เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 617 เธอกับคุณไม่เหมือนกัน
คำว่า’อดีตภรรยา’ทำให้ทุกคนต่างตกใจ
เพ้ยส้าวหลี่มีสติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กวาดสายตาที่ลึกซึ้งออกไป เขายิ้มและมองไปบนโต๊ะ “ไม่มีไวน์นิ ทำไมประธานลี่เมา พูดอะไรแบบนี้ออกมา?”
คำอธิบายที่ปากไม่ตรงกับใจ ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ
จากนั้น เพ้ยส้าวหลี่ก็มองไปที่ลู่จื่อซี “คุณลู่ ดูเหมือนว่าคุณคงจะต้องพยายามให้มากขึ้นนะ! ปล่อยให้แฟนของตัวเองเอาแต่คิดถึงผู้หญิงคนอื่น มันคงจะไม่ค่อยดี!”
พูดแบบนี้ออกมา ใบหน้าที่แข็งทื่อของลู่จื่อซีก็แดงขึ้นมา จากนั้นเธอก็ก้มหน้าลงแล้วแก้ตัวเบาๆ “ประธานเพ้ยเข้าใจผิดแล้ว ความจริงฉันกับคุณลี่ไม่ได้……”
ไม่ปล่อยให้เธอพูดต่อ ลี่เฉินซียื่นมือที่เรียวยาวออกไปจับแขนของเธอเอาไว้แล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณเพ้ยจะพูดถูกนะครับ ผมกับจื่อซีคงจะต้องพยายามให้มากขึ้นจริงๆ!”
ลู่จื่อซีตกใจจนวิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอมองหน้าเขาด้วยความตกใจ ทั้งตกใจและดีใจ
ในที่สุด เขาก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นแฟนของเขา?
เพ้ยส้าวหลี่ยิ้มและพูดว่า “แล้วอีกอย่าง อดีตภรรยาของประธานลี่คนนั้น เมื่อก่อนผมเคยเจอ เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเบื่อคนหนึ่ง ไม่เหมือนชิงชิงเลยสักนิด”
ซูย้าวมองไปที่เพ้ยส้าวหลี่อย่างเย็นชา ดูถูกคนคนหนึ่งแบบนี้ ดีแล้วเหรอ?
แต่เพ้ยส้าวหลี่กลับไม่ได้สังเกตเห็นสายตาที่เย็นชาของเธอ เขายังคงมองหน้าลี่เฉินซีด้วยสายตาที่เฉียบแหลมและเยือกเย็น “ผมพูดถูกไหมครับ ประธานลี่”
ลี่เฉินซียิ้มอ่อนอย่างให้ความร่วมมือและมองไปที่ซูย้าวด้วยสายตาที่เยาะเย้ย “เธอไม่ได้น่าเบื่อ แต่เธอแค่พูดไม่เก่ง ยิ่งกับคนที่เธอไม่ชอบ เธอยิ่งไม่สนใจ”
เพ้ยส้าวหลี่เม้มริมฝีปากอันบอบบางและสวยงาม “พูดให้ถูกก็คือ ไม่ใช่พูดไม่เก่ง แต่พูดไม่เป็น”
ลู่จื่อซีตกใจ เธอไม่เข้าใจความหมายในเรื่องที่พวกเขาพูด แต่เธอแค่รู้สึกสงสัย เธอจึงขมวดคิ้ว เพ้ยส้าวหลี่มองดูสายตาที่สงสัยของเธอและพูดเสริมว่า “เพราะอดีตภรรยาคนนั้นของประธานลี่เป็นคนใบ้”
“แบบนี้นี่เอง……” ลู่จื่อซีตกใจไปพักหนึ่ง ไม่แปลกใจที่เธอถามเรื่องลู่จื่อซีกับลู่ส้าวหลิง เขาถึงได้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ที่แท้ เธอก็เป็นอะไรที่บอกคนอื่นไม่ได้
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วที่แหลมคม ใบหน้าอันหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม แต่เพ้ยส้าวหลี่กลับทำเป็นไม่สนใจ เขาพูดอีกว่า “คุณลี่ควรจะคิดถึงเรื่องของคุณกับคุณลู่ให้มากๆ! อย่างจมอยู่กับอดีต คนเราต้องเดินต่อไปข้างหน้าไม่ใช่เหรอ?”
ทันทีที่พูดจบ ใบหน้าอันหล่อเหลาของลี่เฉินซีก็เย็นชาขึ้นมาทันที เขายังไม่ได้พูดอะไร ลู่จื่อซีก็สังเกตเห็นสีหน้าที่ดูแย่ของเขา เธอพูดขึ้นมาว่า “ฉันไม่ได้รีบ ปกติคุณลี่ก็ยุ่ง ต้องดูแลลูกตั้งสามคน เราก็เลยไม่รีบค่ะ”
เพ้ยส้าวหลี่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ก็ถูก ประธานลี่ยังมีลูกตั้งสามคน!”
ลู่จื่อซีฟังความหมายของคำพูดที่เยาะเย้ยและจงใจกระตุกต่อมของเขาไม่ออก เธอคิดแค่ว่าไม่อยากให้ลี่เฉินซีอึดอัด และเหมือนว่าพยายามจะพูดอะไรแต่กลับถูกซูย้าวพูดตัดหน้า
เธอยิ้มและมองไปที่ลู่จื่อซี “ปกติคุณลู่ก็ยุ่งใช่ไหม? อาชีพคุณครู ไม่ค่อยว่างอยู่แล้ว”
ลู่จื่อซีพยักหน้า “ไม่ค่อยเท่าไหร่ค่ะ”
“ยุ่งแค่ไหนก็ต้องมีเวลาให้ตัวเองนะคะ!” ซูย้าวยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ความหมายนั้นกลับชัดเจน “ไปเที่ยวที่เย่สื้อบ้างก็ได้นะ ถ้าเป็นไปได้ ฉันพาคุณไปไหม?”
ลู่จื่อซีตกใจ
เธอพูดถึง’เย่สื้อ’อีกแล้ว เธอนึกถึงภาพครั้งก่อนที่ตัวเองเห็นตอนที่อยู่นอกห้องอีกครั้ง ซูย้าวในตอนนั้น สายตาที่ดุร้ายและเยือกเย็น ช่างน่าหวาดกลัว น่าหวาดกลัวจนขนหัวลุก
ลี่เฉินซียื่นมือออกไปจับมือเล็กๆของลู่จื่อซีแล้วพูดออกมาว่า “ลู่จื่อซีกับคุณอานไม่เหมือนกัน ปกติเธอไม่ค่อยชอบไปสถานที่แบบนั้น”
สถานที่แบบนั้น
คำพูดไม่กี่คำแทงทะลุเข้าไปในหัวใจของซูย้าว
ลู่จื่อซีไม่เหมือนกับเธอ ไม่เหมือนกันตรงไหน? !
ซูย้าวค่อยๆหันหน้าไปมองเขา ถึงแม้ว่าเธอจะไม่พอใจ แต่เธอกลับก็ไม่เคยแสดงออกมา เธอแค่ยิ้มอย่างอ่อนโยน วางตะเกียบลงแล้วมองไปที่เพ้ยส้าวหลี่ที่อยู่ข้างๆ “ส้าวหลี่ ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ”
หลังจากที่เธอเดินออกไปแล้ว เพ้ยส้าวหลี่ก็ยังพูดต่อไม่หยุด ทุกคำพูดล้วนแต่เป็นเรื่องของลี่เฉินซีกับลู่จื่อซี ความหมายก็คือบอกให้พวกเขารีบแต่งงานกันเร็วๆ
ลู่จื่อซียิ้มให้ความร่วมมืออยู่ตลอด เธอพยายามตอบรับอยู่ตลอด
บรรยากาศไม่ดีแล้วก็ไม่แย่ แต่ผ่านไปไม่นาน ลี่เฉินซีก็ค่อยๆลุกขึ้น “พวกคุณค่อยๆกิน ผมจะไปหยิบไวน์”
เมื่อเหลือกันอยู่แค่สองคน ลู่จื่อซีมองไปที่เพ้ยส้าวหลี่ด้วยสายตาจับผิด “ดูเหมือนประธานเพ้ยจะสนิทกับคุณลี่นะคะ พวกคุณเป็นเพื่อนกันเหรอคะ?”
“เพื่อน?” เพ้ยส้าวหลี่ได้ยินคำนี้เขาก็ยิ้มอย่างเย็นชา “น่าจะเป็นเพื่อนมั้ง!แต่ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”
เขาตอบกลับมาอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ลู่จื่อซีตกใจอย่างไม่ทันตั้งตัว
เพ้ยส้าวหลี่หัวเราะเบาๆและพูดว่า “บอกได้แค่ว่าผมกับเขามีงานอดิเรกเหมือนกัน แม้แต่คนที่ชอบก็ยังเป็นคนประเภทเดียวกัน”
ลู่จื่อซีตกใจ “เอ่อ……”
เพ้ยส้าวหลี่หัวเราะ “ดังนั้นคุณลู่ต้องระวังหน่อยนะครับ ระวังผมจะแอบชอบคุณอีก”
ลู่จื่อซีใจสั่นไหวไปพักหนึ่ง เธอยิ้มให้ความร่วมมือ แต่กลับสังเกตเห็นคำว่า’อีก’ในคำพูดของเพ้ยส้าวหลี่
ครุ่นคิดอยู่นานเธอถึงได้เข้าใจ
อานหว่านชิงกับซูย้าวอาจจะเป็นคนคนเดียวกัน
เมื่อคิดแบบนี้ เนื้อหาของบทสนทนาที่เพ้ยส้าวหลี่กับลี่เฉินซีพูดคุยกันเมื่อกี้ มันก็สมเหตุสมผล และยิ่งคิดมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น
ความคิดที่ซับซ่อนของลู่จื่อซีปะทะกัน และสิ่งเดียวที่เธอทำได้ก็คือก้มหน้าทานอาหาร พยายามปกปิดความตื่นตระหนกและความสับสน
แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามปกปิดแค่ไหน มันก็หลบสายตาอันเฉียบแหลมของเพ้ยส้าวหลี่ไปไม่ได้ เขายิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน “คุณลู่กินอิ่มรึยังครับ?”
ลู่จื่อซีเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไง อีกฝ่ายกลับลุกขึ้นยืน เรียกพนักงานมาคิดเงินและพูดว่า “เราไปกันเถอะ!”
“แต่ว่าคุณลี่และคุณอานยังไม่กลับมาเลยนะคะ มัน……”
สายตาที่ลึกซึ้งของเพ้ยส้าวหลี่มืดมนลง เขาก้าวขาเดินออกไปแล้วทิ้งประโยคเอาไว้ว่า “พวกเขาไม่กลับมาแล้ว!”
เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด ลู่จื่อซียังไม่ทันได้ตั้งตัว โทรศัพท์ของเธอก็สั่น เปิดดูโทรศัพท์ ได้รับข้อความข้อความหนึ่ง
“ผมมีธุระนิดหน่อย คงไม่ได้ไปส่งคุณแล้ว ขอโทษด้วยครับ”
ลู่จื่อซีจ้องมองดูข้อความในโทรศัพท์อย่างเหม่อลอย ดวงตาที่สวยงามก็มืดมนลง เธอผิดหวังและจิตใจกระสับกระส่าย อยู่ไม่เป็นสุข
ข้างนอกร้านอาหาร รูปร่างที่สูงใหญ่ของเพ้ยส้าวหลี่ยืนอยู่ข้างถนน เขาเหลือบไปมองลู่จื่อซีที่กำลังสับสนอยู่ข้างหลัง เม้มปากและพูดว่า “คุณสงสัยว่าผมรู้ได้ยังไง?”
ลู่จื่อซีเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จะบอกว่าเธออยากจะรู้เรื่องนี้ ไม่สู้บอกว่าเธออยากจะรู้ว่าทำไมเพ้ยส้าวหลี่ถึงได้นิ่งเฉยแบบนี้
ทั้งๆที่เขาบอกว่าอานหว่านชิงเป็นคู่หมั้นของเขา แต่กลับปล่อยให้ผู้หญิงของตัวเองไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น……
ไม่ปล่อยให้เธอคิดเรื่อยเปื่อยต่อไป เพ้ยส้าวหลี่ให้คำตอบกลับไปว่า “เพราะผมรู้ว่าระหว่างพวกเขาสองคนมีเรื่องอะไรตั้งมากมาย!”
“และก็เพราะว่าเธอคือผู้หญิงที่ผมรู้จัก ถ้าไม่ให้เธอรู้ให้ชัดเจน เธอคงไม่มีทางยอม และถ้าไม่ยอม เธอจะอยู่เคียงข้างผมได้ยังไง”
คำพูดที่ว่า วางแผนระยะยาวเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นวางแผนเพื่อกำไรหรือความสัมพันธ์ ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้
การผูกมัดเธอเอาไว้ นั้นคือวิธีสำหรับผู้หญิงที่โง่เขลา แต่ซูย้าว ผู้หญิงที่ฉลาดและมีความสามารถแบบนี้ ต้องใช้สมอง จะบังคับเธอไม่ได้
ลู่จื่อซีฟังอย่างสับสน เธอมองดูผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่มึนงง เธอสับสนและไม่เข้าใจ
และในห้องน้ำหญิงของร้านอาหาร ซูย้าวเอนหลังอยู่ข้างๆมองดูนาฬิกา คิดว่าผ่านไปห้านาทีเธอจะออกไปทางประตูหลังของร้านอาหาร
ในที่สุด เวลาก็ค่อยๆผ่านไป ห้านาทีผ่านไป
ทันทีที่เธอก้าวขาออกมาจากห้องน้ำ แขนของเธอก็ถูกแรงดึงออกไปข้างๆ ทันทีที่เขาออกแรง เขาก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเองอย่างง่ายดาย