เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 59
บทที่ 59 ฉันต้องไปแล้ว
โม่หว่านหว่านเหลือทนกับผู้หญิงอย่างหานฉ่ายหลิงจริงๆ ภายนอกอาจดูเป็นคนดีและน่ารักบริสุทธิ์ แต่ว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ไส้รู้พุงของเธอ!
มันเหมือนกับดอกกุหลาบที่ปลูกด้วยยาพิษมาตั้งแต่ยังเป็นเมล็ดพันธุ์ สีแดงคล้ายเปลวเพลิงด้วยความมีเสน่ห์และสวยงาม แต่ความจริงแล้วเต็มไปด้วยสารพิษที่สามารถพรากชีวิตคนได้
ซึ่งหานฉ่ายหลิงเป็นคนเช่นนี้อยู่แล้ว
แต่หานฉ่ายหลิงไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของโม่หว่านหว่าน เธอได้แต่มองหน้าซูย้าวแล้วอธิบายกับเธออีกครั้ง “ซูย้าว เธออย่าเข้าใจผิดนะ มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดจริงๆ!”
ตั้งแต่ต้นจนจบ ซูย้าวได้แต่รู้สึกสับสนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อหานฉ่ายหลิง แต่เธอไม่อยากก่อความวุ่นวายในตอนนี้มากกว่า
ลี่เฉินซีก้าวไปข้างหน้า สายตาอันเย็นชาของเขากวาดมองไปที่ซูย้าว ทันใดนั้นเขาก็จับแขนบางๆของเธอไว้ด้วยฝ่ามืออันกว้างยาวของเขา จากนั้นดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนและเงยหน้าพูดกับเพ้ยส้าวหลี่ “ผมยังมีเรื่องต้องคุยกับซูย้าว ขอตัวก่อนละ!”
เมื่อพูดจบเขาก็จุงมือซูย้าวแล้วเดินออกไปโดยที่ไม่รอการตอบสนองจากทุกคน
แน่นอนว่าหานฉ่ายหลิงไม่ห้ามอยู่แล้ว เพราะเขาสองคนยังเป็นสามีภรรยากัน และพฤติกรรมเช่นนี้มันก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสามีภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งเธอก็ไม่มีสิทธิไปห้ามอยู่แล้ว!
เพ้ยส้าวหลี่ก็ได้แต่ยิ้มมองอยู่อย่างเงียบๆ จากนั้นหันไปทักทายโม่หว่านหว่านด้วยความสุภาพแล้วเดินจากไป
ในเวลานี้ก็เหลือเพียงผู้หญิงสองคนเท่านั้น โม่หว่านหว่านวางไอศกรีมลงบนโต๊ะแล้วหันไปคุยกับหานฉ่ายหลิง “เมื่อไหร่เธอจะไปให้พ้นจากลี่เฉินซีสักที?”
เดิมทีเธอก็กำลังจะออกไปเหมือนกัน แต่เมื่อได้ยินคำพูดของโม่หว่านหว่านแล้วก็ต้องหยุดเดินทันที
หานฉ่ายหลิงหันกลับมามองที่เธอ “การที่ฉันจะอยู่หรือไป มันเกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตคู่ของเฉินซีกับซูย้าวล่ะ?”
“ไม่เกี่ยวเหรอ? การที่เธอเกาะติดอยู่ที่นี่ ถ้าไม่ใช่เมียน้อยของเขาแล้วจะเป็นอะไรได้ล่ะ?” โม่หว่านหว่านยังคงถือไอศกรีมไว้และใช้คำพูดที่เฉียบคมพูดกับเธอ
หานฉ่ายหลิงหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วหายใจเข้าลึกๆอย่างเหลือทน “บางทีเธออาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ ฉันกับเฉินซีก็แค่ปรึกษาเรื่องงานกันเท่านั้น! ส่วนเรื่องอื่นแล้ว……”
เธอยังไม่ทันพูดจบก็ถูกโม่หว่านหว่านขัดจังหวะ…..
“เรื่องงานก็แค่เอามาเป็นข้ออ้างเท่านั้นแหละ หรือว่าเธอจะไม่ยอมรับว่ายังรักเขาอยู่?”
ด้วยคำพูดคำนี้ทำให้หานฉ่ายหลิงต้องเงียบลง
เธอยังรักลี่เฉินซี
แม้หลายปีผ่านไปแต่เธอก็ยังเหมือนเดิม
ดังนั้นเธอจึงพยายามปรากฏตัวในชีวิตเขา เธอไม่หวังจะได้เป็นคู่ครองของเขาไปตลอดชีวิต เธอแค่หวังว่าจะมีส่วนร่วมในชีวิตเขาเล็กน้อยก็เท่านั้น
“คุณหาน” โม่หว่านหว่านพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่น้ำเสียงของเธอเพลาลงกว่าเดิม สีหน้าของเธอดูจริงจังราวกับว่ากำลังจะคุยโปรเจ็กต์เรื่องงานอยู่
“คุณเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถนะ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือหน้าที่การงาน ภูมิหลังของครอบครัวหรือความสามารถในการทำงานทุกด้านคุณก็ทำได้ดีไม่แพ้ใคร ผู้หญิงอย่างคุณขอแค่กระดิกนิ้วก็มีคนเข้าหาตั้งมากมายแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของคุณกับลี่เฉินซีนั้นมันจบลงตั้งนานแล้ว คุณตั้งสติเถอะ! ตอนนี้เขาเป็นสามีของคนอื่น ต่อให้เขาดีแค่ไหนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณแล้ว!”
คำพูดของโม่หว่านหว่านราวกับลูกเห็บที่ร่วงโรยมาจากบนฟ้า ที่ได้กระแทกกับหัวใจของหานฉ่ายหลิงจนบอบช้ำไปหมด
นี่คือความจริงที่เธอไม่เคยเต็มใจที่จะเผชิญและยอมรับมัน เธอพยายามหลอกลวงตัวเองและคนอื่นๆอยู่เสมอ แต่ไม่ว่าจะหลอกลวงยังไงความจริงนั้นเป็นสิ่งไม่ตาย
ในลานจอดรถชั้นใต้ดินลี่เฉินซีลากซูย้าวขึ้นไปบนรถ ‘พรึบ’ เสียงปิดประตูดังขึ้น เขาเดินอ้อมเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ
เขาไม่ได้สตาร์ทรถและขับออกไปไหน เพียงแต่นั่งเฉยๆอยู่ข้างใน บรรยากาศในรถเงียบสงบเหมาะสำหรับการเปิดใจคุยเป็นอย่างมาก
ลี่เฉินซีหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งม้วนในซองแล้วคาบไว้ในปาก ‘แชะ’เสียงไฟแช็คดังขึ้น จากนั้นควันบุหรี่ก็ค่อยๆล่องลอยขึ้นมา
ซูย้าวนั่งอยู่ข้างที่นั่งคนขับ เธอหันไปมองเขาแล้วพูดกับเขาด้วยภาษามือ “ฉันอยากเจอเจิ้งเอ๋อ!”
“คุณคิดดีแล้วเหรอ?”
เสียงโทนต่ำของชายคนนั้นดังขึ้นอย่างกะทันหันพร้อมกับน้ำเสียงที่แหบพร่าและลุ่มลึก นัยน์ตาที่แอบแฝงความซับซ้อนมากเกินไปจนเธอไม่สามารถเข้าใจได้
ซูย้าวขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยภาษามือ “นี่ไม่เกี่ยวกับการหย่าร้างเลย เจิ้งเอ๋อก็เป็นลูกชายของฉันนะ ในฐานะแม่คนหนึ่ง ฉันก็มีสิทธิที่จะไปหาลูกชายของฉัน!”
“สิทธิ?” เหมือนลี่เฉินซีได้พบกับคำๆหนึ่งที่น่าสนใจ เขาทวนซ้ำเบาๆ พร้อมกับการเยาะเย้ยที่ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา
ในวินาทีต่อมาชายคนนั้นก็หันไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ด้วยรูปร่างที่กว้างใหญ่ดั่งภูเขาปกคลุมตัวเธอที่เล็กน้อยและอ่อนแอ จากนั้นใช้มือที่ทรงพลังของเขาจับด้านหลังศีรษะของเธอไว้แล้วพ่นควันบุหรี่ไปเต็มหน้าเธอ
ซูย้าวสำลักควันที่สูดดมเข้าไปอย่างกะทันหัน แล้วมองเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาเย็นชาของชายคนนั้นเพียงรางๆ มีแสงประกายในความมืดมิดและสายตาที่แผดเผานั้นทำให้เผาไหม้ดวงตาที่งดงามของเธอ
“ตอนนี้คุณรู้จักเรียกร้องสิทธิกับผมแล้วใช่ไหม? ซูย้าว บอกผมหน่อยว่าใครเป็นคนสอนคุณ?”
ในความคิดของลี่เฉินซี แม้ผู้หญิงคนนี้จะสวยและโดดเด่นกว่าคนทั่วไป แต่ด้วยบุคลิกนิสัยนิ่งๆของเธอจึงไม่เคยเป็นที่ดึงดูดสายตาเลย และเธอแทบจะไร้ตัวตนถ้าหากอยู่เงียบๆและไม่ได้ส่งเสียงออกมา
เช่นเดียวกับตอนนี้ เรียกร้องสิทธิกับเขาอย่างกระทันหัน เธอก็เหมือนกระต่ายตัวน้อยที่กำลังโกรธ และบางที……รู้สึกว่าเธอน่ารักมาก
ความรู้สึกที่ซับซ้อนยังคงสั่นไหวในใจ นอกจากนั้น สายตาที่เย็นชาของเขายังคงเย็นเยือกเหมือนน้ำค้างที่ถูกแช่แข็งไว้
“ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาสอนฉันหรอก เพราะลูกเป็นของเราสองคน ถ้าคุณจะบังคับให้หย่า สิทธิในการดูแลเจิ้งเอ๋อก็ต้องตกเป็นของฉัน!” ซูย้าวแสดงท่าทางเป็นภาษามือด้วยวาทศิลป์ที่หนักแน่นและแข็งกร้าวกว่าปกติเมื่อพูดถึงลูกชายของเธอ
ลี่เฉินซีมองเธอไว้และภาพที่เธอนั่งอยู่กับเพ้ยส้าวหลี่เมื่อครู่นี้ก็ได้ปรากฏขึ้นในหัวสมองของเขา จึงทำให้เพลิงไฟในดวงตามอดไหม้และมือที่จับแขนเธอไว้ก็บีบแรงขึ้นเช่นกัน
“ปากบอกมาตลอดว่าไม่ต้องการหย่า แต่ดูความคิดเธอสิ มีแต่จะเรียกร้องสิทธิในการดูแลลูก ซูย้าว ไม้นี้ของเธอใช่ได้เลยนะ!”
เธอตะลึงและส่ายหัวอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่เชื่ออีกต่อไป
“ถ้าคุณต้องการดูแลลูก คุณต้องเซ็นหย่าก่อน!” ลี่เฉินซียืดตัวตรงแล้วโยนคำพูดที่แสนจะเย็นชาให้เธอ
นิ้วมือของซูย้าวค่อยๆเกรงขึ้นด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ เธอมองหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดด้วยภาษามือ “ฉันไม่เห็นด้วยกับการหย่าหรอกนะ แต่ถ้าคุณยืนยันจะทำ ลูกชายก็จะเป็นข้อเสนอสุดท้ายของฉัน นอกจากนี้แล้วฉันไม่ต้องการอะไรอีก สำหรับเจิ้งเอ๋อนั้น ยังไงฉันก็ไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน!”
หลังจากพูดจบ ซูย้าวก็ลงจากรถทันทีโดยที่ไม่รอการตอบโต้จากลี่เฉินซีอีก
เธอปิดประตูรถเสียงดัง‘ปั้ง’ด้วยความแรง
เขาได้แต่มองแผ่นหลังของเธอที่ค่อยๆเดินจากไป ไม่กล้านึกเลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆที่อ่อนแอคนนี้กลับระเบิดอารมณ์ใส่เขาด้วยภาษามือ
มือที่เรียวยาวแข็งแรงนั้นทุบไปที่พวงมาลัยรถอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ดวงตาที่เย็นชาคู่นั้นอัดกลั้นความรู้สึกไว้ในใจ และปรายตาก็ได้มองเห็นหานฉ่ายหลิงที่กำลังเดินออกจากลิฟต์
เขาสตาร์ทรถและขับเข้าไปหาเธอ กระจกรถค่อยๆเลื่อนลงแล้วเขาก็พูดเบาๆ “ขึ้นรถ!”
หานฉ่ายหลิงไม่ได้ปฏิเสธและเดินอ้อมเข้าไปนั่งข้างที่นั่งคนขับ
“เฉินซี คุณกับซูย้าว……จะหย่ากันจริงๆ ไหม?” จู่ๆ เธอก็ถามขึ้นมา