เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 588
ห้องผู้ป่วยสูติศาสตร์VVIPของโรงพยาบาล หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง ในที่สุดโม่หว่านหว่านก็ค่อยๆตื่นขึ้นมา
ลู่ส้าวหลิงคอยเฝ้าดูเธออยู่เสมอ คอยดูแลคอยถามไถ่
คุณหมอก็มาตรวจร่างกายให้โม่หว่านหว่านอย่างละเอียด หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไรเขาก็ออกไป เพราะว่าเธอผ่าท้องคลอดยาชาหมดฤทธิ์ ตำแหน่งของแผลยังคงเจ็บอยู่ อยากจะนั่งก็คงนั่งไม่ได้
เธอเอียงหน้าไปมองทารกน้อยที่อยู่ในเตียงเด็ก ลูกพึ่งจะกลืนน้ำลายไปสองอึก ตอนนี้กำลังหลับอยู่ เธอมองดูลูก จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆแล้วยิ้ม
ลู่ส้าวหลิงยื่นมือออกไปจับแก้มของเธอ ขมวดคิ้วและถอนหายใจ “ยังจะยิ้มอีก คุณทำให้ผมตกใจแทบตาย!”
เขาจับมือเธอแล้วพูดว่า “เหลวไหลเกินไปแล้ว เอาลูกไว้อะไรกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆก็ต้องเอาคุณไว้สิ!”
โม่หว่านหว่านค่อยๆขยับปาก เสียงพูดที่อ่อนแอและแผ่วเบา “นั่นเพราะลูกไม่ได้อยู่ในท้องของคุณ สิบเดือนเลยนะ เขาอยู่กับฉันทั้งวันทั้งคืน ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีทางทิ้งเขาลง”
ลู่ส้าวหลิงรู้สึกไม่สบายใจ สายตาที่มองเธออ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม เขาเอนตัวลงไปจูบที่แก้มของเธอ “คุณทำเพื่อผมและลูกขนาดนี้ หว่านหว่าน ต่อไปผมจะชดเชยคุณยังไง”
“อันนี้เหรอ……” โม่หว่านหว่านยืดเสียงยาว “ก็ต้องดูความประพฤติของคุณ!”
ลู่ส้าวหลิงยิ้ม ยื่นมือออกไปบีบปลายจมูกเล็กๆของเธอ “ได้เลย ผมจะประพฤติตัวดีๆ ทำให้ลูกของผมมีความสุขที่สุด!”
โม่หว่านหว่านขมวดคิ้ว ทำไมถึงรู้สึกว่าประโยคนี้ฟังดูแปลกๆ? !
เธอไม่ได้สนใจ เปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ซูย้าวล่ะ เธออยู่ข้างนอกเหรอ?”
ลู่ส้าวหลิงส่ายหน้า “ข้างนอกดูเหมือนจะเป็นเฉินซี เธอไม่อยู่”
แต่เมื่อพูดถึงซูย้าวอีกครั้ง ลู่ส้าวหลิงก็ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เป็นธรรมชาติ สำหรับผู้หญิงคนนี้ ดูเหมือนจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาไม่รู้
โดยเฉพาะในช่วงสองปีที่เธอหายตัวไป มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่เพียงแต่ดูเหมือนว่าเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แม้แต่ชื่อเธอก็เปลี่ยน
โม่หว่านหว่านรู้สึกผิดหวัง เธอจับนิ้วของลู่ส้าวหลิงไว้แน่น “ครั้งนี้ฉันกับลูกปลอดภัยก็เพราะว่าซูย้าว ส้าวหลิง คุณรู้จักความสัมพันธ์ของฉันกับเธอดี ดังนั้น……”
ลู่ส้าวหลิงไม่ปล่อยเธอพูดต่อไป เขาพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ “ไม่ต้องเป็นห่วง คุณไม่ต้องพูดอะไร ผมเข้าใจ เฉินซีอยู่ข้างนอก ผมให้เขาเข้ามา เรื่องของซูย้าวคุณพูดกับเขาดีกว่า!”
โม่หว่านหว่านรับปาก ลู่ส้าวหลิงก็ลุกขึ้นและออกไปจากห้องผู้ป่วย
เฉินซียังรออยู่ข้างนอกจริงๆ เขาอยากจะมั่นใจในสถานการณ์ของโม่หว่านหว่านและลูกก่อน ไม่อย่างนั้น กลับไปเขาก็จะถูกเด็กน้อยสามคนไล่ถามถึงแแม่บุญธรรมของเขา
ทันทีที่ลู่ส้าวหลิงเดินออกมา ลี่เฉินซีก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วมองมาที่เขา “เธอตื่นแล้วเหรอ?”
“อืม” ลู่ส้าวหลิงพยักหน้าและเอียงตัวบอกให้เขาเข้าไป แต่เมื่อลี่เฉินซีกำลังก้าวขาเข้าไปเขากลับพูดว่า “เฉินซี เรื่องของซูย้าว……”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วและหยุดเดิน “สำหรับเรื่องนี้ ฉันก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่ดูเหมือนว่าเธอลืมเรื่องทุกอย่างของเมื่อก่อนไปหมดแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่รู้จักฉัน แม้แต่พวกลูกๆก็จำไม่ได้แล้ว”
พูดแบบนี้ ลู่ส้าวหลิงก็เข้าใจแล้ว
“ไม่น่าเธอถึงได้กลายเป็นแบบนี้” ลู่ส้าวหลิงปากพูดแบบนี้ แต่เขาก็ยังถอนหายใจเบาๆ ยกมือขึ้นตบที่ไหล่เขาเบาๆ ทั้งสองคนหันหน้ามามองหน้ากัน เข้าใจความหมายของกันและกันโดยธรรมชาติ
ลี่เฉินซีเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย มองไปที่ทารกน้อยที่อยู่บนเตียงก่อน จากนั้นก็เดินไปที่ข้างเตียงก้มลงมองโม่หว่านหว่าน “พักผ่อนให้มากๆ ไว้ผมจะพาพวกลูกๆมาเยี่ยมคุณกับลูก”
โม่หว่านหว่านพยักหน้า “อืม แต่เฉินซี ซูย้าว……”
เธอพูดออกมาแล้วก็หยุดพูด
บางครั้งเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเอาออกมาพูด เพียงแค่สายตาและสีหน้าก็รู้กัน
ลี่เฉินซีมองหน้าเธอ “เรื่องของซูย้าว ผมละจัดการเอง ผมจะไม่ทำให้เธอลำบากใจและจะไม่ทำร้ายเธออีก”
เขากับซูย้าวอ้อมกันไปอ้อมกันมาตั้งหลายปี เจิ้งเอ๋อก็จะสิบขวบแล้ว เมื่อก่อน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เขาเคยทำร้ายเธอมากเกินไป ตอนนี้ พระเจ้าให้โอกาสเขาอีกครั้ง ให้เธอปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้ง ไม่ว่าเธอจะเป็นซูย้าวหรือว่าอานหว่านชิง แต่เรื่องเดียวที่เป็นความจริงก็คือ เธอคือแม่ของพวกลูกๆ และเป็นคนที่เขารักมากที่สุด
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ โม่หว่านหว่านก็โล่งใจ “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซูย้าว แต่ฉันรู้จักเธอ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นมันจะต้องไม่ใช่ความปรารถนาของเธอ”
ไม่อย่างนั้น ซูย้าวอาจจะเลือกที่จะลืมลี่เฉินซี แต่เธอไม่มีทางลืมลูกๆ และไม่มีทางทิ้งลูกๆ
หายตัวไปกว่าสองปี กลับมาก็ไม่พูดถึงลูกๆสักคำ ทั้งๆที่มองเห็นแต่กลับไม่สนใจ นี่มันไม่ใช่แค่ความจำเสื่อมธรรมดาๆแล้ว
“เมื่อก่อน คุณเป็นทุกอย่างของเธอ ตั้งแต่มีเจิ้งเอ๋อ เจิ้งเอ๋อก็กลายเป็นโลกทั้งใบของเธอ เฉินซี คุณเคยทำลายทุกอย่างของเธอด้วยตัวเธอเอง ตอนนี้ ถ้าคุณรักเธอจริงๆและแคร์เธอจริงๆ ไม่ว่าเธอจะกลายเป็นคนแบบไหน ไม่ว่าเธอจะผ่านอะไรมาก็ตาม คุณอย่าได้โทษเธอ”
โม่หว่านหว่านพูดแบบนี้ แสดงว่าเธอสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจริงๆ
สายตาที่ซูย้าวมองเธอมันแปลกหน้าขนาดนั้น ความห่างเหินและเย็นชาที่ราวกับเจอคนแปลกหน้าแบบนั้น ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเธอต้องเผชิญกับนักข่าวที่จงใจทำให้เธอลำบากใจ ผู้คนที่จงใจทำสร้างปัญหา เธอกลับนิ่งสงบและเป็นธรรมชาติ ดูเหมือนอ่อนแอ แต่กลับมีความดุร้ายออกมาจากกระดูก ทำให้ผู้คนเกรงกลัว
โม่หว่านหว่านถอนหายใจเบาๆ เธออยากจะนั่งลงพูดคุยกับซูย้าว แต่สถานการณ์ตอนนี้ กลัวว่าถึงแม้ว่าเธอได้นั่งคุยกับเธอจริงๆ แต่ผลลัพธ์ของการพูดคุยกันก็คงจะไม่เป็นที่น่าพอใจ
ลี่เฉินซีมองหน้าเธอ เขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่โม่หว่านหว่านเป็นกังวลได้ยังไง แต่เขาก็แค่ยิ้ม “ผมเข้าใจ คุณดูแลตัวเองให้ดี!”
พูดจบเขาก็หันหลังออกไปจากห้องผู้ป่วย
ลู่ส้าวหลิงมาส่งเขาลงไปชั้นล่าง ทั้งสองเดินลงบันได ลี่เฉินซีก็พูดว่า “สำหรับโปรเจ็กต์กู่อาน คุณให้เลขาจัดการและโอนย้ายให้เธอเถอะ!”
เสียงพูดหยุดชะงักไปพักหนึ่ง “เกี่ยวกับข่าวที่วุ่นวายช่วงนี้ ฉันจะหาวิธีช่วยนายเอง ความเสียหายของตระกูลลู่ เดี๋ยวฉันจะให้คนชดใช้ให้นายภายหลัง”
ลู่ส้าวหลิงขมวดขึ้น ยกมือขึ้นตบไหล่เขาเบาๆ “พูดอะไรเหลวไหล?ไม่ว่าเธอจะเล็งเป้ามาที่นายหรือพวกเด็กๆ ถึงแม้ว่าจะมีแค่ซูย้าว แต่ฉันก็ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้น! เสียหายไปแล้วก็ช่างมันเถอะ โปรเจ็กต์กู่อานเดี๋ยวฉันจะโอนย้ายไปให้”
ลี่เฉินซีเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่ซาบซึ้ง เมื่อทั้งสองแยกจากกัน ลู่ส้าวหลิงก็พูดอีกว่า “เดี๋ยวฉันจะให้เลขาโอนย้ายเอกสารไปให้นาย”
“นายให้เลขาโอนย้ายไปให้เธอโดยตรงเลยก็ได้” ลี่เฉินซีตอบกลับมาเบาๆ
ลู่ส้าวหลิงขมวดคิ้ว “นายไม่รู้จริงๆหรือแกล้งทำเป็นโง่?”
เขาให้โอกาสเขาได้ใกล้ชิดกับซูย้าวอีกครั้งไม่ใช่เหรอ? !
ไม่เข้าไปใกล้ชิดกับเธอความสัมพันธ์จะพัฒนาไปอีกขั้นได้ยังไง ความสัมพันธ์ไม่พัฒนาไปอีกขั้นจะรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอในช่วงสองปีที่ผ่านมา? !
ลี่เฉินซีมองเขาที่ยิ้มอย่างขมขื่น เขาพยักหน้าและหันหลังเดินขึ้นรถไป
หวางอี้ค่อยๆขับรถเข้าสู่ถนนสายหลัก ขับรถไปพร้อมกับสังเกตใบหน้าของบอสผ่านกระจกมองหลัง ราวกับว่ามีอะไรจะพูดแต่ก็กลัวอะไรบางอย่าง ไม่ยอมพูดออกมา
ลี่เฉินซีมองที่หน้าจอคอมตรงหน้าอย่างตั้งใจ ผ่านไปสักพัก เขาถึงมีแนวโน้มที่จะพูดออกมา “พูดสิ”
คำพูดที่เย็นชาแค่หนึ่งคำ น้ำเสียงออกคำสั่งเหมือนเดิมไม่ต้องสงสัย
หวางอี้ถึงกล้าพูดออกมา “ประธานลี่ครับ คนที่เราส่งไปต่างประเทศได้ตรวจสอบDouble Aceกรุ๊ปอย่างละเอียดแล้ว ผลลัพธ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก!”
“เสียชื่อเสียงในวงการอย่างสมบูรณ์แบบ ประธานอานคนนี้ ยิ่งมีชื่อเสียงที่ไม่ดีเลื่องลือไปไกล เขาทำให้ทุกคนที่อยู่ในวงการไม่พอใจ ไม่เพียงแค่นั้น เขายังใช้ความรุนแรงหลายครั้ง แต่Double Aceกรุ๊ปที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีขนาดใหญ่ แต่ความสามารถของพวกเขาแข็งแกร่งมาก พวกเขาใช้เงินแก้ปัญหาทุกครั้ง จึงทำให้พวกเขาสร้างศัตรูมากขึ้นไปด้วย”
หยุดไปพักหนึ่ง หวางอี้ก็พูดอีกว่า “แต่ดูเหมือนว่าDouble Aceกรุ๊ปจะมีประธานอานสองคน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประธานอานคนไหนเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี้ ……”
ประธานอานสองคน คนหนึ่งคืออานเจียเย้น และอีกคนคืออานหว่านชิง
ลี่เฉินซีค่อยๆลืมตาขึ้น กวาดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ชื่อเสียงที่ไม่ดีเลื่องลือไปไกลเหรอ? คนที่สามารถใช้วิธีนี้ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทแพร่กระจายออกไปไกลได้ คาดว่าน่าจะมีแค่เธอที่คิดได้