เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 571
“กลางวันแสกๆ?”
น้ำเสียงของลี่เฉินซีเย็นชาพลางพูดสี่คำนี้ซ้ำอีกครั้งราวกับกำลังล้อเล่น จังหว่ะก้าวที่รีบเร่งเดินตรงลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงที่อยู่บนบ่าของเขาพยายามที่จะดื้อดึงอย่างเต็มกำลัง “คุณก็รู้ว่ากลางวันแสกๆ แล้วคุณทำอะไรลงไป?”
ทันใดนั้นคำพูดเพียงประโยคเดียวนี้ก็ทำให้ซูย้าวต้องเงียบกริบจนพูดไม่ออก
เธอพยายามดื้อดึงอยู่พักหนึ่งก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ จึงยอมแพ้ยอมให้เขาแบกตนออกจากคลับรนเมา กระทั่งเขาโยนเธอลงบนรถและปิดประตูดัง‘ปั้ง’ชายหนุ่มอ้อมไปอีกข้างหนึ่งแล้วนั่งอยู่ที่เบาะคนขับ บรรยากาศที่เย็นยะเยือกค่อยๆคืบคลานเข้ามาปกคลุม
เขาสตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งอย่างรวดเร็ว เสียงรถดัง‘บรื้น’จากนั้นก็แล่นไปบนถนนอย่างรวดเร็ว
ซูย้าวนั่งอยู่บริเวณเบาะด้านข้างคนขับ จ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ แต่อารมณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่ถึงครึ่งนาทีก็จางหายไป
เธออาจจะกำลังชั่งใจและคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่ตนจะต้องแสดงอาการโกรธเขา เสียงสูดลมหายใจเบาๆดังขึ้น แล้วเปลี่ยนน้ำเสียงใหม่พลางพูดขึ้นประโยคหนึ่งว่า “คุณจะพาฉันไปที่ไหนค่ะ?”
สิ่งที่ตอบกลับเธอคือ ความเงียบของลี่เฉินซี เขาไม่ปริปากเลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มมองไปข้างหน้า มือเรียวยาวข้างหนึ่งบังคับพวงมาลัยรถ เส้นเลือดบริเวณหลังฝ่ามือนูนขึ้นมา ความโกรธแสดงออกมาผ่านใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาอย่างเห็นได้ชัด
ภาพภายในห้องวีไอพีเมื่อสักครู่นี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ความโหดเหี้ยมของเธอ ความร้ายกาจของเธอ ความใจแคบของเธอ ……
เมื่อเปรียบเทียบกับซูย้าวในอดีตแล้ว แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หากมองในมุมมองนี้เพียงด้านเดียว ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า จะต้องเป็นคนละคนอย่างแน่นอน
ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยสงสัย ว่าเป็นไปได้ไหมที่จะมีผู้หญิงคนอื่น ทำศัลยกรรมหน้าเหมือนกับซูย้าว แล้วปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าของเขา……
แต่ว่าความคิดเช่นนี้ไม่นานก็เลือนหายไป เพราะแม้ว่าจะเป็นความจริง ก็ต้องมีหลักฐานมายืนยัน เขาไม่สามารถที่จะสูญเสียเธอ ได้อีกแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะมีเบาะแสเพียงเล็กน้อย ก็ต้องเสาะหาให้ถึงที่สุด!
ซูย้าวยังไม่ทันรอให้เขาตอบกลับ ก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เธอจึงไม่ถามอีก
ยอมปล่อยให้เขาขับรถไปบนท้องถนนอย่างรวดเร็ว กระทั่งรถเข้ามายังประตูทางเข้าของโรงพยาบาล หลังจากที่รถหยุดลง ลี่เฉินซีลงจากรถด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก แล้วอ้อมไปเปิดประตูบริเวณเบาะที่นั่งข้างคนขับ ใบหน้าที่เย็นชายังคงแฝงไว้ด้วยความเศร้า ทำเพียงโน้มตัวลงแล้วยื่นมือไปประคองข้อมือเล็กบาง แล้วพยุงเธอลงจากรถ
ในครั้งนี้ กำลังของเขาได้ลดลงแล้ว แต่ยังคงควบคุมให้เธออยู่ในกำมือ และยิ่งเธอดื้อดึงเขาก็จะยิ่งบีบรัดเธอแรงขึ้น ทำให้ซูย้าวทำได้แค่เพียงอดกลั้น แล้วยอมให้เขาพยุงเธอเข้าไปในโรงพยาบาล
หลังจากที่ลงทะเบียนผู้ป่วยเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็ได้จัดให้เธอไปรอในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน
ท่ามกลางเตียงผู้ป่วยขนาดใหญ่ ทั้งสองประสานสายตากัน บรรยากาศแข็งทื่อราวกับถนนคอนกรีต เงียบกริบแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
จากนั้นไม่นาน ก็มีหมอและพยาบาลเดินเข้ามา หลังจากที่ตรวจสอบบาดแผลบริเวณแขนของซูย้าว และล้างแผลทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ฉีดยาชาก็เริ่มเย็บแผล
เนื่องจากเย็บเพียงหกเจ็ดเข็มจึงใช้ระยะเวลาไม่นานมาก หลังจากที่จัดการกับบาดแผลเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็ออกไปจากห้อง ส่วนพยาบาลก็กำชับขึ้นสองสามประโยค จากนั้นก็หันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆพลางพูดขึ้นว่า “รบกวนญาติผู้ป่วยไปรับยาด้วยนะคะ”
ลี่เฉินซีพยักหน้า หลังจากที่ส่งพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ภายในห้องก็เหลือเพียงพวกเขาสองคน
ซูย้าวก้มหน้าลงมองบาดแผลบริเวณแขนของเธอ นิ้วก้อยเล็กเรียวยาวสัมผัสไปยังบริเวณรอยแดงที่บวมขึ้นมาอย่างเบาๆ ราวกับกำลังสำรวจด้วยความรู้สึกประหลาดใจและก็เหมือนกำลังเบื่อหน่ายไม่มีอะไรทำ
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว พลางก้าวเท้ามาด้านหน้า ยื่นมือออกไปจับมือของเธอออก“อย่าจับส่งเดช”
เธอจึงเงยหน้าขึ้นมา มองไปที่ดวงตาที่สวยงามของเขา พลางยิ้ม
เวลาที่เธอยิ้มนั้นสวยมาก รอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับสายรุ้งหลังฝนตก และเหมือนพระอาทิตย์ที่โผล่ขึ้นขอบฟ้าหลังเมฆฝน สว่างสดใส ริมฝีปากบางราวกับรูปวาดธรรมชาติที่วาดด้วยพู่กัน เว้นภูเขาและแม่น้ำไว้เป็นส่วนสีขาว น้ำหมึกที่บรรเลงลงไปทำให้ผู้คนต้องถวิลหา สวยจนผู้คนต้องกลั้นลมหายใจ
เธอนั่งลงที่ข้างเตียง หันข้างให้กับหน้าต่าง แสงแดดจากด้านนอกสาดส่องเข้ามา และส่องไปยังลำตัวของเธอ ใบหน้าที่ย้อนแสงช่างงดงามเหลือเกิน ทำให้เขานึกถึงภาพความงดงามของเธอที่อยู่ในความทรงจำของเขา
“ในที่สุดคุณก็ยอมพูดแล้ว”เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะและอ่อนโยน“เมื่อสักครู่นี้ทำไมคุณถึงได้โมโหล่ะคะ?”
ทำไม?
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมลี่เฉินซีถึงได้เม้มริมฝีปาก รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเย็นชาไร้ความรู้สึกราวกับปีศาจ เขามีเหตุผลมากมายเป็นร้อยที่โมโหเธอ แต่เมื่อเธอเอ่ยปากถาม ทุกอย่างก็มลายหายไปจนหมดสิ้น
ในที่สุด เขาก็ทำได้เพียงส่ายศีรษะพลางถอนหายใจเบาๆ ค่อยๆโน้มลงไปมองที่ลำตัวของเธอ สองมือจับบริเวณข้างเตียงของเธอเงาร่างที่สูงยาวของเขาโน้มไปที่เธอ เข้าใกล้ใบหน้าที่สวยงามเป็นอย่างมาก “แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ?”
สายตาของเขาลุ่มลึกดั่งทะเล เธอไม่สามารถคาดเดาจิตใจของเขาได้เลยแม้แต่น้อย เธอขมวดคิ้ว“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงคะ……”
ยังไม่ทันพูดจบเธอก็ลากเสียงยาว ซูย้าวกรอกสายตาราวกับคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้“เป็นเพราะว่าฉันทำร้ายเถ้าแก่อู๋?”
“เหอะ!”ลี่เฉินซีหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาอย่างไม่เกรงใจเถ้าแก่อู๋เป็นคนทำร้ายเธอก่อน ถึงแม้ว่าซูย้าวจะไม่ทำอะไร เขาก็จะไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่ๆ
นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เขาโกรธ
ซูย้าวมองไปที่เขาก็รู้สึกได้ว่าตนเองน่าจะคาดเดาผิด จึงขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด จู่ๆหัวใจของเธอก็รู้สึกแปลกๆ เธอก็รู้แล้วว่าคำตอบนั้นคืออะไร
แต่เธอกลับทำเพียงยิ้มเล็กน้อย ไม่พูดอะไรออกมา
ลี่เฉินซีจ้องมองไปที่เธอ สายตาเคลื่อนย้ายไปที่ใบหน้าของเธอ ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะมองไปที่จุดไหน ก็เห็นได้ชัดว่าคือซูย้าว เหมือนมากจริงๆ!
สายตาที่เคร่งขรึมของเขาค่อยๆคลายลง จากนั้นก็ลุกขึ้น แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เดี๋ยวเหตุผลผมจะบอกคุณเอง นั่งลงแล้วมาคุยกันดีๆเถอะ”
ซูย้าวมองไปที่เขาอย่างงงงวย รู้สึกไม่เข้าใจและสงสัยเล็กน้อย ในเวลานั้นเองประตูก็ถูกผลักออกจากทางด้านนอก
คนที่เข้ามาเป็นคุณหมอสองสามคน แต่ไม่ใช่คุณหมอคนที่รักษาเธอเมื่อสักครู่ ครั้งนี้คือผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมและคุณหมออีกสองสามท่าน
ผู้อำนวยการมองไปยังลี่เฉินซีก่อน แล้วพูดสนทนาขึ้นสองสามประโยค จากนั้นผู้อำนวยการก็เดินมาหาซูย้าว และพูดขึ้นประโยคหนึ่งว่า“คุณผู้หญิงต้องขอโทษด้วยนะครับ”
เมื่อพูดจบ ยังไม่ได้ให้ซูย้าวเกิดการตอบสนองกลับ ผู้อำนวยการก็ยื่นมือออกมาลูบที่หน้าผากของเธอ นั้นไม่ใช่พฤติกรรมปกติที่หมอกระทำต่อผู้ป่วย คุณหมอตรวจทั้งใบหน้าของเธอตั้งแต่ด้านบนลงมาด้านล่าง จากซ้ายไปขวา ทั้งยังให้เธออ้าปาก ตรวจสอบฟันและช่องปากของเธออย่างละเอียด
หมอที่อยู่ด้านข้างก็ช่วยสังเกตไปด้วย และสิ่งที่เรียกว่า‘ตรวจสอบ’ก็คือการตรวจสอบอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม
สิ่งนี้ทำให้ซูย้าวตะลึงงัน!
พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่คะ?
เธอรู้สึกว่าตนเองกำลังกลายเป็นสัตว์ที่อยู่ในตลาด ที่กำลังถูกผู้ซื้อเลือกแล้วเลือกอีก เธอกวาดสายตาไปยังคนรอบข้าง อยากจะพูดอะไรออกมานิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ถูกผู้อำนวยการและคุณหมอขวางไว้
การตรวจเช็กในครั้งนี้ใช้ระยะเวลากว่าสิบนาที หลังจากที่ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ก็ยังมีคุณหมอมาเจาะเลือดของเธอ จากนั้นก็พาเธอไปยังห้องอีกห้องหนึ่งเพื่อถ่ายรูปของช่องปากและฟัน
หลังจากที่รอให้ทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ขณะที่เธอกลับมายังห้องพักผู้ป่วยด้วยความไม่พอใจนั้น ก็เห็นลี่เฉินซีและผู้อำนวยการกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่แต่ไกล เมื่อเธอขยับเข้าไปใกล้ ผู้อำนวยการก็จากไป
เหลือเพียงชายหนุ่ม สายตาที่มองเธออย่างลุ่มลึกและเงียบ นัยน์ตาดำขลับยากที่จะเข้าถึง ไม่นานก็จางหายไปราวกับฟ้าแลบ จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปและโอบที่เอวของเธอ จากนั้นทั้งสองก็เปลี่ยนทิศทาง และเธอก็ถูกพากลับมาที่ห้องพักผู้ป่วย และเขาก็ใช้มืออีกข้างปิดประตู
ดันเธอเข้ามาชิดกับบานประตู และร่างกายกำยำของเขาเบียบเธอจนชิด กลิ่นของควันบุหรี่เตะจมูกของเธอ เขากดน้ำเสียงลงต่ำพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า“คุณก็คือเธอ”
เธอไม่เคยทำศัลยกรรม อีกทั้งจากการตรวจเลือดก็พบว่าเลือดของเธอกับซูย้าวตรงกันทุกอย่าง และผลจากการเปรียบเทียบฟันก็เหมือนกันทุกประการ
ตอนนี้เหลือเพียงผลตรวจDNAของเธอกับลูกๆก็เท่านั้น แต่ผลจะเป็นอย่างไร ลี่เฉินซีก็พอที่จะเดาได้
ซูย้าวตะลึงและตะลึงอีก รู้สึกสงสัย และรู้สึกไม่เข้าใจ ยิ่งไปกว่านั้นก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เธอผลักมือของเขาออกอย่างอัตโนมัติ พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “คุณลี่ หากคุณพาฉันมาที่นี่เพื่อทำแผล ฉันก็ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างมาก แต่พฤติกรรมต่อมาของคุณ คุณไม่คิดที่จะอธิบายเหตุหน่อยเหรอคะ?”
อยู่ดีๆเธอก็ถูกคุณหมอหลายคน ตรวจเช็กแล้วตรวจเช็กอีก ทั้งเจาะเลือดทั้งเอกซเรย์ ราวกับว่าเธอเป็นหนูทดลอง เธอถูกบุคคลอื่นเข้าควบคุมอยู่นาน แต่เขากลับพูดมาประโยคเดียวว่า ‘คุณก็คือเธอ’แค่นี้ก็สามารถอธิบายได้ชัดเจนแล้วงั้นเหรอ?
ไร้เหตุผลสิ้นดี!