เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 590
ขับรถออกมาจากโรงแรม ไม่ได้ขับไปทางโรงพยาบาลแต่ขับไปทางคฤหาสน์ตระกูลลี่
เพราะหลังจากที่ลี่เหิงจิ่วเข้าโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงย้ายกลับไปพักฟื้นที่บ้าน ดังนั้นไปโรงพยาบาลตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์
เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ อาตงได้อธิบายอย่างละเอียด
แต่ซูย้าวก็ยังคงไม่พูดไม่จา เธอแค่ใช้มือขยี้คิ้วและมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าที่มืดมน มองออกว่าเธออารมณ์ไม่ค่อยดี
เดิมทีอากาศดีๆแบบนี้ เธออารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย แต่เพราะว่าบางคนที่ทำงานไม่ได้เรื่อง ทำให้เธอจำเป็นต้องไปบ้านของตระกูลลี่ และยังต้องไปเผชิญหน้ากับลี่เฉินซีอีกครั้ง!
ตลอดทั้งทาง ซูย้าวอารมณ์ไม่ดี อาตงก็ไม่กล้าส่งเสียง เขาขับรถไปถึงคฤหาสน์ตระกูลลี่ มองจากไกลๆก็เห็นลานบ้านที่เต็มไปด้วยรถหรู แม้แต่ถนนข้างนอกหมู่บ้านก็เต็มไปด้วยรถ
อาตงจอดรถไว้ใกล้ๆ ซูย้าวก็ลงจากรถด้วยตัวเอง
เขาอยากจะเข้าไปด้วย แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากเธอเขาจึงไม่กล้าเดินตามไป ทำได้แค่ยืนอยู่ข้างๆรถอย่างไม่พอใจ สายตาที่ลังเลคอยมองตามซูย้าวไปตลอด
ซูย้าวก็ไม่ได้สนใจเขา เธอเดินตรงเข้าไปในหมู่บ้าน
มีแม่บ้านเดินเข้ามาต้อนรับ ตอนที่ถามว่าเธอเป็นใครซูย้าวถึงกับตกใจ ลังเลไปพักหนึ่งและพูดว่า “ฉันเป็นเพื่อนร่วมงานของประธานลี่……”
แม่บ้านตกใจ “เอ่อ อันนี้……”
เพราะว่าคนที่มาเยี่ยมในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นญาติของตระกูลลี่ กำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของงานศพและพินัยกรรมของลี่เหิงจิ่วถ้าเขาตายไป ไม่ค่อยสะดวกที่จะให้คนนอกเข้าไป
แม่บ้านยังคงพูดจากระอึกกระอัก พยายามเรียบเรียงคำพูดไม่ให้ซูย้าวเข้าไป สักพักก็มีแม่บ้านอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาข้างหลัง เธอเป็นหญิงแก่คนหนึ่ง ผมหงอกหมดแล้วแต่ยังดูท่าทางกระฉับกระเฉง พึ่งจะเดินออกมา พอเห็นซูย้าวเธอก็ตกใจทันที
“ซู ซู……” แม่บ้านอุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่กลับพูดออกมาแค่คำว่า ‘ซู’สองสามคำ เธอไม่ได้เรียกชื่อเต็ม สุดท้ายดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ เธอจึงรับเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว “คุณนายลี่นี่เอง!”
จากนั้นแม่บ้านก็ดึงแม่บ้านอีกคนหนึ่งออกไป โน้มตัวลงเชิญซูย้าวเข้าไปด้วยความเคารพ
ซูย้าวก็รู้สึกมึนงง คุณนายลี่? เธอกลายเป็นคุณนายลี่ตั้งแต่เมื่อไหร่? !
ถึงแม้ว่าหน้าตาของเธอจะคล้ายกับอดีตภรรยาของลี่เฉินซี แต่นั้นก็เป็นอดีตภรรยาของเขา จะกลายเป็นคุณนายลี่ได้ยังไง?
แต่ว่านี่ไม่ใช่ปัญหาหลักของวันนี้ เธอก็ไม่ได้คิดหรือถามอะไร เธอแค่ก้าวเข้าไปในบ้าน
ข้างนอก แม่บ้านอีกคนหนึ่งยังคงมึนงง มองดูแม่บ้านอีกคนหนึ่งด้วยความประหลาดใจ “เธอคือคุณนายลี่? ประธานลี่ยังไม่ได้แต่งงานไม่ใช่เหรอ?”
แม่บ้านอีกคนหนึ่งจับมือเธอแล้วกระซิบเบาๆว่า “เธอจะไปรู้อะไร ถึงแม้ว่าประธานลี่จะยังไม่ได้แต่งงาน แต่นั้นมันเป็นเรื่องที่รู้กันภายใน ภายนอกเขาถือว่าตัวเองแต่งงานแล้ว แล้วอีกอย่าง ประธานลี่ก็กำลังรอคุณหนูซูคนนี้ตลอด!”
แม่บ้านเข้าใจทันที เธอพยักหน้าซ้ำๆและยังขอบคุณที่เธอบอก”โชคดีที่คุณออกมา ไม่อย่างนั้นฉันคงจะก่อเรื่องแล้ว!”
ภายในบ้าน ห้องรับแขกขนาดใหญ่เต็มไปด้วยผู้คน
ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย มีทุกวัย ทุกคนล้วนแต่ใส่ชุดสูทสวมรองเท้าหนัก แต่งตัวดีกันทั้งนั้น คนที่นั่งอยู่หัวโซฟา ซูย้าวไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมองก็รู้ว่าเป็นใคร สถานการณ์แบบนี้ นอกจากลี่เฉินซีที่เป็นหัวหน้าตระกูลลี่แล้วยังจะเป็นใครไปได้
แต่บรรยากาศไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ มันช่างน่าหดหู่ผิดปกติ แม้แต่อากาศก็แทบจะแข็งตัว
“ลี่เฉินซี อย่าคิดว่าตอนนี้นายเป็นประธานของบริษัทลี่ซื่อแล้วเราจะทำอะไรนายไม่ได้ เรื่องที่นายทำในช่วงสองปีที่ผ่านมา นายไม่รู้อยู่แก่ใจหรอกเหรอ?”
จู่ๆก็มีคนลุกขึ้นมา ท่าทางที่เย่อหยิ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห พูดด้วยน้ำเสียงที่ดังมาก เขาแทบจะใช้นิ้วชี้หน้าลี่เฉินซีและพูดอย่างโมโห “ยอมรับเถอะ! จู่ๆอาสามก็ล้มป่วย นายเป็นคนทำอยู่เบื้องหลังใช่ไหม?”
พูดจบชายคนที่พูดก็หันหน้าไปมองทุกคนที่อยู่ตรงนั้น “ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าหุ้นที่อยู่ในมือของอาสามคืออันดับสองรองจากนาย และอาสามก็ยังไม่มีลูกมีหลาน นายจ้องที่จะครอบครองหุ้นพวกนั้นมาตั้งนานแล้ว นอกจากนายแล้ว ยังจะมีใครกล้าทำแบบนี้!”
ข้างๆก็ยังมีคนที่ไม่พอใจพูดต่อ “ใช่ ตระกูลลี่มีคนตั้งเยอะแยะ คาดว่าน่าจะมีแต่นายที่กล้าทำแบบนี้!”
“อาศัยการเป็นประธานบริษัทลี่ของตัวเอง ไม่สนใจกฎหมาย เพื่อที่จะตามหาผู้หญิงคนเดียว ยอมที่จะขยายธุรกิจของบริษัทลี่ซื่อออกไปต่างประเทศ เสี่ยงลงทุนครั้งแล้วครั้งเล่า สูญเสียไปแล้วตั้งเท่าไหร่ เราทุกคนต่างก็รู้ดี!”
ซูย้าวหยุดอยู่ไกลๆ เห็นว่าสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้เธอก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ถ้าตอนนี้เธอออกไปบอกว่าทั้งหมดเธอเป็นคนทำ เธอจะกลายเป็นเป้าหมายของทุกคนไหม?
เธอถอนหายใจอย่างขมขื่นในใจ ระมัดระวังและรอบคอบไว้ดีกว่า แต่ดูเหมือนถึงแม้ว่าเธอจะยอมออกหน้ารับผิด คนพวกนี้ก็คงจะไม่เชื่อ พวกเขามั่นใจว่าลี่เฉินซีเป็นคนทำ คาดว่า พวกเขาคงจะอยากใช้เรื่องนี้ในการฟ้องร้องเขา
คิดมาตลอดว่าตระกูลลี่เป็นตระกูลที่รับมือยาก จัดการยาก แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่กองทรายที่ไม่แข็งแรง อย่างน้อย คนหลายคนก็เกลียดชังลี่เฉินซีมาตั้งนานแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลายปีที่ผ่านมานี้เขาดูแลตระกูลได้ยังไง
ลี่เฉินซีไม่ยอมพูดจา เขาแค่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสง่างาม มือหนึ่งถือบุหรี่ นั่งฟังคนสองสามคนที่พร่ำอยู่ข้างๆ และยังเขี่ยเถ้าบุหรี่เป็นครั้งคราว
“ใช่ เราต้องยอมรับว่าการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศของบริษัทลี่ทำเงินได้จำนวนมากจริงๆ และยังทำให้เราได้เงินปันผลมากขึ้นทุกปี แต่ว่า ได้กำไรมันก็ขาดทุน! สุดท้ายแล้ว หัวใจหลักของบริษัทลี่ซื่อก็ยังอยู่ในประเทศไม่ใช่เหรอ? นายพยายามมานานขนาดนี้ก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง!”
ทุกคนที่อยู่ข้างๆต่างก็ชั่วร้ายกันทั้งนั้น พวกเขาราวกับสัตว์ร้ายที่ออกมาจากกรง แต่ข้างๆของลี่เฉินซีกลับมีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆยืนอยู่ เขาใส่ชุดสูทสีดำทั้งตัว มองดูเหมือนสุภาพบุรุษตัวน้อย
ซูย้าวมองดูเด็กผู้ชายคนนั้นอยู่ไกลๆ หน้าตาหล่อเหลา ผิวก็ขาวเนียนนุ่ม ดูแล้วช่างหน้าตาดีและเป็นที่รักของคนอื่น
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ลี่เฉินซีกำลังเสียเปรียบอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขากลับไม่สะทกสะท้าน มีท่าทีของจักรพรรดิที่นิ่งสงบ ดูเหมือนว่าเขาจะลืมตาขึ้นมองเห็นซูย้าว แต่ใบหน้าที่มืดมนกลับไม่ได้เปลี่ยนไป แม้แต่สายตาคู่นั้น มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยในตอนที่เขาสบตากับเธอ
คนที่อยู่ตรงหน้าสิบกว่าคน ทุกคนต่างก็ยืนกรานในคำพูดของตัวเอง ทุกคนพูดไปแล้วมากมาย ตั้งแต่พูดถึงหลักการและทฤษฎีก่อนหน้านี้ มาจนถึงคำพูดที่ยิ่งพูดยิ่งไม่น่าฟัง
ลี่เฉินซีฟังอยู่ตั้งนาน บุหรี่ในมือก็เกือบจะไหม้หมดแล้ว เขาดับบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ และมีแนวโน้มจะพูดออกมา เขาแค่อ้าปากพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ดังนั้น ทุกคนกำลังสงสัยว่าผมเป็นคนทำให้อาสามล้มป่วย และผมก็อยากได้หุ้นที่เป็นชื่อของอาสาม อยากถือโอกาสนี้เอามันมาครอบครองเป็นของตัวเอง ใช่ไหม?”
เขาสรุปคำพูดของทุกคนสั้นๆ พวกเขาแค่อยากใช้โอกาสนี้หาเรื่องเขาก็แค่นั้น
คนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกสายตาที่เลวทรามและชั่วร้ายนั้น มันได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน
ลี่เฉินซียิ้มมุมปากเบาๆอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน “แล้วหลักฐานล่ะ?”
พูดแบบนี้ออกมา ทุกคนก็ต่างพูดไม่ออก แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางคนที่มีการเตรียมตัวมาก่อนแล้ว เขารีบพูดว่า “อยากได้หลักฐาน ได้ ฉันจะเอาหลักฐานมาให้!”
พูดจบเขาก็ส่งสายตาให้คนที่อยู่ข้างหลัง คนข้างหลังรีบหันหลังเดินออกไป ผ่านไปไม่นาน เขาก็พาแม่บ้านคนหนึ่งเข้ามา
แม่บ้านดูลำบากใจท่ามกลางสายตาของผู้คน ถึงขั้นไม่กล้าที่มองหน้าใคร เธอแค่ก้มหน้าเดินเข้ามา เผชิญหน้ากับสีหน้าที่เย็นชาไร้อุณหภูมิของลี่เฉินซี เธอพูดเบาๆว่า “ฉัน……ฉันคือคนที่ดูแลคุณท่านลี่ เมื่อคืนนี้……เมื่อคืนนี้ประธานลี่มาหาคุณท่านลี่ และหลังจากที่เขาจากไป คุณท่านก็……ก็ล้มป่วย……”
เธอพูดออกมาแบบนี้ ผู้คนก็เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง พวกเขาซุบซิบนินทา และยังมีคนสองสามคนจ้องไปที่ลี่เฉินซีด้วยความโมโห “ตอนนี้นายยังมีอะไรจะพูดอีก?”
“ลี่เฉินซี เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หลักฐานที่นายทำร้ายอาแท้ๆของตัวเองก็ชัดเจนขนาดนี้ จะให้พวกเราโทรแจ้งตำรวจมาจัดการ?หรือนายจะสละตำแหน่ง นายเลือกเอาเอง!”
คนข้างๆก็พากันพูดตาม “ถ้าโทรแจ้งตำรวจ มันคงจะไม่ดีต่อหน้าตาตระกูลลี่ของเรา งั้นนายก็สละตำแหน่งเองเถอะ!ตำแหน่งประธานบริษัทลี่ซื่อ นายก็นั่งมาแล้วตั้งหลายปี ถึงเวลาที่จะต้องสละให้คนอื่นแล้ว!”
บรรยากาศตึงเครียดผิดปกติ ซูย้าวยืนอยู่ไกลๆก็ยังเครียดแทนเขาอย่างบอกไม่ถูก สายตาที่เป็นกังวลมองมาทางนี้ แต่มันกลับบังเอิญไปชนกับร่างเล็กๆที่อยู่ข้างๆลี่เฉินซี