เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 576
คฤหาสน์หรูของตระกลูลี่ซื่อ บริเวณห้องโถงชั้นแรก เมื่อหวางอี้พาซีซีกลับมา ความกังวลใจของทุกคนในบ้านก็คลายลงในที่สุด
ลี่เจิ้งมองน้องสาวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“น้องไปไหนมา?รู้ไหมว่าแม่บุญธรรมตามหาน้องจนแทบจะ ……”
ยังไม่ทันรอให้ลี่เจิ้งพูดจบ โม่หว่านหว่านก็รีบพูดขัดจังหว่ะและพูดปลอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “พอได้แล้ว ในเมื่อซีซีกลับมาแล้ว ก็ถือว่าเป็นข่าวดีแล้ว!”
ขณะที่เธอพูด ก็ส่งสายตาให้กับลี่เจิ้ง เพื่อบอกเขาเป็นนัยว่าอย่าโกรธน้องเลย
ขณะที่ลี่เจิ้งกำลังฉุนเฉียว จนแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างอดไม่ได้ แต่ลี่หมิงกลับพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนพลางมองน้องสาวจั้งแต่หัวจรดเท้า“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ซีซียิ้มอ่อน“ไม่เป็นอะไรค่ะ หนูสบายดี พี่รองไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
ขณะที่เด็กน้อยทั้งสามกำลังพูดคุยกันอยู่ สถานการณ์ของโม่หว่านหว่านก็เริ่มผิดปกติ นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่ซีซีหายตัวไป ในใจของเธอก็ร้อนลุ่ม จนเกือบแท้งลูก เธอปวดท้องอยู่นาน ปวดเป็นพักๆ และในเวลานี้ก็แทบจจะทนไม่ไหวแล้ว
เธอพยุงด้านหลังเอวของตนจนแทบจะยืนไม่ไหว จึงรีบนั่งลงบนโซฟา
หวางอี้เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นใบหน้าที่ขาวซีดของเธอ จึงรีบวิ่งเข้ามา“คุณนายลู่ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
เมื่อได้ยินดังนั้นลี่หมิงและลี่เจิ้งก็มองมาที่เธอ และเด็กๆก็รีบมายืนอยู่ที่ข้างตัวเธอ“แม่บุญธรรม เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
ซีซีรู้สึกตัว มือน้อยๆที่ตื่นตระหนกจับที่ไหล่ของเธอ“แม่บุญธรรม อย่าทำให้หนูตกใจสิคะ คุณเป็นอะไรไปคะ?”
ลี่เจิ้งเหลือบมองหล่อนด้วยสายตาที่ดุดัน“ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะน้องหายตัวไป แม่บุญธรรมจะเป็นแบบนี้เหรอ?ยังจะมีหน้ามาถามอีก!”
ซีซีรู้สึกน้อยใจ เบ้ปากไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ดวงตาเริ่มแดงกล่ำ
โม่หว่านหว่านรู้สึกเจ็บปวดใจ จึงรีบพูดขึ้นว่า“แม่บุญธรรมไม่เป็นอะไรมากหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ……”
ขณะที่ปากพูด ก็มองไปที่หวางอี้อย่างอัตโนมัติ “ช่วยติดต่อส้าวหลิงให้ฉันหน่อย เหมือนฉันจะมีอาการแท้งลูก……”
เธอท้องแก่แล้ว และนับวันยิ่งใกล้กำหนดคลอดมากขึ้นเรื่อยๆอีกทั้งยังวิ่งเต้นมาทั้งวัน อาจจะเป็นเพราะว่าเหนื่อยเกินไป หรืออาจจะเป็นเพราะว่า……
หวางอี้พยักหน้า และรีบออกไปโทรศัพท์หาลู่ส้าวหลิง
และในเวลานี้เอง โม่หว่านหว่านก็พยายามอดทนฝืนยิ้มให้กับซีซี “เจ้าหญิงน้อยของฉัน พ่อของหนูล่ะ?ไม่กลับมาพร้อมกับหนูเหรอคะ?”
ซีซีนั่งหันข้างให้กับหล่อน ศีรษะน้อยๆพิงไปที่แขนของเธอ“พ่อกับแม่ไปออกเดทกันค่ะ ให้หนูกลับมากับลุงหวางก่อน”
แม่?!
โม่หว่านหว่านตะลึงงัน ลี่เจิ้งและลี่หมิงที่อยู่ข้างๆก็ตะลึงเช่นเดียวกัน พวกเขาพูดขึ้นด้วยความสงสัยอย่างพร้อมเพรียงกันว่า“ว่าอะไรนะ?”
ลี่หมิงรีบคว้ามือของน้องสาวด้วยความตื่นเต้นว่า“น้องได้เจอแม่แล้วเหรอ?”
ซีซีพยักหน้า“ใช่แล้ว เป็นแม่จริงๆ แม่กลับมาแล้ว เพียงแต่มีอะไรบางอย่างผิดปกติ ก็คือแม่จำหนูไม่ได้แล้ว!”
ลี่เจิ้งสีหน้าขรึมลง ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่น้องสาวพูด แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ก็พอที่จะเข้าใจอยู่บ้าง จึงพูดซ้ำขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า“แม่กลับมาแล้ว?”
“จริงเหรอ แม่กลับมาแล้วจริงๆเหรอ พ่อก็ได้เจอกับแม่แล้ว!”แต่ไหนแต่ไรมาซีซีไม่เคยพูดโกหก หล่อนอธิบายอย่างหนักแน่น
โม่หว่านหว่านก็รู้สึกประหลาดใจและรู้สึกดีใจ พยายามที่จะอดทนต่อความเจ็บปวดบริเวณท้อง ค่อยๆลุกขึ้นมา “ซูย้าวกลับมาแล้ว?ดีจริงๆเลย ดีจริงๆเลย……”
เธอรู้อยู่แล้วว่าอุบัติเหตุเมื่อสองปีที่แล้ว ซูย้าวต้องไม่ตาย หล่อนให้ความสำคัญกับพวกเด็กๆมาก แล้วจะทำใจทิ้งพวกเขาไปได้ยังไง?
โม่หว่านหว่านถอนหายใจ เธอต้องการที่จะถามซีซีอีกสักสองสามประโยค แต่ก็เจ็บบริเวณท้องเป็นอย่างมาก ไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้เลย
และไม่นานลู่ส้าวหลิงก็มาถึงด้วยสีหน้าร้อนใจ เมื่อเห็นโม่หว่านหว่านมีท่าทีทุกข์ทรมานอยู่บริเวณโซฟา รูม่านตาก็บีบรัดแน่นพลางตรงมาด้านหน้าของเธอและอุ้มเธอออกไปข้างนอก
เด็กน้อยก็ร้องไห้จะตามไป แต่ก็ถูกหวางอี้ขวางไว้ ให้แม่นมกับพ่อบ้านดูแลเด็กๆ ส่วนตนเองก็ตามไป
……
อีกทางด้านหนึ่ง ร้านอาหารตะวันตกหรูหรา
บนโต๊ะคริสตัลขนาดใหญ่ อาหารตะวันตกนานาชนิดถูกจัดวางอย่างพร้อมเพรียง
บริกรหยิบไวน์แดงขึ้นมารินให้กับทั้งสองท่าน จากนั้นก็ขอตัวจากไป
ซูย้าวมองดูอาหารที่อยู่บนโต๊ะโดยไม่ได้มีความรู้สึกอยากอาหารแต่อย่างใด เธอกวาดสายตามองครู่หนึ่งก่อนที่จะบังคับตัวเองทานเพียงเล็กน้อย ลี่เฉินซีดูแลเธออย่างสุภาพบุรุษ แม้แต่สเต็กก็หั่นเตรียมไว้ให้เธอเรียบร้อย แล้วยื่นให้กับเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองชายหนุ่มอย่างจนปัญญาครู่หนึ่ง ช้อนและส้อมที่อยู่ในมือหยุดชะงักเล็กน้อย เหลือบสายตาเงยขึ้นเล็กน้อย จึงได้สังเกตเห็นว่าผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าก็กำลังเงยหน้าขึ้นมาเช่นกัน แววตาที่ลึกซึ้งนั้นซับซ้อน สายตามองตรงมาที่เธอพลางพูดขึ้นว่า“ไม่ชอบทานเหรอครับ?”
น้ำเสียงที่ราบเรียบทุ้มต่ำของเขาเปล่งเสียงออกมาทะลุผ่านช่องฟันที่ขาวสะอาด ทำให้คนจินตนาการได้อย่างไม่จำกัด
เมื่อเห็นเธอไม่พูดไม่จา ลี่เฉินซีจึงวางช้อนและส้อมลง ขณะที่กำลังยื่นมือไม่กุมมือของเธอ เมื่อซูย้าวเห็นดังนั้นก็หลบหลีกเสียก่อน
เมื่อเขาคว้ามือเปล่า ประกายสายตาก็ขรึมลง ราวกับกำลังล่าสัตว์ ริมฝีปากสีอ่อนๆก็เผยออกและพูดขึ้นว่า“จะเปลี่ยนร้านไหมครับ?”
ซูย้าวขมวดคิ้ว ท่าทางในการรับประทานอาหารของเธอนั้นสง่างาม ไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป เพียงแต่ทุกครั้งที่พูดมีท่าทีเย็นชาและห่างเหิน “เวลารับประทานอาหารไม่ควรพูดคุยค่ะคุณลี่ คุณอย่าทำลายบรรยากาศดีๆเลยนะคะ?”
ลี่เฉินซีอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและทำตามที่เธอต้องการ ในเมื่อเธอไม่ต้องการให้เขาพูดเขาก็จะไม่พูด ทานอาหารเป็นเพื่อนเธอก็เพียงพอแล้ว
อาหารมื้อนี้รับประทานอย่างไม่ปะติดปะต่อ
เธอนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เขาก็ทำตามความต้องการของเธอ แม้ว่าทั้งสองดูเหมือนจะอึดอัดใจ แต่หากมองในหลากหลายมุมก็มีสัญญาณอะไรบางอย่างที่น่าแปลกประหลาด
ไม่ง่ายเลยกว่าจะรับประทานอาหารเสร็จหนึ่งมื้อ เนื่องจากซูย้าวดื่มไวน์ไปหลายแก้ว ดังนั้นเมื่อเดินออกจากร้านอาหารก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เมื่อลมหนาวมากระทบใบหน้าก็รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ในเวลานี้ลี่เฉินซีก็เดินตามเธอมาจากด้านหลัง แล้วถอดเสื้อสูทคลุมให้กับเธออย่างรัดกุม “อากาศเย็นเดี๋ยวเป็นหวัด เดิมทีภูมิคุ้มกันของร่างกายคุณก็ต่ำอยู่แล้ว”
ซูย้าวเหลือบตาลงเล็กน้อย แม้ว่าอยากจะปฏิเสธเสียเต็มประดา แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลังจากที่คลุมเสื้อสูทของเขาแล้วร่างกายของเธอนั้นอบอุ่นขึ้นมาก
สายตาของเธอมองไปยังชายหนุ่ม และขยับหันไปมองรถแมคลาเรนที่ขับมาจอดริมถนน เธอขมวดคิ้วและจู่ๆก็พูดขึ้นว่า“ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
ขาที่กำลังก้าวขึ้นรถของลี่เฉินซีหยุดชะงัก เขาเอียงลำตัวมองไปยังเธอแล้วพยักหน้าเบาๆ
ที่นี่ห่างจากโรงแรมที่ซูย้าวพักไม่ไกลนัก หากเดินเท้าอย่างมากใช้เวลาแค่ยี่สิบนาทีก็ถึงแล้ว ทั้งสองเดินเล่นอยู่ที่ข้างทางอย่างช้าๆแม้ว่าแต่ไหนแต่ไรเขาจะเป็นคนเดินเร็ว แต่เพื่อนต้องการเดินไปพร้อมกับเธอจึงจำเป็นต้องเดินช้าลง
ซูย้าวใส่รองเท้าส้นสูงและอาจจะเป็นเพราะแอลกฮอล์ จึงทำให้รถคันหนึ่งที่ขับมาด้วยความรวดเร็วเกือบที่จะเฉี่ยวเธอ ช่วงเวลานั้น ลี่เฉินซีได้คว้าเอวของเธอไว้ได้ทัน ขณะที่คว้าเธอเขามาในอ้อมกอดนั้น ทั้งสองก็ได้เปลี่ยนทิศทางและเขากอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแน่น
เมื่อรถเคลื่อนผ่านไปซูย้าวจึงได้มีการตอบสนองกลับ เธอสลัดตัวออกจากอ้อมกอดของเขาอย่างอัตโนมัติและกลับเซไปข้างหลัง เนื่องจากรองเท้าที่ส้นหักไปข้างหนึ่ง ทำให้เธอไม่สามารถทรงตัวได้ ขณะที่กำลังจะล้มลงอีกครั้ง ลี่เฉินซียื่นมือออกไปอีกครั้ง แล้วคว้าข้อมือของเธอไว้ ทำให้เธอกลับเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง
เขาก้มหน้ามองใบหน้าที่กำลังตกใจของเธอ และยิ้มอ่อน ยกมือขึ้นลูบลงบนหน้าผากของเธอ เพื่อวัดอุณหภูมิ เมื่อทราบอย่างแน่ชัดแล้วว่าตัวไม่ร้อนจึงวางมือลง พลางพูดขึ้นว่า“คอไม่แข็งแล้วจะดื่มเยอะอีก”
ซูย้าวตะลึงงัน ยังคงคิดที่จะออกจากอ้อมกอดของเขา แต่รองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่นั้นไม่เป็นใจ ไม่รู้ว่าหักไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ท่าทีของเธอโซเซไปมาดูน่าขบขัน
ลี่เฉินซีมองไปที่เธอพลางขมวดคิ้วแล้วเดินก้าวไปข้างหน้า โน้มตัวลงคว้าที่เอวของเธอและอุ้มเธอ
ซูย้าวตกใจ“คุณทำอะไรของคุณ?ปล่อยฉันลงมานะ!”
ชายหนุ่มก้มหน้ามองไปที่เธอ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร“ผมแค่อยากจะทำอะไรบางอย่าง แต่ว่าคุณให้ความร่วมมือได้ไหม?”
น้ำเสียงที่ราบเรียบไพเราะทำให้ต้องเคลิ้มไปตามน้ำเสียงที่ดังขึ้น
ซูย้าวไม่เพียงแต่หน้าแดงก่ำและยังรู้สึกว่าการที่เขาอุ้มเธอแบบนี้ ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆจนน่าแปลกใจ
เธอรู้สึกสับสนมึนงงเล็กน้อย ขณะที่เธออยากที่จะดิ้นรน ชายหนุ่มก็พาเธอมายังศาลาริมทาง ซึ่งร้านแห่งหนึ่งได้ออกแบบสร้างไว้ให้ลูกค้า ภายในมีเก้าอี้ เขานำเธอวางไว้บนเก้าอี้และพูดขึ้นอีกว่า“รอผมอยู่ที่นี่นะครับ ถ้ากล้าหนี ก็รอดูแล้วกันว่าผมจะจัดการกับคุณยังไง!”