เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 72
บทที่ 72 เริ่มตีโต้กลับ
ตอนที่โม่หว่านหว่านมาถึงบ้านเก่าตระกูลซูที่ชานเมือง ก็ทุ่มกว่าๆ แล้ว เธอขับรถมาตอนนี้ เพราะว่าเป็นเวลาเลิกงาน บนถนนรถติดจนต้องเสียเวลาไปหนึ่งชั่วโมงกว่า
รอจนเธอถึง หานฉ่ายหลิงก็จากไป เหลือแค่ซูย้าวคนเดียว ที่เก็บกวาดทำความสะอาดห้องที่โล่งโจ้งอย่างง่ายๆ จากนั้นก็นั่งอยู่บนชิงช้า แล้วกำลังคะนึงคิดอย่างใจหาย
“คนที่มีแซ่ว่าหานคนนั้น ที่พาแกมาที่นี่ใช่ไหม? ” โม่หว่านหว่านเดินมาใกล้ๆ ในมือยังซื้อชาไข่มุกมาให้
ซูย้าวจึงรับไว้ แล้วดูดหนึ่งคำ
โม่หว่านหว่านนั่งอยู่ชิงช้า แล้วถอนหายใจ “ผู้หญิงคนนั้นมีความสามารถจริงๆ! สามารถทำร้ายแก แล้วยังทำให้แกเกลียดเธอไม่ได้ แล้วยังต้องพูดคำว่าขอบคุณ! ฉันนี่ยอมใจจริงๆ! ”
ซูย้าวมองเธอ แล้วขมวดคิ้วอย่างประหม่า และใช้ภาษามือ “จริงๆ พอมาคิดอย่างละเอียด คุณหานก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เธอเป็นคนดีมาก! ”
“โธ่……”
โม่หว่านหว่านมองเธอ แล้วไม่รู้จะพูดอะไร แค่ถอนหายใจอย่างประหม่า
“จริงๆ คุณหานไม่ได้ทำร้ายฉัน เธอแค่อยากจะช่วยฉัน อาจจะใช้วิธีที่รุนแรงเกินไป ทว่าก็พูดไม่ได้ว่าเธอทำผิดหนิ! ” ซูย้าวใช้ภาษามือสื่อสารต่อ
โม่หว่านหว่านหลับตา ผ่านไปสักพักถึงพูดขึ้น “แกนี่โง่จริงๆ! ดูไม่ออกหรือไง? ต่อให้หายฉ่ายหลิงไม่เสแสร้งจริงๆ ไม่ใช่แสดงละครจริงๆ ทว่าก็มีเป้าหมายที่ไม่ธรรมดา! ”
“……”
ซูย้าวจะไม่เข้าใจได้ยังไง
เธอก็ไม่ได้โง่จริงๆ แค่ไม่ยอมครุ่นคิดแบบนั้น และยิ่งไม่อยากจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และระแวงสงสัยคนอื่นไปเรื่อย ไม่อยากคิดไม่ดีไม่ร้ายกับคนอื่น มันเหนื่อยและลำบากเกินไป นั้นคงไม่จำเป็น
หานฉ่ายหลิงชอบลี่เฉินซีจริงๆ
เรื่องนี้เธอรู้
และซูย้าวก็ยิ่งรู้ว่าถ้าหานฉ่ายหลิงและลี่เฉินซีคบกันคงต้องเหมาะสมกันมาก ไม่ว่าจะด้านไหนเหมือนดั่งคู่รักของเทพเจ้า เธอนี่แหละที่เหมือนเป็นมือที่สามที่น่าเกลียด แล้วคั่นกลางระหว่างพวกเขาสองคน
ความรู้สึกที่ขัดแย้งกันแบบนี้ เป็นสิ่งที่โม่หว่านหว่านไม่สามารถสัมผัสได้ตลอดไปหรอก
ทุกครั้งที่เห็นหานฉ่ายหลิงดีกับตัวเอง หรือว่าดีกับเจิ้งเอ๋อ มันก็เหมือนมีดที่แหลมคมหนึ่งเล่ม ที่ทิ่มแทงลงบนกลางใจของเธอ ทำให้เจ็บถึงขั้นที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
“อย่างไรก็ตาม ย้าวย้าวสุดเอ๋อของฉัน แกต้องรู้จักป้องกันตัวจากหานฉ่ายหลิง เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาแน่นอน ฆ่าคนโดยไม่ใช่มีด ถ้าแกไม่มีสติ ไม่แน่ผัวและลูกของแกต้องกลายเป็นของเธอหมด! ”
โม่หว่านหว่านกลับไม่ได้พูดจาข่มขู่ หลายครั้งที่เธอได้ใกล้ชิดกับหานฉ่านหลิง ทำให้เธอสัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง ผู้หญิงมีแผนในใจถึงขั้นนี้ และใช้ความสัมพันธ์เก่าๆ ที่น่าแปลกนั้นมาเป็นเครื่องมือ เธอไม่แก่งแย่งไม่เอาคืน กลับทำเป็นอ่อนโยนและสุภาพเรียบร้อย แล้วยังสงบเสงี่ยม เหมือนดั่งดอกไป๋เหอที่ผลิบานหนึ่งดอก แล้วเบ่งบานข้างกายลี่เฉินซี ต่อให้เป็นผู้ชายที่ไม่มั่วสุมแค่ไหน ก็ต้องมีวันที่ใจว้าวุ่นอยู่แล้ว!
ซูย้าวแค่ยิ้มบางๆ ยิ้มนั้นดูขมขื่นแค่ไหน มีแค่ในใจของเธอเท่านั้นที่รู้ดี
ขณะที่การประมูลบ้านตระกูลซูจบลง โปรเจคCCMเป็นโปรเจคที่บริษัทมากมายต่างก็แก่งแย่งอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายมันก็ถูกบริษัทตระกูลลี่แย่งไปอย่างราบรื่น
โปรเจคCCMมุ่งเน้นไปยังอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ และได้ร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ และการทำโฆษณาในระหว่างนี้ ก็มีผลประโยชน์อย่างมากต่อบริษัทตระกูลลี่
ตอนที่โปรเจคนี้กำลังคึกคักเร่าร้อนเสมือนไฟที่โหมไหม้ ตอนที่ทางฝั่งบริษัทตระกูลลี่เจริญรุ่งเรืองอย่างสุดขีดเสมือนดวงตะวันอยู่กลางฟ้า ในโลกธุรกิจในประเทศก็มีโปรเจคGKโผล่ขึ้นมาใหม่ เป็นการนำอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเคมีภัณฑ์มารวมกัน ปัจจัยสำคัญของโปรเจคถูกเสนอโดยคนในประเทศคนหนึ่ง ทีแรกได้รับการยอมรับจากบริษัทKในฝรั่งเศสก่อน จึงได้ลงทุนสองพันล้านดอลล่าเพื่อที่จะสร้างและขยายธุรกิจ จึงต้องการหาผู้ร่วมงานในตลาดภายในประเทศ
นี่เป็นเหมือนเสียงฟ้าร้องที่ระเบิดลงบนพื้นราบ ขณะที่ความนิยมของโปรเจคCCMยังไม่จบลง ก็มีอันใหม่เกิดขึ้น และไม่ต้องสงสัย โปรเจคGK ได้รับการโปรดปรานจากบริษัทต่างประเทศอยู่มากมาย และถูกบริษัทในประเทศไม่น้อยคลั่งไคล้
แม้กระทั่งทางฝั่งบริษัทตระกูลลี่ ลี่เฉินซียังส่งหวางอี้ไปสืบค้นข้อมูลของโปรเจคGKอย่างละเอียด ทางที่ดีที่สุดก็คือสามารถหาบุคคลสำคัญในการวิจัยและพัฒนาให้เจอ
ทว่าผ่านไปหลายวัน สุดท้ายหวางอี้ก็ไม่ได้อะไรเลย
“ท่านประธานลี่ บุคคลในประเทศที่ถูกร่ำลือกันท่านนี้ เหมือนจะเป็นไซเบอร์แฮกเกอร์คนหนึ่งครับ เขาลึกลับมาก แค่มีรหัสชื่อว่า S อย่างอื่น ยังสืบค้นอะไรไม่เจอครับ”
หวางอี้ก็รู้สึกอัดอั้นใจ บริษัทตระกูลลี่มีช่องทางที่สามารถสืบข่าวและได้รับข่าวสารโดยเฉพาะ ต่อให้เป็นแบบนี้ ก็ยังคงสืบหาคนๆ นี้ไม่ออก และสามารถสืบค้นเจอว่าบุคคลลึกลับที่มีนามแฝงว่า S เป็นใครกันแน่ สามารถมองออกว่า บุคคลที่ลึกลับคนนี้ ไม่มีการเปิดเผยอะไรออกมาเลยจริงๆ
“S……”
ลี่เฉินซี่พิงอยู่บนเก้าอี้หนัง นิ้วมือเรียวยาวกำลังเคาะโต๊ะเบาๆ
หวางอี้ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพูด “ไหนๆ ก็สืบหาคนที่มีนามแฝงว่าSไม่ได้ งั้นท่านประธานลี่ โปรเจคGKนี้ ยังต้องไปเข้าร่วมหรือไม่ครับ? ”
ไม่สามารถสืบหาคนหาข่าวคนที่มีนามแฝงว่าS ก็เหมือนดั่งวังวนที่ซ่อนอยู่ในที่มืด จะเป็นเคราะห์ดีหรือเคราะห์ร้าย ก็ไม่สามารถรู้ได้
เขายื่นมือเอาบุหรี่หนึ่งมวน แล้วค่อยๆ ใส่เข้ามาตรงข้างริมฝีปาก
ขณะที่กำลังสูบและพ่นควันออกมา ใบหน้าที่หล่อเหลาดูแปลกพิลึก และยิ่งไปกว่านั้นคือการแฝงความหม่นหมองที่ยากจะคาดเดา นัยน์ตาที่ลุ่มลึกกลับดูเลือดเย็นอย่างน่าแปลก
บริษัทตระกูลลี่ได้โปรเจคCCMมา ถ้ายังไปแทรกแซงGK หากไม่ระมัดระวังหน่อย ก็อาจจะทำให้บริษัทตระกูลลี่เกิดอันตรายได้!
ทว่าเข้ามาในโลกธุรกิจมาหลายปีแบบนี้ นักธุรกิจก็มีนิสัยเห็นแก่ผลกำไรเท่านั้น นี่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง GKสามารถทำกำไรให้บริษัทตระกูลลี่เป็นร้อยเท่าอย่างไร้ข้อสงสัย อีกอย่างยังสามารถนำอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเคมีภัณฑ์มารวมกัน ซึ่งเป็นขอบเขตที่บริษัทตระกูลลี่ดำเนินธุรกิจอยู่ เขาจะไม่หวั่นไหวใจได้ยังไง!
“ท่านประธานลี่ ท่านคิดใคร่ครวญหน่อยเถอะครับ! โปรเจคCCM เราก็ลงทุนไปหลายพันล้านแล้ว! ถ้าGKมาอีกตัว งั้นกระแสเงินสดในหน้าบัญชีบริษัท ก็คงต้องหมุนไม่ทัน! ”
จริงๆ หวางอี้พูดขาดคำพูด ก่อนหน้านี้หานฉ่ายหลิงจะประมูลบ้านเก่าตระกูลซูยังเป็นหนี้เป็นหลายพันล้าน พวกนั้นก็คือบริษัทตระกูลลี่ที่เป็นคนคืน
เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน กระแสเงินสดก้อนใหญ่หลายก้อนแบบนั้น จะเป็นเรื่องที่บริษัททั่วไปจะสามารถรับมือได้หรอ
ลี่เฉินซีไม่พูดไม่จา แค่ทำใบหน้าอันหล่อเหลาให้ดูนิ่งเฉย ภายใต้นัยน์ตามีความสับสนแอบแฝง และดูลังเลไปแวบหนึ่ง
ทางอีกฝั่งของเมืองหลวง ในห้องนอนชั้นบนของบ้านตระกูลลี่
เจิ้งเอ๋อเพิ่งตื่นนอน ซูย้าวนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะคอม แล้วกำลังใส่แว่นตาไร้ขอบ จากนั้นก็จดจ่ออยู่กับการทำงาน
บนหน้าจอเป็นกล่องข้อความบทสนทนา ที่เชื่อมไปยังท่านประธานบริษัทKที่ฝรั่งเศส และได้สนทนาเป็นภาษาฝรั่งเศส เธอพิมพ์ได้อย่างคล่องแคล่ว
“คุณS คุณคือใครกันแน่? สะดวกคุยไหม รอให้ผมถึงเมือง A เราเจอหน้ากันได้ไหม? ” ฝ่ายตรงข้ามถาม
ซูย้าวกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย นิ้วสิบนิ้วพิมพ์บนแป้นอย่างว่องไวและมีชีวิตชีวา แล้วตอบกลับประโยคเดียว “คงไม่ต้องเจอหน้ากันหรอก แค่ท่านจำได้ว่าได้ตอบตกลงในสิ่งที่ดิฉันขอก็พอค่ะ”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว แค่คุณทำแบบนี้ เพื่อเงินหรือเพื่อ……คนบางคนกันแน่? ” ฝ่ายตรงข้ามเหมือนเริ่มสงสัย
ถ้าพูดอย่างถูกต้อง คงจะเป็นเพราะแปลกใจมากกว่า
ซูย้าวจ้องบทสนทนา แล้วเหม่อลอยไปสักพัก รอให้ได้สติกลับมา ก็แค่ตอบกลับว่า “เพื่อเหตุผลด้านหน้า”
จากนั้นก็จบการสนทนาแล้วออกจากระบบ จากนั้นก็เปิดไฟล์ที่บันทึกในคอม แต่ละไฟล์ก็เกี่ยวกับโปรเจคGKทั้งหมด เธอใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน เรียกได้ว่าเป็นการทุ่มเทเขียนด้วยชีวิตจิตใจ
เป็นน้ำพักน้ำแรงทั้งหมด
เธอรู้ โปรเจคนี้ เขาต้องสนใจแน่นอน
แค่เขาสนใจ ความปรารถนาบางอย่างของเธอ จะได้บรรลุอย่างราบรื่น