็กน้อย ซีซีของฉันล่ะ ก็จะกลายเป็นคนแคระตัวน้อยน่ะสิ!”
ซีซีได้ยินดังนั้น สีหน้าไม่พอใจก็ปรากฏขึ้นมาทันที “ไม่เอาหรอก! หนูอยากสูง เหมือนกับคุณแม่แล้วก็จะกลายเป็นสาวสวย!”
พอพูดจบ เธอก็หันหลังกลับพร้อมกับวิ่งไปที่โต๊ะอาหารทันที จากนั้นก็กินไข่ที่เหลือกับขอบขนมปังปิ้งให้หมดเร็วที่สุด
โม่หว่านหว่านไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ลี่เจิ้งที่อยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าที่หมดคำจะพูดเช่นกัน แต่ ลี่หมิงเขาค่อนข้างทะนุถนอมน้องสาวของเขาเป็นพิเศษ เขากินไปพลางพร้อมกับคอยบอกให้เธอค่อยๆ กินไปด้วย แถมยังรีบส่งนมให้เธออีก
ระหว่างที่ได้มองดูเด็กๆ เหล่านี้ สีหน้าของลี่เฉินซีก็อ่อนลง เผยความอ่อนโยนออกมาเล็กน้อย
โม่หว่านหว่านใช้โอกาสนี้ขยิบตาให้เขาหนึ่งที จากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากห้องรับประทานอาหารไป ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นว่า “เรื่องการค้นหาซูย้าวเป็นยังไงบ้าง? ใช่เธอรึเปล่า?”
สองปีมานี้ โม่หว่านหว่านก็คอยออกตามหาซูย้าวไปทั่วเช่นกัน
สาเหตุที่เธอยอมช่วยลี่เฉินดูแลลูกๆ ของเขาอย่างเต็มใจที่สุด ก็เพื่อที่จะได้ปล่อยให้เขาใช้เวลาว่างที่เหลือ ไปสืบเรื่องของJock ได้เต็มที่ รวมถึงตามหาซูย้าวด้วย
ลี่เฉินซีมองไปที่เธอ เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดก็หลุบตาลงแล้วก็พยักหน้าเบาๆ “ใช่เธอ”
ในที่สุดโม่หว่านหว่านก็ได้ปลดปล่อยหัวใจที่หนักอึ้งลง เธอถอนหายใจออกมายาวๆ ด้วยความโล่งอก “งั้นก็ดีแล้วสิ ในที่สุดเธอก็ปลอดภัย ขอบพระคุณพระเจ้า…”
แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “แต่ว่าช่วงนี้ต้องเกิดเรื่องขึ้นกับเธอแน่ๆ ไหนจะเรื่องที่เธอผ่านอะไรมาบ้างอีก เฉินซี คุณต้องใช้เวลากับเธอให้มากๆ นะ ไปทำงานเถอะ! เด็กๆ ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง วันนี้ฉันพาพวกเขาไปที่ Underwater World เห็นซีซีบ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเธออยากไป”
ลี่เฉินซีพยักหน้ารับโดยดี เขาค่อนข้างโล่งใจและรู้สึกขอบคุณเธอมาก แต่สายตาก็เหลือบมองไปยังหน้าท้องที่สูงตระหง่านของเธออย่างไม่ตั้งใจ เขาเลยพูดขึ้นว่า “ช่างมันเถอะ ผมพาพวกเขาไปเอง สภาพร่างกายของคุณตอนนี้ดูไม่ค่อยสะดวก ผมไม่อยากให้ส้าวหลิงมาบ่นกับผมอีก”
โม่หว่านหว่านส่ายหน้าไปมาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ “ไม่เป็นไรจริงๆ ถ้าฉันรู้สึกไม่สบายฉันจะบอกคุณเอง อีกอย่างเด็กๆ ก็น่ารักมาก ไม่ได้กระทบกับอะไรเลย”
แม้ว่าเธอจะยืนกรานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลี่เฉินซีก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี แต่สุดท้ายก็สู้ความดื้อรั้นของเธอไม่ไหว เขาจึงทำได้เพียงแค่พูดกำชับไว้สองสามประโยคแล้วก็เดินออกมาจากบ้าน
พอเขาไปถึงบริษัท งานก็กลับมายุ่งเหมือนเดิม
จนเกือบบ่าย หวางอี้ก็เดินเข้ามาในห้องทำงานพร้อมกับเอกสารอีกสองสามชุด จากนั้นก็ส่งให้ประธานตรวจสอบ ก่อนที่เขาจะดึงเอกสารอีกชุดออกมาแล้วส่งให้เขาด้วยความเคารพ
“ท่านประธานลี่ครับ ผมตรวจสอบเรื่องของเถ้าแก่อู๋แล้ว เขามีความสัมพันธ์และร่วมมือกับบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ของต่างประเทศ เมื่อวานเถ้าแก่ของอีกฝ่ายกลับมาที่จีน แต่เขากลับบังเอิญไปเจอกับคุณอานแทน แล้วก็เพราะสาเหตุอื่นๆ เลยทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น” หวางอี้ยืนพูดอยู่ข้างๆ
ลี่เฉินซีเปิดดูข้อมูลด้านใน ส่วนหนึ่งเป็นข้อมูลของเถ้าแก่อู๋และอีกส่วนหนึ่งเป็นรายละเอียดของบริษัทสาขาของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ต่างประเทศนั้น Double Aceกรุ๊ปมีขนาดเล็กและไม่ค่อยเด่นเท่าไร แต่เพิ่งจะมีการเปิดตัวเกม e-sports ตัวหนึ่งออกไป ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
แล้วความสัมพันธ์ระหว่างซูย้าวกับบริษัทนี้ แล้วก็เถ้าแก่อู๋อีก มันคืออะไร?
หวางอี้พูดต่ออีกว่า “คือว่าท่านประธานลี่ครับ ด้านคุณอานมีข้อมูลที่หาเจออยู่ไม่มาก ดูเหมือนว่ามีใครบางคนพยายามปกปิดข้อมูล เลยทำให้หาเจอได้แค่นิดเดียวครับ”
ลี่เฉินซีพยักหน้ารับ ตอนแรกเป็น ชอลพุซที่เอาตัวซูย้าวไป หายไปกว่าสองปี คราวนี้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง อีกฝ่ายต้องมีการเตรียมการมาอย่างดีแน่ คงไม่ง่ายหรอกถ้าเขาจะล้วงข้อมูลที่ลึกลงไปกว่านี้
เขาโบกมือให้หวางอี้เบาๆ พร้อมกับพลิกดูเอกสารในมือ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น
เขาเพิ่งจะจะรับสาย เสียงที่รีบร้อนของชายหนุ่มปลายสายก็ดังขึ้นทันที “อาเล็กรูปที่ผมส่งไปคุณดูรึยัง? นั่นใช่ภรรยาเก่าที่คุณกำลังตามหารึเปล่า?”