เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 572
ที่จริงแล้วลี่เฉินซีก็รู้ดีว่า การที่เขากระทำโดยพลการเช่นนี้ไม่ถูกต้อง
แต่ว่าเขาก็ไม่มีวิธีการอื่น
เพราะยังไงเขาก็ต้องตรวจสอบสถานะที่แท้จริงของเธอ เขาไม่สนใจว่าสองปีที่ผ่านมาเธอต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง ต้องเจอกับประสบการณ์อะไรมาบ้าง และยิ่งไม่สนใจด้วยว่าเธอจะเปลี่ยนไปเป็นคนแบบไหน
แม้ว่าเธอจะกลายเป็นคนเลวร้าย แล้วเขาจะทำอะไรได้?
เพราะยังไงเขาก็ไม่ใช้คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างมากก็แค่รับกรรมไปพร้อมกับเธอ แม้ว่าจะต้องตกนรก เขาก็เต็มใจที่จะตกลงไปในนั้นแทนเธอ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเธอคือซูย้าวตัวจริง
หากทำเช่นนี้แล้ว ความคิดถึงของเขาในทุกๆค่ำคืนตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา จึงจะมีเหตุผลที่จะสามารถระบายและปลดปล่อยได้!
ลี่เฉินซีเหลือบมองไปที่เธอ ระยะเวลาไม่กี่วินาทีเขาก็ขมวดคิ้วพลางพูดขึ้นว่า“ซูย้าว”
คำสองคำที่ฟังดูสง่างาม เมื่อออกจากปากของเขาก็ทำให้ผู้คนหลงใหลได้ ไม่นานสิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือ เขาถอนหายใจเบาๆ พลางพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า“ซูย้าว”
สายตาของลี่เฉินซีเคร่งเครียด ยังไม่ทันรอให้แสดงปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ ก็พูดขึ้นว่า “ภรรยาเก่าของคุณ”
จู่ๆสายตาของเขาก็ขรึมลง และไม่ทันรอให้เขาพูดอะไรออกมา เธอก็พูดขึ้นอีกว่า “เคยมีคนบอกไหมคะว่าคุณลี่เป็นคนหลงใหลในความรู้สึก และมีความรักที่ลึกซึ้งมาก?”
ขณะที่เธอพูด ก็ยิ้มอ่อนๆ เพียงแต่ว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้ออกมาจากใจ เป็นรอยยิ้มที่เสแสร้งทำแค่พอเป็นพิธี และยิ่งทำให้รู้สึกจนปัญญา เธอลุกขึ้นเพื่อเคลื่อนตัวออกจากอ้อมอกของเขา และเดินอยู่ในห้องอย่างช้าๆ“แต่หากเป็นคนที่หลงใหลในความรู้สึกและมีความรักที่ลึกซึ้ง แล้วทำไมถึงได้ทำให้ผู้หญิงที่รักกลายเป็นภรรยาเก่าล่ะ?”
คำพูดที่รวบรัด ก็เปรียบเหมือนกระบี่ที่แหลมคม ที่จะสามารถทะลุผ่านหัวใจของเขาได้!
คำพูดนี้ค่อยๆหนักแน่นจนทะลุแก้วหูของลี่เฉินซี ร่างกายที่ไร้การควบคุมของเขา ก็กำหมัดทั้งสองข้างแน่นอย่างกะทันหัน
“คนเราต้องมองไปข้างหน้า ไม่ใช่เหรอคะ?การที่มีชีวิตติดอยู่ในอดีต ไม่รู้สึกว่าเป็นการติดค้างตัวเองเหรอคะ?”ซูย้าวหันกลับมา สายตาแจ๋วแหววของเธอจ้องมองไปที่เขา“อีกอย่าง ได้ยินมาว่าพวกคุณยังมีลูกด้วยกันอีก แม้จะทำเพื่อลูกก็ควรที่จะใช้ชีวิตให้ดี หาผู้หญิงอีกคนเถอะ!”
ลี่เฉินซีฟังอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยๆสลัดความตกใจและความซับซ้อนออก จึงค่อยๆฟังออกว่า ความหมายแฝงที่เธอต้องการพูดออกมาคือ เธอต้องการที่จะบอกว่าเธอไม่ใช่ซูย้าว เขาจำคนผิดแล้ว
เขาค่อยๆหลับตาลง แล้วมองไปที่เธออีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มออกมา“ถ้างั้นก็หาคุณแล้วกัน!แต่งงานกับผมอีกครั้ง ได้ไหมครับ?”
คำพูดประโยคนี้ ออกมาจากความตั้งใจของเขา
แน่นอนว่าต้องออกมาจากหัวใจ และผ่านการครุ่นคิดของเขามาตั้งแต่แรกแล้ว
แต่จู่ ๆ ก็เอ่ยออกมา ทำให้เขารู้สึกว่าตนบุ่มบ่ามและกะทันหัน แต่ว่าผ่านแล้วผ่านไป ดั่งสายน้ำไม่ไหลกลับ มีใครบ้างล่ะที่จะไม่เข้าใจหลักการนี้?
ดีที่ซูย้าวไม่ได้คิดว่าเขาพูดจริงจัง เธอยักไหล่ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า“คุณลี่ สาเหตุที่เมื่อสักครู่นี้คุณโกรธเป็นเพราะว่าฉันทำลายภาพลักษณ์ที่ดีของภรรยาเก่าในใจคุณใช่ไหมคะ?”
ที่จริง เธอพอจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว
ช่วงเวลาที่กลับมานี้ ก็ได้ตรวจสอบข้อมูลของลี่เฉินซีอย่างละเอียดแล้ว อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูย้าว เธอก็รู้อยู่แก่ใจดี
เธอก็ไม่อยากที่จะปกปิดอีกต่อไป จึงพูดต่อว่า“ฉันเคยตรวจสอบข้อมูลของคนที่ชื่อซูย้าว เธอเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยอ่อนโยน มีใจเมตตา เป็นสุภาพสตรีที่เรียบร้อย และเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบดั่งเทพธิดาที่อยู่ในใจคุณลี่”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่เหมือนกับเธอ คุณก็คงจะรับรู้ได้แล้ว”ไม่เช่นนั้นคุณก็คงไม่ทำการตรวจสอบในตัวฉันมากมายขนาดนี้
แววตาของลี่เฉินซีเคร่งขรึม ริมฝีปากเผยเสน่ห์เย้ายวนออกมา “เทพธิดา เปรียบเทียบได้สวยงามมาก”
พวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อโตขึ้นก็เกิดเรื่องขึ้นมากมาย เธอรักเขามาโดยตลอด ให้อภัยเขา ยกโทษให้เขา อีกทั้งยังยอมมีลูกให้เขาสามคนโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะมองในมุมไหน สิ่งที่เขาติดค้างเธอ มันมากมายเหลือเกิน
เทพธิดา
ใช่ ซูย้าวก็คือเทพธิดาเพียงคนเดียวที่อยู่ในใจของเขา สูงส่ง ศักดิ์สิทธิ์ จนไม่มีใครสามารถล่วงก้าวเข้าไปได้
เขาเดินเข้าไปหาเธอ สูดหายใจเข้าลึก พยายามที่จะใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด“แต่ว่าคุณไม่ได้ทำลายภาพลักษณ์ของเธอ เพราะไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนไปยังไง ผมก็รับได้ทุกอย่าง”
ลี่เฉินซีค่อยๆยื่นมือออกไป พลางยกแก้มของเธอขึ้น“ไม่ว่าคุณจะเป็นซูย้าว หรือว่าเป็นอานหว่านชิง ในสายตาของผม คุณก็คือคุณจะเป็นแบบไหนก็ไม่เป็นไร”
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ เต็มไปด้วยแรงดึงดูด ลมหายใจประสาน มีเสน่ห์น่าหลงใหลเป็นอย่างมาก
ซูย้าวจ้องมองไปที่เขาอย่างอึ้งๆ
เธอพยายามที่จะปะติดปะต่อสมองที่ว่างเปล่าของเธอ ในความทรงจำของเธอบอกว่าเธอไม่ได้ผ่านเหตุการณ์นั้นมา แน่นอนว่าคงไม่สามารถคุยเรื่องเดียวกันกับผู้ชายคนนี้ได้ ทำให้แสดงท่าทีประหลาดใจออกมา ไม่นานเธอก็กะพริบตาอย่างเหม่อลอย พลางถอยหลังก้าวหนึ่ง และผลักเขาที่อยู่ตรงหน้า“คุณลี่ กรุณาเงียบก่อนนะคะ”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว คุณลี่
อักษรสามคำนี้ ไม่ใช่แค่ครั้งนี้เท่านั้นที่เธอเรียกเขาแบบนี้
เมื่อสองปีก่อนเรียกเขาว่าประธานลี่ แต่ตอนนี้กลับเรียกเขาว่าคุณลี่
ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเปลี่ยนสรรพนามเรียกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?อีกทั้งเมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของเธอ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกแปลกๆนะ!
ใบหน้าของซูย้าวแสดงออกถึงความไม่สบายใจ และรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย ขนตายาวของเธอขยับไปมาอย่างชุลมุน พยายามที่จะข่มความกดดันที่ซับซ้อนนี้“ในเมื่อคุณรักภรรยาเก่าอย่างลึกซึ้งขนาดนั้น คุณก็ควรที่จะรักษาความรักในครั้งนี้ให้ดี”
“และต้องยืนหยัดให้ถึงที่สุด ไม่ใช่การหาคนที่หน้าเหมือนมาแทนที่ หากทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ไม่ยุติธรรมกับคุณ ไม่ยุติธรรมกับคนอื่นและไม่ยุติธรรมกับภรรยาเก่าของคุณด้วย!”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าต้องให้เขาอธิบายหรือยืนยันขนาดไหนว่า เธอก็คือซูย้าว?
แม้ว่าเธอจะไม่เคยพูดมาก่อน แต่จากการตรวจสอบ และจากสถานการณ์ที่พวกเขาได้เคยเจอกันสองครั้ง เขาสามารถที่จะยืนยันได้ว่าเธอลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีตอย่างสิ้นเชิง
ไม่เช่นนั้นแล้ว แม้ว่าซูย้าวจะโกรธตน แต่ก็คงไม่สามารถที่จะทิ้งเด็กๆไปโดยที่ไม่สนใจไยดีได้
ขณะกำลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พยาบาลเดินเข้ามา ในมือถือถุงยาและใบเสร็จ “นี่คือยาของคนไข้ค่ะ กินให้ตรงเวลา ปริมาณและวิธีการรับประทานได้เขียนไว้ที่ด้านบนถุงยา……”
ลี่เฉินซีขอบคุณพยาบาลอย่างมีมารยาท ทั้งยังถามคำถามอย่างละเอียดสองประโยค ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ซูย้าวคิดที่จะจากไป แต่ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เธอเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ดูว่าเป็นใครเป็นคนโทรมา จากนั้นก็ถือโทรศัพท์เดินเลาะออกไปด้านนอกห้องพักผู้ป่วย
ลี่เฉินซีจ้องมองเงาของเธอด้วยสายตาเย็นชา ขอตัวกับพยาบาลแล้วเดินตามเธอออกไป
ระเบียงทางเดินขนาดใหญ่ เธอหาที่เงียบๆแล้วรับโทรศัพท์“พี่”
เมื่อการสนทนาจบลง ไม่รู้เหมือนกันว่าฝ่ายตรงข้ามพูดอะไร ซูย้าวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเหมือนเด็ก“พี่คิดที่จะโทรศัพท์หาฉันด้วยเหรอคะ?ฉันคิดว่าพี่ไล่ฉันกลับประเทศแล้วจะไม่สนใจไยดีฉันอีก!”
ผู้ชายที่เป็นคู่สนทนายิ้มที่มุมปาก พลางพูดขึ้นอย่างจนปัญญาว่า “พี่ต้องขอโทษด้วย สองสามวันมานี้พี่ยุ่งมาก น้องอยู่ที่นั้นเป็นยังไงบ้าง?”
คำพูดประโยคนี้ เข้ามาสะกิดเส้นประสาทของซูย้าว “เป็นยังไงบ้าง?พี่คิดว่าฉันจะเป็นยังไงล่ะ?พี่ พี่ปลอมตัวตนให้กับฉัน?ทั้งยังถูกจับได้อีก ฉันกลายเป็นของปลอมไปแล้ว!”
เมื่อได้ยินเธอตำหนิ ชายที่เป็นคู่สนทนาก็ยิ้มอีกครั้ง ไม่นานก็อธิบายขึ้นอีกครั้ง “ไม่ใช่ตัวตนปลอม พวกเขาเข้าใจผิดแล้ว คิดว่า บอสอานเป็นผม”
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประธานกรรมการบริหารฝ่ายต่างประเทศก็คือเขา ซึ่งพวกเขาไม่รู้ว่าเบื้องหลังยังมีประธานอานอีกหนึ่งคน จึงทำให้เถ้าแก่อู๋เข้าใจผิด จึงเกิดความเข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆขึ้น
ซูย้าวตะลึงงัน ไม่นานก็ได้สติกลับมา ความโกรธที่อยู่ในใจก็คลายลงครึ่งหนึ่ง “แบบนี้นี่เอง ถ้างั้นก็ช่างเถอะค่ะ!”
“น้องไม่เป็นอันตรายหรอกอาตงกับอาเจว๋เป็นคนที่พี่ส่งไป พวกเขาจะปกป้องและดูแลน้องเอง”
ซูย้าวค่อยๆก้มหน้าลง“พวกเขามาแล้วเหรอคะ?”
ไม่นาน เธอก็พูดขึ้นอีกว่า“ก็ได้ค่ะ!”
เมื่อพูดจบ เธอก็เหลือบมองผู้ชายที่กำลังจ้องมองมาที่เธอ ใบหน้าที่หดหู่ เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง เยือกเย็นและอึมครึม สายตาที่เย็นชาคู่นั้นจ้องมองมาที่เธอ
ซูย้าวรู้สึกอึดอัดใจ จึงพูดขึ้นกับคู่สนทนาอย่างอัตโนมัติว่า“ฉันมีธุระนิดหน่อย เดี๋ยวค่อยคุยกันนะคะ”
พอเธอวางสายโทรศัพท์ลง ลี่เฉินซีก็เดินมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งคว้าที่แขนของเธอ โน้มตัวเธอลงมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาและขณะเดียวกันก็ยกใบหน้าของเธอขึ้นเล็กน้อย“คุณมีพี่ชายตั้งแต่เมื่อไหร่?พี่ชายของคุณคือใครเหรอคะ?”