เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 66
บทที่ 66 ยังจำผมได้ไหม
ตอนเย็นหกโมงครึ่ง ซูย้าวไปถึงโรงแรมฉวนจี้อย่างตรงต่อเวลา
เพราะว่าเป็นงานเลี้ยงส่วนตัว ก่อนหน้านี้ซูหยวนก็ได้บอกเตือนเธอแล้ว คนที่มาออกงานไม่เยอะ อีกอย่างต่างก็ไม่ได้ทำตัวโอหัง ทางโรงแรมก็ยังไม่รู้ แค่บอกเธอเลขห้องเหมาส่วนตัว
พอหน้าฟร้อนของทางโรงแรมรับเรื่อง ก็ได้ให้การ์ดสำรองของห้องมา จากนั้นก็มีพนักงานบริการส่งไปจนถึงชั้นบน
ซูย้าวมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีสูงมาก และรวมไปถึงตอนเด็กๆ ตอนที่พ่อยังอยู่ ก็เคยเชิญครูสอนดนตรีมากมายเพื่อเธอ แม้กระทั่งเพื่อที่จะไปเยี่ยมเยียนอาจารย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านดนตรีจนต้องไปร่วมคอนเสิร์ตโดยเฉพาะ และก็ได้พาเธอไปดูในที่ๆ ไกลมาก
ภายใต้การสนับสนุนของพ่อ ความสามารถทางด้านดนตรีของเธอก็แกร่งมาก ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่ยากแค่ไหน ก็สามารถเล่นอย่างง่ายดายและคล่องแคล่ว อีกอย่างเธอยังโดดเด่นตรงที่ว่าเป็นเครื่องดนตรีหลายประเภท
ดังนั้น ซูย้าวจึงทำใจสงบ และไม่จำเป็นต้องตื่นเต้น แค่อยากจะรีบเล่นเพลงให้จบ แล้วรีบกลับไปกินมื้อค่ำเป็นเพื่อนกับโม่หว่านหว่าน
พนักงานบริการพอเธอไปถึงตรงข้างนอกห้องส่วนตัว แล้วมองเธอใช้การ์ดเปิดประตู จากนั้นก็ทำความเคารพอย่างมีมารยาท แล้วหันหลังเดินจากไป
ซูย้าวค่อยผลักประตูออก เพิ่งจะเข้าไป ก็นิ่งงันไปทันที
ห้องใหญ่มาก แค่ห้องรับแขกก็เกือบจะถึงหนึ่งร้อยตารางเมตร แล้วยังมีโซฟาหนังอันหรูหราหนึ่งชุด ข้างๆ มีชุดโต๊ะเก้าอี้ที่เป็นไม้แท้ บนโต๊ะมีชาร้อนๆ หนึ่งแก้ววางอยู่ และไอร้อนลอยขึ้นมา
ทุกอย่างก็ดูเหมือนธรรมชาติขนาดนั้น ทว่ามีสิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกัน ก็คือทำให้ซูย้าวรู้สึกตกตะลึง ในห้องที่กว้างใหญ่นี้ มีคนเพียงคนเดียว
ประธานจางครองโซฟาทั้งอัน แล้วนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายและสบายมาก เขานั่งไขว้ขา ลักษณะของท้องที่อ้วนท้วน ทำให้เห็นถึงความอนาถ
โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น กำลังจับจ้องซูย้าวอยู่ แล้วเขาก็ยิ้มตาหยี กลับไม่ได้รู้สึกหวังดีเลยสักนิด
ซูย้าวนิ่งงันไปสักพัก แล้วได้สติกลับมา เพิ่งจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องรับแขก ไม่มีใครอยู่จริงๆ และไม่มีเปียโนวางไว้สักเครื่อง หรือไม่ก็เครื่องดนตรีชนิดอื่น เธอจึงรู้สึกได้ว่ากำลังถูกซูหยวนหรอก!
ทว่ายังไงมาก็มาแล้ว ประธานจางก็ไม่ได้ทำท่าทีที่เกินเลย จู่ๆ ก็ให้หันหลัง ก็เหมือนจะไม่ค่อยดี
ในขณะที่เธอกำลังอัดอั้นใจ ประธานจางก็เอ่ยพูด “คุณซูย้าว เราเคยเจอกันมาก่อน คุณยังจำได้ไหม? ”
โทนเสียงของชายวัยกลางคน ไม่ได้ถือว่าเป็นน้ำเสียงที่เสนาะหู แค่น้ำเสียงยังถือว่ามีความอ่อนโยน ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
ซูย้าวมองเขา และกำลังครุ่นคิดขึ้น เธอเป็นคนที่ความจำดี จะจำประธานจางไม่ได้ได้ยังไง?
เห็นว่าเธอพยักหน้า ประธานจางก็คลายยิ้มอันพึงพอใจออกมา แล้วพูดขึ้นต่อ “วันนี้เชิญคุณซูมา ไม่ได้มีอะไรอย่างอื่น ก็แค่ต้องการนั่งคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวสักพัก! ”
จากนั้นก็โบกมือให้เธอ “มา นั่งเถอะ! ”
ซูย้าวยังคงนิ่งงันที่เดิม การต้องเผชิญกับคนแปลกหน้า อาการที่ป้องกันตัวเองได้แผ่ซ่านไปทั่วเรือนร่างของเธอ อีกอย่าง ในสายตายังแสดงสีหน้าที่ดูป้องกันตัวมาก
ประธานจางกลับมองเธอจากที่ไกลๆ แล้วไม่ได้โมโหอะไรเลย แค่พูดขึ้น “ไม่ต้องกลัว! ผมไม่กินคุณ! แค่อยากจะนั่งคุยกับคุณเท่านั้น! ”
แค่นั่งคุย?
ภายในใจซูย้าวก็แสยะยิ้มขึ้นอย่างฉับพลัน คำพูดปฏิเสธอย่างมีมารยาทยังไม่อยากจะคิด ก็ได้ใช้มือชี้ไปที่คอของตัวเอง เพื่อที่จะแสดงว่าเธอเป็นใบ้ พูดไม่ได้ และยิ่งพูดคุยเล่นกันไม่ได้อยู่แล้ว
ทว่าประธานจางกลับยิ้มอ่อนๆ เหมือนได้เตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ แล้วก็ได้เอาไอแพดออกมาหนึ่งเครื่อง แล้วใส่ไว้บนโซฟา “ไม่เป็นไร คุณเขียนผมอ่อน ก็ถือว่าเป็นการพูดคุยเหมือนกัน! ”
“……”
ซูย้าวรู้สึกสุดคำบรรยาย
พอมองประธานจางที่กำลังจะลุกขึ้น ซูย้าวจึงประหม่า จึงทำได้เพียงเดินไปด้วยความฝืนใจ ทว่ากลับนั่งลงบนขอบนอกสุดของโซฟา
ท่าทีที่ระมัดระวังแบบนั้น ทำให้ประธานจางหลงใหลมากกว่าเดิม
ผู้หญิงยิ่งเขินอาย ผู้ชายก็ยิ่งหวั่นไหวใจ!
เหมือนดั่งมีแมวน้อยหนึ่งตัวอยู่ตรงกลางอก แล้วก็ได้ถูเบาๆ ทำให้รู้สึกคัน ทำให้คนหยุดยั้งไม่ได้จริงๆ!
“คุณซูผ่อนคลายหน่อยเถอะ เราแค่คุยเล่นกันเท่านั้น! ” ปากของเขาพูดได้ดี ทว่าร่างกายของเขากลับขยับเข้ามาใกล้ซูย้าว
ไหนๆ ก็ยังไม่ได้เข้าใกล้ แล้วเธอทำยังไงได้?
จริงๆ รู้ว่าทุกอย่างเป็นแผนร้ายของซูหยวน ทว่าประธานจางก็ไม่ได้มีทีท่าอะไร เธอจะออกจากที่นี่ทันที ก็เหมือนจะไม่ให้เกียรติ
ภายในใจลึกๆ ของซูย้าวพึมพำด้วยเสียงเรียบขึ้นไม่หยุด จึงได้นั่งอยู่ที่นั่นอย่างดื้อรั้น แล้วทำนัยน์ตาที่มองลงอย่างนิ่งเฉย
“เปียโนที่คุณซูเล่นนั้นดีจริงๆ! เป็นเสียงเปียโนที่ดีที่สุดที่ผมเคยฟังมา! ” ประธานจางเริ่มเอ่ยชม ร่างกายค่อยๆ ขยับ สุดท้าย ก็ขยับมาอยู่ข้างๆ ซูย้าว
ที่ผ่านมาเธอทำท่าทีที่ป้องกันตัวกับคนแปลกหน้าอย่างมาก และเกลียดการที่ผู้อื่นมาสัมผัสใกล้ๆ โดยเฉพาะการสัมผัสร่างกาย ทำให้ใจของเธอกังวลขึ้นทันที จากนั้นเพิ่งจะลุกขึ้น กลับถูกมือใหญ่ของประธานจางรั้งไว้
เขากดเธอให้นั่งลงโดยตรง แล้วพูดด้วยคำพูดที่เคล้าด้วยรอยยิ้ม “อย่าไปสิ! บอกแล้วไง ก็แค่พูดคุยเล่นกัน คุณซูก็ไม่สามารถไม่ให้เกียรติผมสิ! ”
ซูย้าวพยายามขัดขืน ขณะเดียวกันก็ขยับริมฝีปาก ทำให้เห็นว่าเธอมีอะไรจะพูด
ประธานจางยังถือว่าอยู่เป็น จึงปล่อยมือ
เธอรีบเอาไอแพดมา จากนั้นก็พิมพ์ตัวหนังสือบนหน้าจอ “ประธานจาง พูดคุยได้ แต่ว่าได้โปรดให้ท่านรักนวลสงวนตัว! ”
“โธ่ นี่คุณพูดอะไรอยู่? ผมก็แค่ชื่นชมในฝีมือการเล่นเปียโนของคุณ มันช่าง……”
เขาลากเสียงยาก ทันใดนั้นนัยน์ตาก็เปล่งประกายขึ้น แล้วก็ขึ้นหน้าไปจับมือเรียวเล็กของเธอไว้อย่างว่องไว แรงของเขาใหญ่จนทำให้ซูย้าวไม่สามารถหลุดพ้นได้
“มันช่างเหมือนดั่งใบหน้าของซูย้าว ที่ทั้งเรียบเนียน อ่อนเยาว์ และผุดผ่อง ทั้งสวยและสาว ทำให้คนรู้สึกชื่นชอบจนใจจะขาด! ”
ประธานจางใจร้อนจนอยากจะดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดตัวเอง ซูย้าวดิ้นรนสุดชีวิต ทว่าแรงของผู้หญิง จะสามารถต้านทานแรงของผู้ชายได้ยังไง ก็แค่ไม่กี่ที ก็ถูกประธานจางจับกุมตัวไว้ แล้วยังใช้กุญแจมือล็อกเธอไว้ตรงมุมของโซฟา ทำให้เธออยากจะที่เคลื่อนไหว ยิ่งไม่ต้องบอกว่าจะสามารถดิ้นรนหรือหนีพ้นได้!
“เป็นเด็กดี ทำไมต้องขยับไปเรื่อยด้วย? ไม่รู้หรอ? คุณยิ่งทำแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกคันในใจ! ”
ประธานจางมองผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆ อย่างรีรอไม่ไหว แก้มที่ขาวและอ่อนเยาว์ อ่อนเยาว์จนแค่ดีดหรือแค่เป่าก็หลุดลอกไว้ รูปร่างสัดส่วนที่ดูเซ็กซี่นั้น ผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็เพอร์เฟคไปหมด
มีข้อเสียอย่างเดียว ก็คือพูดไม่ได้
ทว่าเวลานี้ พูดไม่ได้กลับเป็นจุดเด่นที่ดีที่สุด!
ก็จะไม่สามารถตะโกนโวยวายไปเรื่อยเปื่อย จะได้ไม่ทำให้คนที่อยู่รอบๆ มาสนใจ ไม่เกิดปัญหาเยอะ
เมื่อกี้ที่ดิ้นรนและขัดขืน ซูย้าวก็ได้ใช้แรงทั้งหมดที่มีแล้ว เธอเหนื่อยจนหายใจแรง ใบหน้าเล็กๆ ก็แดงระเรื่อขึ้น เหมือนดั่งลูกท้อที่เพิ่งสุก ทำให้เป็นความเซ็กซี่ที่ยากที่จะอธิบาย ทำให้คนอดไม่ได้ที่อยากจะเข้าใกล้สาวสวยคนนี้
ประธานจางมองเธอ แล้วโน้มตัวลงมาใกล้ตรงจมูกของเธอ จากนั้นก็ได้กลิ่นหอมที่เย้ายวนบนร่างของผู้หญิง ทำให้กระตุ้นกระแสเลือดในร่างกายจนพุ่งขึ้นสูง ทำให้ถึงกับต้องร้องเอะอะเหมือนมีคลื่นใหญ่ซัดเข้ามา
ทว่าซูย้าวยังคงไม่ปล่อยโอกาสอะไรไปง่ายๆ เธอดิ้นรนและต่อต้าน และพยายามหันหน้าไปทางอื่น และพยายามตีตัวออกห่างจากเขา
ท่าทีแบบนี้ ทำให้ประธานจางรู้สึกไม่พอใจมาก
“เชื่องฟังหน่อย! ทำไมคุณถึงไม่เชื่อฟังขนาดนี้! เหมือนแมวป่าตัวน้อยจริงๆ! ”
นี่มันเรียกว่ายังไงกันแน่!
ซูย้าวรู้สึกโมโหจนใกล้จะเป็นบ้าแล้ว เธอเสียใจที่เมื่อกี้ตอนที่เห็นว่าในห้องมีแค่ประธานจางคนเดียว ก็ควรที่จะรีบเปิดประตูหนีออกไป ไม่ควรคำนึงถึงเรื่องของมารยาท ตอนนี้เธอถูกจับกุมไว้ที่นี่ ทำให้เธอถึงขั้นที่จะไม่มีทางหนีพ้น!
ประธานจางจับแขนทั้งสองข้างของเธอไว้ทันที จากนั้นก็กดตัวเธอลงไปตรงมุมของโซฟาแรงๆ แล้วโน้มตัวลงมาด้วยรอยยิ้มที่ร้ายกาจ คำพูดที่ออกจากปากก็ยิ่งทำให้น่าขยะแขยง “เป็นเด็กดี ที่รักของฉัน เธอใกล้จะทำให้ฉันตายแล้ว! เดี๋ยวรับรองว่าจะได้เธอได้ขึ้นสวรรค์ เป็นเด็กดี……”
ซูย้าวรู้สึกรังเกียจจนอยากอ้วก!
และผู้ชายตรงหน้ากำลังก้มหัวลง แล้วขยับมาลงมาตรงริมฝีปากของเธอ ซูย้าวจึงพยายามหันหน้าไปทางอื่นเมื่อหลีกเลี่ยง ทว่าไม่รู้ว่าการต่อต้านแบบนี้ จะสามารถคงอยู่ได้นานแค่ไหน เธอจับจ้องประตูห้องไว้ หวังว่าตอนนี้จะมีคนทันมา……
หรือว่าตอนนี้เธอถูกกำหนดว่าต้องอยู่ที่นี่ แล้วต้องถูกผู้เฒ่าคนนี้ทำให้เสียบริสุทธิ์?
โอ้พระเจ้า ไม่มีใครช่วยเธอจริงๆ หรอ? ซูย้าวกำลังพึมพำในใจลึกๆ หัวใจที่เจ็บปวด เหมือนกำลังจะถูกบีบเป็นก้อน