เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 73
บทที่ 73 เธอเป็นภรรยาของผม
เพราะว่าโปรเจคGK ท่านประธานบริษัทKที่ฝรั่งเศสมาเยือนที่เมืองAโดยเฉพาะ เพิ่งจะมาถึง ตอนนั้นก็ได้จัดเตรียมงานเลี้ยงธุรกิจที่สุดอลังการตอนกลางคืนทันที
ภายนอกดูเหมือนจะเป็นงานเลี้ยงตอนกลางคืนเท่านั้น จริงๆ แล้วก็คือต้องการเลือกหนึ่งในบริษัทที่ถูกรับเชิญเหล่านี้ที่มีความสามารถและเหมาะสม เพื่อที่จะเริ่มพูดคุยการร่วมงานกันในโปรเจคGK
ท่านประธานบริษัทKเป็นคนจีน มีส่วนสูงร้อยเก้าสิบกว่า เขาไว้ผมสั้นที่เป็นสีบรอนซ์ออกเหลือง ท่าทางตามฉบับลูกครึ่ง และทั้งตัวอยู่ในชุดสูทสีดำ ดูยังหนุ่มยังแน่นและหล่อเหลา อีกทั้งยังดูมีเสน่ห์กว่าใคร ตอนยืนอยู่ตรงนั้นก็เหมือนดั่งทิวทัศน์สำคัญจุดหนึ่งที่ดูงดงาม
และผู้ชายที่โดดเด่นขนาดนี้ ทันทีทันใดที่ลี่เฉินซีมาถึง พอเอามาเปรียบเทียบกันแล้ว กลับถูกบดบัง
ลี่เฉินซีที่สวมใส่ชุดสูทสีน้ำเงิน ทั้งเรือนร่างดูสะอาดสะอ้าน ชุดที่ได้ผ่านการรีดไม่มีรอยยับแม้แต่นิดเดียว ใบหน้าอันหล่อเหลาที่เคล้าด้วยความเป็นสุภาพบุรุษและนัยน์ตาคู่สีดำสนิท ทุกการเคลื่อนไหว ทำให้หัวใจของผู้หญิงมากมายจนนับไม่ถ้วนต่างก็ถูกลายล้อมไปด้วยการเพ้อฝัน
ซูย้าวเป็นภรรยา ก็ต้องออกงานเลี้ยงตอนกลางคืนครั้งนี้กับลี่เฉินซีอยู่แล้ว เธอแค่ไปเป็นเพื่อน แล้วนั่งอยู่ข้างเขาอย่างเงียบๆ และสถานะความมีตัวตนนั้นต่ำมาก
ต่อให้เป็นแบบนี้ กลับยังคงดึงดูดผู้ชายที่อยู่ข้างๆ
ชายร่างสูงใหญ่เดินเข้ามา ขณะเดียวกันนั้นก็ได้พูดคุยกับลี่เฉินซี แล้วใช้ภาษาอังกฤษถาม “คุณผู้หญิงท่านนี้คือ…….”
ลี่เฉินซีมองไปตามทิศทางที่ผู้ชายมองไป ก็เห็นซูย้าวที่อยู่ข้างๆ จากนั้นจึงแนะนำขึ้น “ภรรยาของผม ซูย้าวครับ”
“ซูย้าว ชื่อน่าฟังมากครับ” ผู้ชายสังเกตมองเธอ แล้วคลายยิ้มที่อ่อนโยนออกมา จากนั้นก็ยื่นมือไปให้เธอ
เธอจึงจับมือกับผู้ชายอย่างง่ายดาย และก็คลายยิ้มอ่อนๆ เพื่อแสดงความเป็นมิตร
“คุณซูครับ ผมชื่อไซม่อนเบลล์ ชื่อภาษาจีนเรียกว่าเจี่ยนซิวครับ” ผู้ชายเอ่ยพูด คือท่านประธานบริษัทKที่ฝรั่งเศส และก็คือผู้ที่มีความสามารถอันที่แข็งแกร่ง
เธอคลายยิ้มบางๆ แล้วคลายยิ้มที่มีลักยิ้มเผยออกมาบางๆ ทำให้คนรู้สึกลุ่มหลงอย่างมาก
ไซม่อนรู้สึกเบื่อเล็กน้อย แล้วยังอยากจะพูดคุยกับเธอต่อ กลับถูกลี่เฉินซีขัดขวาง เธอแค่อธิบายขึ้น “ภรรยาของผมไม่ช่างคุย ขอโทษด้วยนะครับ! ”
“อ่อ แบบนี้เอง……” ไซม่อนพยักหน้า ทว่าดูออก ในส่วนลึกของสายตาดูหม่นหมองเล็กน้อย
โปรเจคGK ซูย้าวเป็นคนทำขึ้นกับมือ ก่อนอื่นไซม่อนสนใจในโปรเจคนี้ก่อน และก็ได้ติดต่อเธอเป็นคนแรก แน่นอนว่าเป็นการติดต่อทางอินเทอร์เน็ต นามแฝงของเธอก็คือSมาโดยตลอด
เธอมีฝืมือที่เป็นแฮกเกอร์ ทำให้ซูย้าวสามารถซ่อนทุกอย่างบนอินเทอร์เน็ตโดยไม่มีใครรู้ และสามารถสอดแนมและทำความเข้าใจข้อมูลทางธุรกิจทุกประเภท นี่เป็นวิธีการที่เคยชินของเธอในฐานะผู้ที่ทำการค้าขายมานานแล้ว
ดังนั้น ซูย้าวจึงรู้จักไซม่อนเป็นอย่างมาก และน่าแปลกใจ ถึงแม้ไซม่อนจะไม่รู้ว่าซูย้าวเป็นคุณSสุดลึกลับคนนั้น ทว่าพอเห็นเธอปุ๊บ กลับมีความรู้สึก……น่าเสียดายที่รู้จักกันสายเกินไป และรู้สึกเหมือนจะคุ้นเคยมาก แล้วก็รู้สึกแปลกหน้าเล็กน้อย
โชคดีที่ในความเป็นจริงแล้ว เธอคือใบ้ ไม่สามารถพูดได้ แน่นอนว่าจึงไม่มีทางเผยพิรุธออกมาอยู่แล้ว
ลี่เฉินซีมองออกถึงสายตาอันซับซ้อนของไซม่อน ทันใดนั้นจึงทำนัยน์ตาที่เย็นชา ถึงแม้จะไม่พูดอะไร ทว่าก็เปลี่ยนเป็นพูดหัวข้ออื่นแทน
ซูย้าวก็ถือโอกาสหลบเลี่ยงผู้คน แล้วก็เอาแชมเปญกับพนักงานบริการหนึ่งแก้วตามลำพัง จากนั้นก็เดินไปทางอื่น
“ซูย้าว! ”
เสียงแหลมของผู้หญิงส่งเข้ามาในแก้วหูทันที เธอจึงหยุดชะงักไปฝีเท้าลง
ซูหยวนเดินมาจากที่ไกลๆ ใบหน้าเคล้าด้วยความโมโห ยิ่งไปกว่านี้ก็คือท่าทางที่โอหังอวดดี เดินมาก็ไม่ได้พูดอะไร แค่จับข้อมือของซูย้าวเอาไว้ จากนั้นก็ใช้แรงลากไปตรงมุม
ตรงมุมที่มีคนน้อยที่จะสังเกตเห็น เธอจึงจะหยุดฝีเท้าลง แล้วสะบัดมือของซูย้าวออก ทว่าตอนที่ปล่อยมือ เล็บอันแหลมคมของเธอ ไปขูดโดนแขนของซูย้าวเป็นแผลเส้นยาวๆ จนมีเลือดแดงสดไหลออกมา
เธอเจ็บจนต้องขมวดคิ้ว แล้วเหลือบตามองซูหยวนด้วยความไม่พอใจ
“ไอ้นี่มันต่ำทรามจริงๆ เรื่องของประธานจางในครั้งที่แล้ว แกไปทำอีท่าไหนกันแน่! ”
ถ้าซูหยวนไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ยังดี ทว่าจู่ๆ พอพูดถึงมัน ความรู้สึกโมโหที่อยู่ในส่วนลึกของหัวใจของซูย้าว ก็ร้องคำรามขึ้นมาทันที
เธอจึงรีบใช้ภาษามือโถ้เถียงกลับ “ฉันยังอยากถามเธอ! เธอกลับหลอกฉัน! ”
“หลอกแก? ” ซูหยวนได้ยินจึงรู้สึกตลกมาก สองมือกอดอกไว้ แล้วพูดและยิ้มด้วยความเย็นชา “โกหกแกทำไม? ฉันก็แค่ทำหวังดีกับแก! ”
พอนิ่งงันไป เธอก็พูดขึ้นต่อ “แกนึกว่าลี่เฉินซีจะอยู่กับแกตลอดชีวิตหรือไง? พอเถอะ! แกมันไอ้บ้าคนหนึ่ง จะเหมาะสมกับพี่เฉินซีได้ยังไง? ยังไงเขาก็จะหย่ากับแกไม่ช้าก็นาน! ถึงเวลาแกจะทำยังไง? ”
ซหยวนมองเธอ นัยน์ตาเคล้าด้วยความดูหมิ่นและเหยียดหยาม ขณะเดียวกันก็ยื่นมือไปจับไหล่ของซูย้าว “แกลองดูตัวแกเอง คนที่เคยแต่งงาน แล้วยังเคยหย่า มีลูก ก็ไม่ได้เป็นสาวบริสุทธิ์อะไรตั้งนานแล้ว แล้วยังเป็นใบ้อีก แม้แต่ปัญญาในการหาเงินยังไม่มี แกนึกถึงวันข้างหน้ายังมีคนจะเอาแกอีกไหม? ”
“……”
ซูย้าวนิ่งงันไป
ร่างกายถูกเธอจับจนถอยไปด้านหลังไม่หยุด และอีกไม่กี่ก้าวก็จะถอยไปชิดฝาผนังแล้ว แล้วก็ไม่มีทางที่จะถอยอีก ภายในใจลึกๆ ของซูย้าวกำลังแสยะยิ้มอย่างเย็นชา ในสายตาของซูหยวน เธอเป็นแบบนี้หรอ? พูดซะเธอไม่มีคุณค่าเลยสักนิด!
“วันข้างหน้าไม่มีใครเอาแล้ว แกจะทำยังไง? ยังอยากจะให้ตระกูลซูเลี้ยงแกไปตลอดชีวิตหรือไง? ฝันไปเถอะ! ถึงแม้ประธานจะอายุเยอะไปหน่อย ทว่าก็ถือว่ายังชอบแกอยู่ แล้วยังถือว่ามีเยื่อใยกับแก แกอยู่กับเขา ยังไงก็ไม่เสียเปรียบอยู่แล้ว กลัวอะไรอีก? ”
พูดถึงขั้นนี้ ซูหยวนก็นึกถึงสิ่งที่ประธานจางทำกับตัวเอง ไฟแห่งความโมโหจึงลุกขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็ใช้นัยน์ตาที่โมโหจ้องหน้าซูย้าวไว้ “แกมันนางผู้หญิงชั้นต่ำที่เสเพล ผู้ชายที่ดีขนาดนั้นอย่างประธานจางแกไม่เอา กลับมาสร้างปัญหาให้ฉัน แก…….”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเสียงๆ หนึ่งมาขัดจังหวะ……
“หยวนหยวน! ”
ซัวฉ่ายลี่ปรากฏตัวที่นี่อย่างน่าแปลก แล้วยังขัดขวางลูกสาว จากนั้นก็เดินไปแล้วค่อยพูดขึ้น “หยวนหยวน ทำไมแกถึงรังแกย้าวย้าวอีกแล้วล่ะ? เธอเป็นน้องสาวของแกนะ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องยอมเธอหน่อย! ”
พอเอ่ยพูดไม่กี่คำ ก็เกือบจะทำให้ซูย้าวเกือบจะล้มล้างมุมมองต่อสามของซูย้าว
ซัวฉ่ายลี่ ‘เอ็นดู’ ตนเองแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เธอไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม!
ซูหยวนก็คาดคิดไม่ถึง จึงพึมพำด้วยเสียงเย็นชา “แม่ เป็นคือแม่แท้ๆ ของใครกันแน่? ”
ซัวฉ่านลี่กลับพูดขึ้น “พอเถอะ ทั้งสองพี่น้องเลิกทะเลาะกันได้แล้ว แม่หาย้าวย้าวเพราะมีธุระหน่อย แกไปเล่นที่อื่นก่อนเถอะ! ”
ซูหยวนถือว่ารู้จักมารยาท ทีแรกก็มีธุระเหมือนกัน จึงได้พยักหน้าแล้วจากไป
จากนั้น ซัวฉ่านลี่ก็ยังทำท่าทีที่เหมือนคนดี จากนั้นก็ดึงซูย้าวไปนั่งลงตรงเก้าอี้แล้วพูดขึ้น “เมื่อกี้หยวนหยวนเองที่ไม่ดี ยัยเด็กอย่างเธอ ตั้งแต่เด็กเธอก็มีนิสัยแบบนี้ หนูก็รู้ ก็อย่าถือสาเธอเลย ได้ไหม? ”
ซูย้าวมองเธอด้วยความเย็นชา นัยน์ตาคู่นั้นดูนิ่งเฉย
สำหรับผู้หญิงที่วางยาพิษให้กับพ่อแท้ๆ ของตนเอง แล้วยังเป็นคนที่วางยาทำให้ตนเองเป็นใบ้ เธอก็ได้ไร้เยื่อใยกับเธอไปตั้งนานแล้ว
ถัาไม่ใช่ซัวฉ่ายลี่ควบคุมอานโล๋มาหลายปี แล้วใช้แม่ของเธอมาเป็นข้อต่อรองและข้อบีบบังคับ ซูย้าวก็คงจะหลุดพ้นจากที่การควบคุมของเธอ!
เธอมองซัวฉ่ายลี่ แล้วใช้มือสื่อสาร “น้าซัว มีธุระอะไรกับฉัน? ”
“จริงๆ แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ย้าวย้าว แต่ก่อนน้าไม่ดีเอง โทษที่น้าเป็นคนขี้น้อยอกน้อยใจ เลยไม่ดีกับหนู ตอนนี้น้ารู้ว่าตัวเองผิดไปแล้ว แล้วก็รู้สึกเสียใจ หนูอภัยให้น้าได้ไหม? ”
ซัวฉ่ายลี่ใช้ไม้อ่อน แล้วดึงมือของซูย้าวไว้ แทบเหมือนคนที่พูดจากใจจริง ถ้าใครที่ไม่รู้ ก็คงจะนึกว่าผู้หญิงคนนี้จะมีวันที่รู้สึกเสียใจ
ทว่าต่อให้พูดเยอะขนาดไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงท่าทีในจิตใจของซูย้าวที่มีต่อเธอ เธอยังคงทำสีหน้าที่เย็นชา ทำใช้มือสื่อสารภาษา “มีเรื่องอะไรกันแน่ พูดมาเถอะ! “