เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 611 เกิดเรื่องอีกแล้ว
ซีซีป่วยแล้วจริงๆ
ไม่ใช่แค่ปวดท้องแต่ยังมีไข้อ่อนๆ เธอต้องกินยาและพักผ่อนให้ตรงเวลา ลี่เฉินซีอุ้มลูกสาวกลับไปที่ห้องก่อน
ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเกลี้ยกล่อมให้ซีซีนอนหลับ เมื่อเขาลุกขึ้นกำลังจะเดินออกไป เขายังได้ยินเสียงลูกสาวพึมพำเรียก’แม่’
ทันใดนั้นสายตาของเขาก็มืดมนลงทันที หันหลังกลับไปจับแก้มของลูกสาวทั้งๆที่ยังปวดท้อง ห่มผ้าให้เธออีกครั้งแล้วพูดออกมาเบาๆอย่างแหบแห้ง “พ่อสัญญาว่าอีกไม่นานพ่อจะพาแม่กลับมา”
เดินออกมาจากห้องของลูกสาว บนทางเดิน เขาเห็นลูกชายสองคนที่เหลือ ทั้งคนเล็กและคนโตพากันยืนอยู่ตรงผนัง ท่าทางและสีหน้าก็เหมือนๆกัน สมควรแล้วที่เป็นพี่น้องกันจริงๆ
เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอีกครั้ง เดินไปที่ห้องหนังสือ เมื่อเดินผ่านลูกชายสองคน เขาก็พูดขึ้นมาว่า “ตามพ่อมา”
ในห้องหนังสือ ท่ามกลางบรรยากาศที่อึดอัด สามคนพ่อลูกยืนมองหน้ากัน
ลี่เจิ้งเป็นเด็กรู้ความ เขายืนอยู่ข้างโต๊ะหนังสือด้วยความเคารพ แต่ลี่หมิงยังเด็กอยู่ เขามักจะเป็นแบบนี้ มักจะทำตามพี่ชายเสมอ เขาก็ยืนอยู่ข้างๆอย่างรู้ความ
ลี่เฉินซีมองดูลูกชายคนเล็กคนโตทั้งสองคน ถึงแม้ว่าจะโมโหแค่ไหนแต่เขาก็โมโหไม่ลง ใบหน้าอันหล่อเหลาที่มืดมนก็ค่อยๆเย็นชา และสุดท้ายความโมโหของเขาก็หายไป
เขายืนอยู่ข้างๆเก้าอี้หนังเงียบๆ พึมพำอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็พูดว่า “พ่อรู้ว่าพวกหนูเป็นเด็กฉลาด”
ไอคิวสูง นี่คือพันธุกรรมดีเอ็นเอที่ยอดเยี่ยมของตระกูลลี่
ถึงแม้ว่าเด็กสองคนนี้จะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็เคยได้ยินคุณครูที่โรงเรียนและคุณครูสอนพิเศษที่บ้านบอก เด็กสองคนนี้ฉลาดเกินไป เนื้อหาในหนังสือเรียนของโรงเรียน พวกเขาเข้าใจหมดแล้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนก็แนะนำเขาตั้งหลายครั้ง บอกให้เด็กสองคนนี้ข้ามชั้น แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธทุกครั้ง
“ฉลาดเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเย่อหยิ่ง” เขายกมือขึ้นมาเกาที่คิ้ว คิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องพวกนี้กับพวกเขาตอนนี้
ทุกครั้งที่เขาพูดคุยกับลูกชายอย่างจริงจัง เขาก็มักจะอดคิดไม่ได้ว่าลูกๆก็ไม่ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเจิ้งเอ๋อหรือว่าหมิงเอ๋อ อายุยังน้อยก็ต้องพลัดพรากจากแม่ ผู้ชายอย่างเขา ต่อให้เขาพยายามแค่ไหน แต่มันก็คงไม่ละเอียดอ่อนเหมือนแม่
ดังนั้น เขาจึงใจร้ายไม่ลง
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็พูดแค่ว่า “พวกหนูยังเด็ก พ่อหวังว่าพวกหนูจะสนุกกับเรื่องที่ควรทำในวัยนี้ เหมือนกับเด็กๆทั่วไป ไม่ต้องอยากโตเป็นผู้ใหญ่เร็วๆ”
ในการรับรู้ของเด็กๆ พวกเขามักจะอยากเติบโตในชั่วข้ามคืน กลายเป็นผู้ใหญ่ในชั่วข้ามคืน
แต่เมื่อพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ พวกเขาถึงได้รู้ว่า ช่วงเวลาในวัยเด็กนั้นสวยงามแค่ไหน
เขาพูดแบบนี้แล้วมองไปที่ลูกชายสองคนอีกครั้ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะยกมือกวัก “มานี่สิ”
เจิ้งเอ๋อกับหมิงเอ๋อก็พากันเดินเข้ามาหาเขา ลี่เฉินซีมองดูลูกชายสองคนแล้วยิ้ม “วันนี้ไม่ไปโรงเรียนก็ได้ แต่ต่อไปจะทำแบบนี้อีกไม่ได้นะ ถึงแม้ว่าพวกหนูจะเข้าใจเนื้อหาในหนังสือเรียนอยู่แล้ว แต่ก็ต้องไปโรงเรียน ไปฟังคุณครูสอน ไปเล่นกับเพื่อนๆ ค่อยๆเติบโตตามขึ้นตอน เมื่อพวกหนูโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ ยังมีเรื่องมากมายที่พวกหนูต้องเผชิญหน้ากับมัน ต้องจัดการมัน จะรีบร้อนไม่ได้”
เด็กทั้งสองคนฟังที่เขาพูดและพยักหน้าอย่างรู้ความ “เข้าใจแล้วครับ”
หมิงเอ๋อจับแขนของเขา มุดหน้าเข้าไปที่เสื้อเชิ้ตของเขา “คุณพ่อ อย่าโกรธพวกผมนะครับ”
ลี่เฉินซีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “พ่อไม่ได้โกรธ!”
เขาลูบหัวเล็กๆของลูกชาย “เด็กดี เย็นนี้อยากกินอะไร?”
“วันนี้คุณพ่ออยู่บ้าน ผมอยากกินบาร์บีคิว!” ทันใดนั้นลี่หมิงก็เสนอขึ้นมา
ลี่เฉินซีพยักหน้า “โอเค งั้นก็ลงไปข้างล่างบอกให้ลุงเฉินเตรียมของ!”
ลี่หมิงตอบรับอย่างดีใจ หันหลังและวิ่งออกไปทันที
เมื่อเขากับลูกชายคนโตอยู่ด้วยกัน ลี่เฉินซีก็ค่อยๆลืมตาขึ้น มองดูเด็กที่กำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่ตรงหน้า ในความทรงจำของเขา เขายังคงเป็นเด็กน้อยที่ตัวเองอุ้มอยู่ในอ้อมแขนกัดเนคไทตัวเองเล่นอยู่เสมอ เวลา ช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ
“เจิ้งเอ๋อ” เขาค่อยๆพูดออกมา สายตามืดมนลงเล็กน้อย “หนูมักจะชอบดุ แต่ที่จริงแล้วหนูก็เป็นห่วงเธอไม่ใช่เหรอ?”
ไม่อย่างนั้น เหมือนกับวันนี้ ซีซีไม่สบาย ในขณะที่มีลี่หมิงอยู่เป็นเพื่อนอยู่แล้ว ทำไมเขาถึงหาข้ออ้างไม่ไปโรงเรียน?
เหมือนกับว่าลี่เจิ้งจะถูกจับได้ แก้มเล็กๆที่น่ารักของเขาก็เขินอายขึ้นมา จากนั้นเขาก็หลบสายตา
ลี่เฉินซีมองดูเขาแล้วยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ในเมื่อหนูเป็นห่วงและแคร์เธอ หนูก็เลิกทำหน้าบึ้งใส่น้องๆได้แล้ว!”
เดิมทีเขาก็เป็นพี่ชายคนโต เพราะอายุที่ห่างกัน เด็กทั้งสองคนก็กลัวเขาอยู่แล้ว แล้วเขายังชอบทำหน้าบึ้ง ไม่แปลกใจที่ซีซีมักจะบอกว่าพี่ชายดุ
ลี่เจิ้งกระแอมและพูดเบาๆว่า “ผมรู้ แต่……”
เขายืดเสียงยาว ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา “คุณแม่……”
ลี่เฉินซีไม่ปล่อยให้เขาพูดต่อ เขาลุกขึ้นยืนลูบหัวของลูกชาย “เรื่องของคุณแม่ หนูไม่ต้องกังวล อีกไม่นานเดี๋ยวคุณแม่ก็กลับมา”
สายตาของลี่เจิ้งเป็นประกาย เขาถามกลับด้วยความตกใจ “จริงเหรอครับ?”
“พ่อเคยโกหกหนูด้วยเหรอ?” ลี่เฉินซีถามกลับด้วยรอยยิ้มที่สดใสและสง่างาม
ในที่สุดลูกก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ใบหน้าเล็กๆสีขาวก็มีรอยยิ้มขึ้นมา จากนั้นเขาก็พูดว่า “คุณพ่อครับ คุณพ่อพึ่งกลับมา พักผ่อนก่อนเถอะครับ!ผมจะลงไปดูน้องข้างล่าง”
ลี่เฉินซีพยักหน้าและมองดูลูกชายเดินออกไป จากนั้นเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้หนังคนเดียวอีกครั้ง สายตาของเขามืดมน ผ่านไปพักหนึ่ง รอยยิ้มอันแผ่วบางก็โผล่ขึ้นมาที่มุมปากอันหล่อเหลาของเขา เขาเงยหน้าขึ้นและหลับตาลง ยกนิ้วขึ้นเกาที่คิ้วเบาๆ
ตอนเย็น บาร์บีคิวกลางแจ้งที่สวนหลังบ้าน ทุกคนกำลังสนุกสนาน
ลี่เฉินซีมองดูเด็กๆที่กำลังเล่นกันอยู่ ใบหน้าอันหล่อเหลาที่เย็นชาอยู่ตลอดของเขาก็มีรอยยิ้มขึ้นมา แต่รอยยิ้มนั้นอยู่ได้ไม่นาน มันหายไปพร้อมกับสายเรียกเข้าของโทรศัพท์
วนโทรศัพท์ เสียงที่กระวนกระวายของหวางอี้ กระวนกระวายจนจินตนาการได้ “ประธานลี่ ที่กู่อานเกิดเรื่องแล้ว ผมไม่ได้เป็นคนจัดการเรื่องนี้ เรื่องที่คุณมอบหมายให้ผมไปทำ ผมยังไม่มีเวลาจัดการเลย!”
“เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายที่นั่นก่อเรื่องแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีคนตาย ตำรวจเข้าไปแทรกแซงแล้ว ข่าวก็ล้วนแต่เป็นเรื่องนี้ คุณลองดูทีวี……”
หวางอี้ถูกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้สับสนไปหมดแล้วจริงๆ
ก่อนหน้านี้ การเคลื่อนย้ายเขตเมืองถนนกู่อานมีปัญหามากมาย ถึงแม้ว่าสื่อจะไม่ได้เข้ามาสัมภาษณ์ แต่มันก็แย่มาก ทำให้ผู้คนต่างพากันไม่พอใจ
แต่เมื่อคืนนั้น จู่ๆที่นั่นก็มีคนตาย และเมื่อตำรวจเข้ามาแทรกแซง ความหมายของเรื่องราวทั้งหมดมันก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ลี่เฉินซีไปที่ห้องนั่งเล่น เปิดทีวีดู ข่าวทั้งหมดที่ออกอากาศส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับกู่อานทั้งนั้น
และอีกฝั่งหนึ่ง ในห้องของโรงแรมหรู ซูย้าวยังคงนอนหลับใหลอยู่ในความฝัน เดินทางไปยุโรปพึ่งกลับมา เธอคงต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ปรับเปลี่ยนไทม์โซน
แต่ในความฝันที่สวยงามกลับถูกเสียงเคาะประตูที่กระวนกระวายมารบกวน
เสียงเคาะประตูกระวนกระวายและดังมาก
สุดท้ายเธอก็ถูกปลุกจนตื่น ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นมา หยิบเสื้อคลุมออกมาใส่และเดินออกไป พอเปิดประตู สีหน้าของเธอก็ดูแย่ หงุดหงิดเพราะพึ่งตื่น
อาตงก้มหน้าลงและพูดเบาๆว่า “คุณหนู ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ แต่……กู่อานเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!”
ซูย้าวขมวดคิ้วทันที “เรื่องอะไร?”
อาตงไม่ได้พูดอะไร แต่ก้าวขาออกไป เดินอ้อมโซฟาในห้องนั่งเล่นไปเปิดทีวี
ภาพบนหน้าจอคือการถ่ายทอดสดสัมภาษณ์ของนักข่าวในโรงพยาบาล รอบตัวถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คน ดูเหมือนจะเป็นคนในครอบครัวของผู้เสียหาย ทุกคนต่างร้องไห้สะอึกสะอื้น ทำให้ภาพนั้นกลายเป็นภาพที่น่าสลดใจยิ่งนัก
“มีรายงานว่า เนื่องจากโปรเจกต์ฟื้นฟูและขยายพื้นที่ของเขตเมืองถนนกู่อาน เดิมทีมีบริษัทLGและบริษัทลี่ซื่อร่วมมือกัน แต่จู่ๆกลับมีบริษัทต่างชาติเข้ามาแทรกแซง ใช้วิธีที่ผิดกฎหมายแทนที่บริษัทLG ให้อำนาจปราบปรามการเคลื่อนย้ายของผู้อยู่อาศัย กดเงินชดเชยซ้ำแล้วซ้ำเล่า และคืนวันนี้ กลับมีตึกพังทลายลงมา มีผู้ได้บาดเจ็บสาหัสสามราย บาดเจ็บสิบรายและมีผู้เสียชีวิตอีกหนึ่งราย……”