เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 585
ประตูลิฟต์อีกตัวค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ และชายวัยกลางคนอายุประมาณ40หรือ50ปีเดินออกมาด้วยความรีบร้อน
เขาเดินเร็วมากเป็นพิเศษ และมันก็ยังเผยให้เห็นถึงความวิตกกังวล
แขนข้างหนึ่งของชายคนนั้นถูกห้อยเอาไว้ และมือของเขาก็ถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าก๊อซหนาๆ ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะแม้แต่ใบหน้าของเขาก็ยังซีดเซียวและไม่มีสีเลือด
และสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของลี่เฉินซีมากที่สุดก็คือ ผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังเขา เพราะตอนนี้ลู่ส้าวหลิงกำลังไล่ตามเขาออกมา
เมื่อลู่ส้าวหลิงเห็นพวกเขาทั้งสองคนยืนอยู่ตรงนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่ขมวดคิ้วเพียงเท่านั้น และดูเหมือนว่าจะมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น
ลี่เฉินซีดึงซูย้าวเข้ามาชิดที่ลำตัว จากนั้นเขาก็พูดออกไปเสียงเบาว่า “รอผมอยู่ที่นี่ แล้วเดี๋ยวฉันจะกลับมาสอนคุณว่า ‘พอเหมาะสมก็สมควรหยุด’ มันหมายความว่ายังไง”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็เดินผ่านซูย้าวไป จากนั้นก็เดินตรงไปยังทิศทางของลู่ส้าวหลิงและชายวัยกลางคน
ซูย้าวยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงง เขาให้เธอรอเขาอย่างนั้นเหรอ?
เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เธอประสาทขนาดที่จะรอเขาอยู่ที่นี่ด้วยความเต็มใจอย่างนั้นเหรอ เธออยากที่จะเดินออกไป แต่เมื่อเธอเดินผ่านพวกเขาทั้งสามคนไป คำพูดไม่กี่คำก็ลอยกระทบเข้ามาในหูของเธอ และนั่นก็ทำให้ฝีเท้าของเธอต้องหยุดชะงักลง
ชายวัยกลางคน “ถูกล้อม” เอาไว้โดยลี่เฉินซีและลู่ส้าวหลิง สีหน้าของเขาดูเป็นกังวลมากยิ่งขึ้น จากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ประธานลู่ ประธานลี่ ต้องให้ผมอธิบายกับคุณว่ายังไง พวกคุณถึงจะเข้าใจ?”
“เรื่องการย้ายที่ตั้งใหม่ของเขตกู่อานมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมเลยจริงๆ เมื่อสองวันก่อน จู่ๆ ชายหนุ่มที่ชื่อหลินอะไรสักอย่าง ก็มาขอซื้อบริษัทฉีหยุนของผม และเขาก็ให้ราคาดีมากด้วย”
ในขณะที่ชายคนนั้นพูดอธิบายเรื่องเหล่านี้ สีหน้าของเขามันก็เต็มไปด้วยความกังวลใจ ราวกับว่าไม่มีที่ระบายความโกรธ
ลู่ส้าวหลิงมองตรงไปที่ผู้ชายคนนั้นอย่างเงียบๆ “แล้วยังไงล่ะ?”
ผู้ชายคนนี้ชื่อว่าประธานหลิวเป็นผู้อำนวยการของบริษัทฉีหยุน เขาทำงานกับบริษัทLG มานานมากว่าสิบปี เขาเป็นคนซื่อสัตย์ อีกทั้งยังเขาเป็นคนที่น่าเชื่อถืออีกด้วย ดังนั้นลู่ส้าวหลิงจึงวางใจให้เขาจัดการโครงการเกี่ยวกับการขยายตัวของเขตกู่อาน
แต่ก็คาดไม่ถึงเลยว่า จู่ๆ ก็มีข่าวรายงานออกมา และในตอนที่ลู่ส้าวหลิงตามหาตัวของประธานหลิวเขาก็พบว่าประธานหลิวได้หายตัวไปแล้ว
ดูเหมือนว่าเขาจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอย่างไรอย่างนั้น ไม่ต้องพูดว่าเขาตามหาไม่พบเลย เพราะแม้แต่พวกนักข่าวเองก็รอที่จะทำข่าวเรื่องของเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการปิดล้อมหรือการตั้งด่านสกัดก็ไม่พบตัวของประธานหลิวเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นการหลอกลวงบริษัทLG และลู่ส้าวหลิงก็กลายเป็นบุคคลสำคัญในเหตุการณ์นี้เช่นกัน
บนตึกเมื่อสักครู่นี้ หลังจากที่ลู่ส้าวหลิงรับโทรศัพท์แล้ว เขาก็ส่งเด็กน้อยไปให้พยาบาลช่วยดูแลเป็นการชั่วคราว เพราะเขาอยากจะลงไปชั้นล่างเพื่อเตรียมของใช้ที่จำเป็นให้โม่หว่านหว่านและลูกสักหน่อย แต่จู่ๆ ฝ่ายการผลิตก็เกิดปัญหารับมือไม่ทัน อีกทั้งพวกพี่เลี้ยงก็ต้องใช้เวลากว่าที่จะเดินทางมาถึง เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับประธานหลิว
นี่จึงเป็นเหมือนการแสดงละครไล่ล่าจับคนเมื่อออกไปจากลิฟต์
ประธานหลิวมองตรงไปที่ชายหนุ่มสองคนที่ดูเหมือนภูเขาน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก โปรเจ็กต์กู่อานได้รับการพัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัทLG และบริษัทลี่ซื่อ เพราะอย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นลู่ส้าวหลิงหรือว่าเฉินซี เขาก็ไม่สามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกเขาทั้งสองคนไปได้
“แม้ว่าราคาที่อีกฝ่ายเสนอมามันจะไม่เลว แต่ประธานลู่ครับ คุณควรจะรู้นะครับว่า บริษัทฉีหยุนเป็นสิ่งที่ผมทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจตลอดชีวิตของผม และจู่ๆ คุณจะมอบมันไปให้คนอื่นได้ยังไง!” ยิ่งพูดออกมามากเท่าไหร่ ประธานหลิวก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้น และทัศนคติของผู้ชายคนนี้มันก็แย่มากเช่นกัน
เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาอีกว่า “แต่ทัศนคติของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่ง และวิธีการก็…”
ประธานหลิวพูดลากยาวออกมา จากนั้นเขาก็ก้มลงไปมองที่แขนที่ห้อยอยู่บริเวณหน้าอก และมืออีกข้างหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บของตัวเอง “พวกคุณดูสิ เมื่อสักครู่นี้ผมก็เอ่ยปฏิเสธออกไปแล้ว และมันก็กลายเป็นแบบนี้ และจะให้ผมทำยังไง? ไม่ว่าบริษัทจะกลับมาดีสักแค่ไหน แต่มันก็เอาชนะชีวิตของผมไม่ได้หรอก! ผมไม่สามารถมอบชีวิตของตัวเองทิ้งให้กับบริษัทนี้ได้หรอกนะ!”
“ความจริงแล้วนั่นไม่ใช่การเจรจาเลย ก็เห็นๆ อยู่ว่ามันเป็นการปล้น และโจรกรรม ทุกคนต่างก็เป็นเหมือนกับพวกอันธพาล!” ประธานหลิวตะโกนด้วยความโกรธ เพราะเขาอยากที่จะระบายความหดหู่ใจของตัวเองออกมา “สุดท้ายบริษัทก็ถูกคนพวกนั้นแย่งไป เพราะอย่างนั้นตอนนี้บริษัทฉีหยุน ก็ไม่ได้สนใจผมแล้วจรงๆ และเรื่องที่โปรเจ็กต์กู่อานไม่ได้รื้อถอนและย้ายไปตั้งที่ถิ่นฐานใหม่ ผมก็ไม่ได้เป็นคนทำ และมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย…”
ลู่ส้าวหลิงและลี่เฉินซีได้ฟังสิ่งที่ประธานหลิวพูดออกมามากมาย ก็ได้เข้าใจมันคร่าวๆ แล้ว พวกเขาหันมามองหน้ากัน จากนั้นใบหน้าที่หล่อเหลาของพวกเขา ถูกย้อมด้วยไปความน่าสะพรึงกลัว
ประธานหลิวกังวลว่าทั้งสองคนจะทำให้ตัวเองลำบากใจ เขาจึงพูดออกไปอย่างรีบร้อนว่า “ผมรู้ว่าข่าวช่วงนี้มันส่งผลกระทบต่อบริษัทLG ถ้าถึงคราวที่จำเป็น ผมสามารถแถลงข่าวให้ได้ แต่ประธานลู่ เรื่องนี้ผมไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ ! คุณต้องให้ความเป็นธรรมกับผมนะ!”
ลู่ส้าวหลิงพยักหน้าเป็นการตอบรับ ทั้งหมดที่ประธานหลิวพูดมา โดยพื้นฐานแล้วมันก็ตรงกับหลักฐานที่เขาให้เลขาของเขาไปสืบมา นอกจากนี้ เขาก็รู้จักกับประธานหลิวมานานหลายปีแล้ว เพราะอย่างนั้นเขาก็รู้ว่าประธานหลิวเป็นคนยังไง ไม่เพียงแต่จะทำเรื่องนั้น เขายังจงใจที่จะโกหกหลอกลวงคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่แขนของประธานหลิวที่ได้รับบาดเจ็บ ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย “อาการบาดเจ็บระดับนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงแล้ว คุณไม่อยากจะฟ้องร้องบ้างเหรอ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ประธานหลิวก็ยิ่งโกรธเคืองมากขึ้นไปอีก “ฟ้องร้องเหรอ? ภรรยาของผมเพิ่งจะได้รับเงินชดเชยค่าเสียหายจำนวน 200 ล้านหยวนจากอีกฝ่าย หลังจากที่ผมเพิ่งจะได้รับการผ่าตัด แล้วผมจะฟ้องร้องได้ยังไงล่ะ?”
ลู่ส้าวหลิงถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง ชดเชยค่าเสียหายจำนวน 200 ล้านหยวน?
อันที่จริง เงินจำนวนนี้สำหรับเขาและลี่เฉินซีมันไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึงเลยแม้แต่น้อย แต่สำหรับคนอื่น มันก็คงเป็นเรื่องของดาราศาสตร์ ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องได้รับบาดเจ็บเลย เพราะถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บร้ายแรงกว่านี้ ก็เกรงว่าจะสามารถคืนดีกันได้
แต่ทำไมคนที่ร่ำรวยขนาดนั้น ถึงยืนกรานว่าอยากจะได้บริษัทฉีหยุนไปล่ะ? แต่พวกเขาก็สามารถเอาเงิน 200 ล้านหยวนนี้ ไปซื้อบริษัทขนาดกลางที่มีขนาดเท่ากันได้ไม่ใช่เหรอ!
ลู่ส้าวหลิงรู้สึกงุนงงขึ้นมาเล็กน้อย ลี่เฉินซีก็คิดเหมือนกันเขาเช่นกัน แต่ประธานหลิวรู้สึกว่าเขาได้พูดในสิ่งที่ตัวเองควรจะพูดออกไปหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงพูดออกไปว่า “ประธานลู่ ประธานลี่ ถ้าไม่เรื่องอะไรแล้ว ผมไปได้แล้วใช่ไหมครับ?”
ลี่เฉินซีไม่มีอะไรที่อยากจะถามเขาแล้ว และลู่ส้าวหลิงก็หันไปพยักหน้าให้ชายคนนั้นเป็นเชิงอนุญาต
ขณะที่ประธานหลิวกำลังจะเดินจากไป ก็ดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงพูดออกมาอีกว่า “อ้อใช่แล้ว คนที่ซื้อบริษัทของผม ดูเหมือนว่าจะทำงานให้ใครสักคนนะครับ เขาไม่เจ้าของตัวจริง นามสกุลของเจ้าของตัวจริงคือ…เหมือนว่าจะชื่อ… ”
“อาน”
จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา และมันก็เสริมความหมองเศร้าให้กับประธานหลิวขึ้นมาได้ในทันที และมันก็ถูกต้องด้วย
ประธานหลิวตกใจขึ้นมาทันที และพยักหน้ารับโดยที่ไม่รู้ตัว “ใช่ใช่ แซ่อานครับ ผมมักจะได้ยินผู้ชายคนนั้นเรียกอีกฝ่ายว่าคุณอันตลอดที่เขาโทรศัพท์”
แต่ทันทีที่เขาพูดจบ ประธานหลิวก็รู้สึกงุนงงขึ้นมา เมื่อเขามองไปรอบๆ และไปเจอเข้ากับซูย้าวที่ยืนอยู่ด้านหลังคนแปลกหน้าสองสามคน
ประธานหลิวรู้สึกตกใจ อีกทั้งยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ใครก็ตามที่ได้เห็นสายตาที่เฉียบคนของลู่ส้าวหลิงและลี่เฉินซี บรรยากาศก็เริ่มอึมครึม และมันก็รู้สึกแปลกประหลาดมากเกินไป สัญชาตญาณของเขาจึงเอ่ยเตือนว่าไม่ดีแน่ เขาจึงถือโอกาสนี้รีบร้อนขอตัวลากลับไป
เมื่อผู้ชายคนนั้นเดินจากไป ที่แห่งนี้ก็เหลือพวกเขาเพียงแค่สามคน ซูย้าวมองตรงไปที่ผู้ชายสองคนตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเรียบ ไม่มีความตื่นตระหนกหรือแปลกใจใดๆ มีเพียงแค่ความสงบและผ่อนคลาย
ถึงแม้ว่าในเวลานี้ตัวตนของเธอจะถูกเปิดเผย และมันก็อาจจะมีบางอย่างผิดปกติ และความคิดของตัวเองก็อาจจะคาดเคลื่อนไปเล็กน้อย แต่เมื่อมองดูสถานการณ์ตรงหน้า ก็ดูเหมือนว่ามันจะดีที่สุดแล้ว
สุดท้ายแล้ว การที่เธอเป็นคนพูดเอง มันยังดีกว่าให้ผู้ชายที่ดูน่าเกรงขามสองคนนี้ไปสืบเจอเอง
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็มองไปที่ชายหนุ่มทั้งสองคน จากนั้นก็ยิ้มหวานออกมา “คนที่ติดต่อซื้อบริษัทฉีหยุน คือหลินเจว๋เลขาของฉันเอง และคนที่เป็นเจ้าของที่แท้จริงที่ประธานหลิวพูดเมื่อสักครู่นี้ ก็คือฉันเอง”
น้ำเสียงนั้นลดลงเล็กน้อย จากนั้นเธอก็หันหน้าไปมองลู่ส้าวหลิงเพียงคนเดียว และยิ้มออกไปอย่างไม่ลดละ “ตอนที่ฉันอยู่บนตึกเมื่อสักครู่นี้ ประธานลู่บอกว่าอยากจะแสดงขอบคุณฉันใช่มั๊ยคะ?”
“ถ้าเป็นไปได้ คุณโอนโปรเจ็กต์กู่อานให้ฉันเถอะค่ะ!”
ซูย้าวเป็นคนที่เปิดกว้างและเป็นคนที่ซื่อสัตย์ เพราะอย่างนั้นเธอจึงแสดงความปรารถนาของตัวเองออกไปอย่างตรงไปตรงมา
และเพื่อให้มันชัดเจนมากยิ่งขึ้น และนี่ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการ ที่เธอมาเมืองA ในครั้งนี้
และในช่วงระยะเวลาสั้นๆ สีหน้าของลู่ส้าวหลิงก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และแววตาของเขาก็เริ่มเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ เขามองตรงไปที่เธอ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “คุณคือประธานอานคนนั้นเหรอ?
ซูย้าวพยักหน้าเป็นการตอบรับ “ใช่ ฉันเกรงว่ามันจะสายเกินไปที่จะมาแนะตัวในตอนนี้ หวังว่าประธานลู่จะยกโทษให้ฉัน ฉันเป็นผู้อำนวยการของDouble Aceกรุ๊ป ฉันชื่อว่า อานหว่านชิง”
ลู่ส้าวหลิงรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปที่ซูย้าวด้วยสายตาตกตะลึง จากนั้นเขาก็เสมองไปที่ลี่เฉินซีผู้หล่อเหลาที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ และสายตานั้น ก็เห็นได้ชัดว่าเขากำลังบอกว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ซูย้าวเหรอ? แล้วอานหว่านชิงนี่มันหมายความว่ายังไง?
แล้วอีกอย่าง ข่าวของบริษัทLGที่ถูกเผยแพร่ออกมาตลอดสองวันที่ผ่านมานี้ ต้นเหตุของปัญหาใหญ่เช่นนี้ เป็นเธอที่ทำอย่างนั้นเหรอ? !
นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย…