เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 79
บทที่ 79 ต้องรักษาเธอให้หาย
‘ใครเป็นคนวางยาพิษจนคุณเป็นใบ้? ‘
คำพูดที่นิ่งเฉยเพียงไม่กี่คำ ทันใดที่ออกจากปากของหลินโม่ป่าย ซูย้าวก็นิ่งงันไปทันที
เหมือนกระแสเลือดทั้งตัวของเธอหยุดไหลเวียนไปทันที ข้อต่อทุกส่วนของร่างกายขึ้นสนิม ฝีเท้าหยุดชะงักอยู่กับที่ สมองเต็มไปด้วยความว่างเปล่าทันที
“บอกผมมา ผมจะรู้ความจริงทั้งหมด! ” หลินโม่ป่ายพูดขึ้นอีกครั้ง สีหน้าดูหนักแน่นและแน่วแน่
แม้กระทั่งยังบอกว่า “หรือว่าแม้แต่ผมคุณยังไม่เชื่อใจ? ซูย้าว ผมไม่มีทางทำร้ายคุณ! คุณบอกความจริงผมว่า ผมจะได้ช่วยคุณ! ”
ซูย้าวหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด สองมือที่ข้างๆ ก็ค่อยๆ กำขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
เธอเชื่อหลินโม่ป่าย นี่เป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว
อีกอย่างไม่ต้องพูดถึงอะไร ความชอบและความรักที่เขามีต่อเธอ แค่ความรู้สึกนี้ที่มีตั้งแต่เด็กจนโต ซูย้าวต้องเชื่อเขาแน่นอน
แค่ว่าเวลานี้ คนที่ยิ่งเชื่อใจ ก็ยิ่งอยากจะปกป้อง
อีกอย่างเรื่องนี้ มันเกี่ยวข้องกับทุกอย่างของบริษัทตระกูลซู เธอไม่มีทางทำอะไรขึ้นเรื่อยเปื่อยเด็ดขาด
ตอนที่เธอลืมตาขึ้น นัยน์ตาที่เคล้าด้วยความมัวหมองก็หายไปจนหมด และกลับเข้าสู่นัยน์ตาที่ดูแวววับและสดใส แม้กระทั่งมุมปากยังกระตุกยิ้มอ่อนๆ ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ซูโย้วใช้ภาษามือสื่อสาร “โม่ป่าย อย่าถามอีกเลย มันก็ผ่านไปแล้ว! ฉันไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ ”
“ซูย้าว คุณ……”
หลินโม่ป่ายสุดคำบรรยาย แล้วจับจ้องไปยังนัยน์ตาของเธอ จากนั้นก็หดม่านตาในเล็กลง ทำให้ให้ความรู้สึกที่เปรี้ยวปราดที่เต็มเปี่ยมในใจลึกๆ เขาถอนหายใจด้วยความทุกข์ใจ
“คุณกำลังบดบังใครอยู่กันแน่? ซูหยวนหรอ? ” หลินโม่ป่ายก็เดาและถามด้วยไปด้วย
เธอส่ายหัว แค่ใช้ภาษามือพูดขึ้น “ถึงแม้ซูหยวนจะโอหังอวดดี และไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉัน ทว่าเธอไม่ได้เป็นคนมีความคิดที่เลวทราม ไม่ใช่คนเลวอะไร ไม่ต้องสงสัยเธอหรอก”
ไม่ว่ายังไง ซูหยวนก็คือพี่น้องที่ต่างแม่ของเธอ ต่อให้หลายปีมานี้ รวมไปถึงก่อนหน้านี้ ซูหยวนเคยวางแผนทำร้ายเธอ ทว่าซูหยวนยังคงยอมไม่เจ้าเคียดเจ้าแค้น เพื่อที่จะลบล้างความแค้นระหว่างพี่น้องที่เคยมีต่อกัน
หลินโม่ป่ายพูด “แล้วเป็นใคร? หรือว่าจะเป็น……”
เขาลากเสียงยาว เหมือนจะเดาออกอะไรบางอย่าง แค่ไม่กล้าแน่ใจ
เพราะว่าถ้าการคาดเดาของเขาเป็นจริง งั้นสิ่งที่ซุกซ่อนไว้ ต้องเป็นวางแผนร้ายที่อันน่าตกใจแน่นอน!
พอมองนัยน์ตาของเธอ นอกจากเจ็บปวดใจแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกรักใคร่และเอ็นดู หลินโม่ป่ายจึงได้กางแขนทั้งสองแขน แล้วดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอด “คุณไม่ยอมบอกผม ผมก็ไม่ถามแล้ว แต่ย้าวย้าว คอของคุณต้องรักษา ต้องทำให้เสียงกลับมาเป็นปกติ ดีไหม? ”
ซูย้าวครุ่นคิด ในสมองของเธอจึงนึกย้อนถึงคำพูดที่อานโล๋เคยพูด อีกอย่างโปรเจคGKก็เริ่มขึ้นแล้ว อยากจะช่วยแม่กลับมาก็เหมือนจะเป็นเรื่องที่ใกล้แค่เอื้อม แค่แม่สามารถกลับมาอยู่ข้างกายเธอ ซูย้าวก็ไม่มีอะไรต้องคอยกังวลอีก หลังจากที่แก้แค้นสองสามีภรรยาซัวฉ่ายลี่ ก็พอแล้ว
พอนึกถึงแบบนี้ เธอก็ก้มหน้าลง แล้วสื่อสารด้วยภาษามือ “ได้ ฉันจะไปรักษา”
“มีเรื่องอะไรก็ต้องบอกผมนะ ผมไม่ถามเหตุผลคุณก็ได้ แต่ว่าตอนที่ต้องการ ต้องติดต่อผม! ” นี่เป็นจุดสุดท้ายที่เขาสามารถยอมรับได้
ผู้หญิงคนนี้ ภายนอกมีจุดเด่นที่เป็นผู้หญิงในแบบของเมืองเจียงหนาน มีความอ่อนโยน และเปราะบางจนเกินท้องลม กลับยากที่จะจินตนาการ ภายใต้ภายนอกที่ดูอ่อนโยน กลับซ่อนหัวใจที่เข้มแข็งกว่าหินอันแข็งแกร่ง
ยากที่จะจินตนาการ หลายปีมานี้ เธอกลับต้องเจอกับอะไรมาบ้าง
หลินโม่ป่ายขับรถออกจากบ้านตระกูลลี่ ตรงทางโค้ง มีรถโรลส์-รอยซ์ แฟนทอมสีดำหนึ่งคันจอดอยู่ข้างถนน เขามองไปยังผิวเผิน ก็รู้สึกว่ารถคันนั้นค่อนข้างคุ้นตา
ทว่าระหว่างที่ขับรถไป ก็ได้ขับด้วยความเร็วสูง พอแวบผ่านก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ทว่ากลับไม่รู้ว่าผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาที่กำลังทำสีหน้าที่หม่นหมองแล้วนั่งอยู่เบาะหลังของรถโรลส์-รอยซ์ แฟนทอม เรือนร่างของดูสง่าผ่าเผย ไม่มีรอยยับของเสื้อผ้าแม้แต่นิดเดียว สายตาอันโหดเหี้ยม กำลังมองไปที่คฤหาสน์
ผ่านไปสักพัก ก็เอามือถือโทรออก
“โอวหยาง รักษาเธอต่อ ฉันไม่สนใจว่าแกจะใช้วิธีอะไร ต้องรักษาเธอให้หาย! ”
หลังจากวางสาย ลี่เฉินซีก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ นัยน์ตาดูลุ่มลึก ความหม่นหมองในนัยน์ตายังยากที่จะหายไป คิ้วอันดูดีขมวดขึ้นเล็กน้อย ท้ายที่สุดเธอก็อยากจะรักษาสักที ใช่ไหม?
ในสมองมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นไม่หยุด หลายปีผ่านไป มันยังคงอยู่ในใจ แล้วยากที่จะลบเลือน
“คือว่า หนู……หนูสามารถเรียกคุณว่าพี่ซีได้ไหมคะ? ”
ตอนนั้นเธออายุห้าขวบ แล้วตามหลังเขาด้วยความระมัดระวังตัว แก้มของเธอแดงเหมือนแอบเปิ้ลน้อย เธอทั้งตื่นเต้นและอยู่ไม่เป็นสุข สุดท้ายถึงจะพูดคำนี้ออกมา
ทางฝั่งคฤหาสน์ ตอนที่ซูย้าวจากไป เธอก็ไม่มีกระจิตกระใจทำงานต่อ
เธอแค่คิดจะลองรักษาคอดู ดูว่าจะสามารถทำให้เสียงกลับมาเป็นปกติได้ไหม ไม่ได้อยากจะรีบเปิดโปงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมื่อก่อน
นี่ยังไม่ถึงเวลา
อย่างน้อย เธอยังมีหลักฐานและความมั่นใจไม่พอ อีกอย่างความปลอดภัยของแม่ ก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง
เรื่องมากมาย กำลังวนเวียนอยู่ในใจ ทำให้เธอรู้สึกใจไม่นิ่งโดยทันที
มือถือกลับดังขึ้นในเวลานี้
จึงมีข้อความวีแชทส่งมาหนึ่งข้อความ เพ้ยส้าวหลี่เป็นคนส่งมา
“เราเจอกันหน่อย! คุยเรื่องของS”
พอเห็นข้อความนั้น ซูย้าวก็จับมือถือไว้แน่นๆ และจับแน่นเป็นหลายเท่า
เพ้ยส้าวหลี่กลับรู้ว่าเธอคือS แผนในใจและเล่ห์เหลี่ยมผู้ชายคนนี้ ดั่งที่คาด เธอไม่สามารถประมาทได้!
โรงน้ำชาหย่วนซื่อที่อยู่ตรงใจกลางเมือง เพ้ยส้าวหลี่เหมาร้าน ดังนั้นทั้งบ่าย ในนี้ที่ไม่มีแขกสักคน นอกจากซูย้าว
ตอนที่เธอไปถึง พนักงานบริการก็พาเธอขึ้นไปชั้นบนทีเดียว ตรงที่นั่งทางนี้ มีกลิ่นอันหอมกรุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วทิศ ผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลากำลังเอนลำตัวนางอยู่ตรงข้าม เขาสวมใส่ชุดลำลอง ทำให้ความเย็นชาที่มีในปกติหายไปมาก เขาที่แต่งกายแบบนี้ทำให้ดูขี้เกียจเนื่องด้วยมีเวลาว่างเว้น
ทว่าความทรงอำนาจและความน่าเกรงขามที่ฝังลึกอยู่ในสายเลือด ยังคงทำให้เห็นอย่างง่ายดาย โดยเฉพาะนัยน์ตาที่ลุ่มลึกนั้น มีความสับสนซ่อนอยู่ ทำให้ดูอันตราย ซูย้าวสังเกตเห็นอย่างชัดเจน
พอนั่งลง เขาก็รินน้ำชาให้เธอก่อน ชาหอยทากมรกตฤดูใบไม้ผลิตามฤดูกาลทำให้ได้กลิ่นอ่อนๆ อันสดชื่น กลิ่นหอมติดจมูกนั้น ทำให้ยากที่จะลืมเลือน
เพ้ยส้าวหลี่มองเธอ ในสายตาเคล้าด้วยความคลุมเครือ แม้กระทั่งน้ำเสียงที่เอ่ยพูด ทำให้เต็มไปด้วยความดูหมิ่น “ซูย้าว ไม่เจอกันตั้งนาน! คิดถึงผมหรือยัง? ”
“…….”
ซูย้าวกลับไม่ได้ให้สีหน้าที่ดีกับเขา แค่ใช้มือสื่อสารโดยตรง “มีเรื่องอะไร? ก็พูดมาตามตรงเถอะ! ”
“ขอถามหน่อยครับ คุณมาพูดคำๆ นี้ที่นี่ในฐานะอะไรครับ? ” เพ้ยส้าวหลี่ถามกลับ แล้วกระตุกมุมปากพลางพูดขึ้นต่อ แล้วพูดเสริมขึ้น “คือซูย้าว? หรือว่าคุณS? ”
ซูย้าวหลับตาอย่างจนปัญญา ถึงแม้ยังไม่แน่ใจว่าเขารู้ได้ยังไง ทว่าสามารถมั่นใจในจุดๆ หนึ่ง เพ้ยส้าวหลี่ต้องรู้ว่าSก็คือเธอแน่นอน
พอเห็นสีหน้าของเธอ เพ้ยส้าวหลี่กลับกระตุกยิ้มอันนิ่งเฉยอย่างร่าเริง “ไม่ต้องกังวล ผมไม่บอกออกไปหรอก ยังไง ผมจะเก็บความลับแทนคุณเอง จนกว่าคุณอยากจะเปิดเผย”
ซูย้าวนิ่งงัน แล้วเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับถามด้วยภาษามือ “ทำไม? ”
“ง่ายมาก ผมอยากจะได้โปรเจคGK” เพ้ยส้าวหลี่พูดตามตรง
เธอจึงคลายยิ้มขึ้น แล้วยิ้มเหมือนยกภูเขาออกจากอก กลับไม่พูดอะไรใดๆ
เพ้ยส้าวหลี่พูดขึ้น “คุณคิดว่า บริษัทตระกูลเพ้ยของเราจะมีสิทธิ์ชนะไหม? ”
ซูย้าวยังคงมองเขา นัยน์ตาเคล้าด้วยความงงงวยไม่เข้าใจ แล้วใช้ภาษามือสื่อสาร “ไม่รู้สิ! ”
ถึงแม้ปากยังไม่ตอบอะไร ทว่าภายในใจกลับรู้ดี โปรเจคGK เป็นโปรเจคที่ทำตามคุณสมบัติต่างๆ ที่ลี่เฉินซีและบริษัทตระกูลลี่มี บริษัทตระกูลเพ้ยอยากได้ จะเป็นไปได้หรอ?