เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 633 เปลี่ยนชื่อเรียกได้ไหม
“คุณให้ฉันยอมแพ้?” ลู่จื่อซีพูดเสียงเย็นชาออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
ทั้งๆ ที่ใบหน้าเผยความโกรธเคือง แต่ตากลมโตคู่นั้นมีน้ำเอ่อ ท่าทางอ่อนโยนที่น่าเวทนา ทำให้ซูย้าวขมวดคิ้วขึ้น
มิน่าทุกครั้งที่ลี่เฉินซีเจอผู้หญิงคนนี้ มักมีท่าทางเป็นห่วงเป็นใย คาดว่าผู้ชายคนใดก็ตามเห็นท่าทางที่น่าสงสารนี้ของเธอ ก็ใจร้ายไม่ลงทั้งนั้น!
“การรักคนคนหนึ่ง มันยอมแพ้ได้ง่ายอย่างนั้นเลยเหรอ?” ลู่จื่อซีส่ายหน้าและยิ้มอย่างขมขื่น “คุณอาน คุณเคยลองรักใครด้วยความจริงใจสักครั้งไหม?”
คำพูดไม่กี่คำ ซูย้าวขมวดคิ้วแน่นอีกครั้ง ในความทรงจำที่เธอมีอยู่ตอนนี้ ตนเองไม่เคยรักใคร แม้แต่ความรู้สึกใจสั่นเพราะใครสักคน ล้วนมีแต่กับลี่…..
เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ “คุณลู่ คุณยังอ่อนวัยเกินไป”
ซูย้าวชะงักเล็กน้อย แล้วพูดต่อ “ความรัก อันที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่ไม่สมจริงที่สุด ตอนนี้ฉันพูดอะไรกับคุณไปก็ไร้ประโยชน์ เอาอย่างนี้ คุณชอบลี่เฉินซี อยากจะไล่ตามเขา นั่นก็เป็นเรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
ความหมายก็คือ ลู่จื่อซีอยากจะไล่ตาม งั้นก็ปล่อยมือไปไล่ตาม เรื่องแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องขอความเห็นหรือคำอนุญาตจากใคร
และบทสนทนาในครั้งนี้ มันก็ช่างไร้สาระ
ลู่จื่อซีขยับดวงตา “คุณไม่สนใจเขา?”
ซูย้าวรู้สึกหมดหนทางกับผู้หญิงคนนี้ ได้แต่พูดว่า “เรื่องของคุณกับเขา มันไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด คุณลู่ คุณอยากทำยังไง ก็ทำไป ไม่ต้องแจ้งให้ฉันรู้ ก็เหมือนรูปที่ก่อนหน้านี้คุณแอบถ่ายในตอนกลางคืน ส่งให้ตำรวจ แล้วยังติดต่อเถ้าแก่อู๋เป็นการส่วนตัว มันเหมือนกัน”
คำพูดเข้ามาในหู ลู่จื่อซีก็ตกตะลึงโดยสมบูรณ์
ความลับเล็กๆ ที่อยู่ภายในใจ ถูกคนเปิดเผยออกมาอย่างไร้ความเมตตา ความประหลาดใจนั้น ความตื่นตระหนกนั้น เกิดขึ้นมาตามๆ กัน
“คุณ…..” เธอลากเสียงยาวด้วยความอ้ำอึ้ง
ซูย้าวหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดจ้า อดไม่ได้ที่จะหรี่ตา “คุณอาจจะเพราะรักใครบางคน ก็เลยใช้วิธีนี้ บางคนอาจจะบอกว่าไม่มีวิธีอื่น ไร้ซึ่งหนทาง แต่ว่า ความรักน่ะ เดิมทีก็เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีคำจำกัดความที่แท้จริงของความถูกผิด”
บางคนอาจจะใช้วิธีการและกลอุบาย ในนามของความรัก แม้แต่ต้องเอาคนอื่นเข้าแลก ใส่ร้ายอีกฝ่าย เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ตนหวังไว้ สุดท้ายแล้วก็ต้องเสริมไปอีกหนึ่งประโยค ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะความรัก
พูดได้เพียงว่าการเกิดขึ้นและผลลัพธ์ของทุกสิ่ง ถึงจะสามารถกำหนดและพิจารณาได้ ว่าผิดหรือถูกกันแน่
เช่นในครั้งนี้ ลู่จื่อซีเพราะว่าไม่พอใจ จึงได้เกลี้ยกล่อมเถ้าแก่อู๋เป็นการส่วนตัว แล้วส่งรูปที่แอบถ่ายไปให้ตำรวจ ซึ่งทำให้ตัวซูย้าวเอง ได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้
สำหรับเรื่องนี้ ทำให้เกิดผลลัพธ์ต่อซูย้าวก็จริง แต่ไม่สามารถกล่าวหาได้ว่าลู่จื่อซีทำผิด
ซูย้าวทำร้ายเถ้าแก่อู๋ นั่นเป็นเรื่องจริง
ลู่จื่อซีบังเอิญมาเห็น ใช้มือถือถ่ายไว้ ส่งให้ตำรวจ เป็นเพียงพฤติกรรมทั่วไปของพลเมืองเท่านั้น แม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับความคับข้องใจส่วนตัว แต่ก็ไม่นับว่าทำผิด
ถึงอย่างไร ผลลัพธ์ที่ตามมา ก็สามารถไถ่ถอนได้
ดังนั้นซูย้าวไม่ได้ขุ่นเคืองผู้หญิงคนนี้จริงๆ แต่จากบทสนทนา เธอเพียงแค่รู้สึกว่าลู่จื่อซียังเด็กมาก หมกมุ่นอยู่กับความรักเกินไป ราวกับเด็กสาวที่พึ่งที่พึ่งก้าวเข้าสู่ความรัก จุดเริ่มต้นความรัก ดังนั้นจึงจิตตกกังวล
“อีกอย่าง ไม่ว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง ฉันหวังว่าคุณลู่จะมีตอนจบที่ดี มีชีวิตที่มีความสุข” ซูย้าวแนบคำอวยพรอย่างจริงใจ จากนั้นก็ยิ้มเบาๆ ทิ้งธนบัตรสองใบไว้ข้างแก้วกาแฟ แล้วหยิบกระเป๋าลุกเดินไปทางด้านนอก
ในที่สุดบทสนทนาก็จบลงโดยไร้ซึ่งปัญหา ลู่จื่อซีจ้องมองแผ่นหลังที่เดินไปทางด้านนอกของเธอ ขมวดคิ้วอย่างทำอะไรไม่ได้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลกอย่างอธิบายไม่ได้ แม้ว่าจะมีความรู้สึกน้อยใจ แต่ก็ไม่ได้เยอะมาก กลับกัน ด้วยบางจุด มันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมซูย้าว
มิน่าล่ะผู้หญิงคนนี้ถึงพัวพันกับผู้ชายอย่างลี่เฉินซีมานานหลายปี แล้วยังทำให้เขาไม่อาจลืมเลือนเธอได้ มารยาทในการพูด คำพูดท่าทาง อุปนิสัยที่ไม่ยึดติด ทำให้คนเกลียดไม่ลง
ออกจากร้านกาแฟมา ซูย้าวก็ขึ้นรถตามหวางอี้ กลับไปที่บ้านตระกูลลี่
แม่บ้านมารับเธอขึ้นชั้นบนด้วยตัวเอง พาชมห้องนิดหน่อย
ถัดจากห้องนอนหลัก แต่เดิมที่เคยเป็นห้องรับแขกถูกตกแต่งใหม่ ตอนนี้มีรูปลักษณ์ใหม่ ระดับความหรูหรา เทียบเท่ากับห้องนอนหลักโดยสมบูรณ์ แล้วด้านข้างยังสร้างห้องทำงานแยกให้เธอ ภายในห้องมีเครื่องใช้สำนักงานทุกชนิด หนังสือทุกประเภท ล้วนแต่จัดเตรียมไว้เรียบร้อย
ซูย้าวมองดูรอบๆ รู้สึกชื่นชมความสามารถการทำงานของคนเหล่านี้ ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวัน สามารถตกแต่งห้องสองห้องกลายเป็นแบบนี้ได้ นับว่าเป็นโครงการใหญ่ทีเดียว!
แม่บ้านยืนกุมมืออยู่ด้านหนึ่ง “คุณนาย ไม่ทราบว่ายังมีตรงไหนไม่พอใจไหมคะ?”
ซูย้าวส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว เธอคาดว่าตนจะอาศัยอยู่ที่นี่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นสำหรับสิ่งของพวกนี้แล้ว ไม่สนใจเลยสักนิด
เพียงแต่ในตอนที่แม่บ้านหันตัวออกไปด้านนอก เธอก็เอ่ยปากเรียกอีกฝ่ายไว้ “เดี๋ยวก่อน”
แม่บ้านรีบหันตัวกลับมา “ค่ะคุณนาย”
ซูย้าวขมวดคิ้วทันที “เปลี่ยนคำเรียกได้ไหม?”
เธอไม่ได้แต่งงานกับลี่เฉินซีเสียหน่อย เอาแต่ถูกคนเรียกว่า ‘คุณนาย’ เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
แม่บ้านยิ้มเล็กน้อย “ค่ะ ดิฉันจะพยายาม”
มองส่งแม่บ้านออกไป เหลือเธอเพียงคนเดียว เดินอยู่ภายในห้องที่โอ่อ่า ลากกระเป๋าเดินทางมา หยิบเสื้อผ้าไม่กี่ชุดในนั้นเข้ามาในห้องแต่งตัว เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าออก ถึงสังเกตเห็นถึงข้าวของด้านใน สินค้าใหม่ตามฤดูกาลของแบรนด์ต่างๆ ถูกจัดเรียงไว้เต็มตู้เสื้อผ้า
ในห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ มีตู้เสื้อผ้าเรียงเป็นแถว เมื่อเธอเปิดประตูออก เสื้อผ้าสตรีทุกประเภท ตั้งแต่ชุดกีฬาสบายๆ ไปถึงชุดนอนชุดอยู่บ้าน กระทั่งชุดสูทออกงาน เสื้อคลุมตัวใหญ่ เรียกได้ว่าครอบคลุมทั้งสี่ฤดู
ซูย้าวลดสายตาลง นี่ควรชื่นชมความละเอียดอ่อนของลี่เฉินซี หรือควรได้สติแล้วระวังผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้นกันแน่?
ภายในเวลาสั้นๆ แค่นี้ เขาก็สามารถให้ของพวกนี้แก่เธอได้ ถ้ามีระยะเวลากำหนด แล้วจะมีอะไรอีก?
ผู้ชายแบบนี้ สามารถทำให้ผู้หญิงใจสั่นหวั่นไหวได้ทุกเมื่อ มอบความจริงใจให้ ดูแล้วช่างหวานซึ้ง แต่ถ้าเป็นกับดัก ก็อันตรายเกินไปแล้ว
ซูย้าวขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เตือนตัวเองไม่หยุดหย่อน หลังจากนี้ต้องรักษาความระแวดระวังไว้ ระแวงไว้จะเป็นการดีกว่า
เธอเปลี่ยนใส่ชุดอยู่บ้าน ในตอนที่ก้าวเท้าออกจากห้อง ก็มีพี่เลี้ยงเดินผ่านมาพอดี “คุณนาย ไม่สิ คุณผู้หนู”
พี่เลี้ยงออกตัวทักทาย ซูย้าวเองก็ยิ้มตอบเล็กน้อย แต่สายตากลับสังเกตเห็นว่าเมื่อกี้พี่เลี้ยงพึ่งออกมาจากห้องเจ้าหญิงพอดี แล้วใบหน้าก็มีท่าทีหม่นหมอง ราวกับเกิดอะไรขึ้น
เธอนึกถึงก่อนหน้าที่ตอนเช้าเด็กน้อยรั้งเธอไว้ กลับถูกตนปฏิเสธอย่างใจดำ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว้าวุ่นใจ ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็เอ่ยถามไป “เด็กน้อยคนนั้นล่ะ?”
“เอ่อ คุณหมายถึง…..” พี่เลี้ยงสงสัยเล็กน้อย ในบ้านมีเด็กสามคนนะ เป็นเด็กน้อยทั้งนั้น หมายถึงคนไหนกันแน่?
อันที่จริง ซูย้าวอยากจะพูดว่า เธอจำชื่อของเด็กทั้งสามคนนี้ไม่ได้ เธอสูดหายใจเข้าลึก “ก็เด็กผู้หญิงคนนั้น…..”
“คุณหนูซีซีสินะคะ!” พี่เลี้ยงตอบสนองทันที “คุณหนูเธอตอนนี้อารมณ์ไม่ดีมากๆ เพราะเทศกาลศิลปะที่โรงเรียนจัดขึ้นใกล้จะมาถึงแล้ว แต่ชุดออกงานของคุณหนูยังไม่ได้ทำออกมาเลย!”
ชุดออกงานอีกแล้ว?!
ซูย้าวขมวดคิ้ว เดินออกจากพี่เลี้ยง แล้วเดินไปที่ห้องเจ้าหญิงด้วยตัวเอง เคาะประตูก่อน ก็ยังไม่ได้การตอบรับจากด้านใน เธอจึงผลักประตูเดินเข้าไป
ห้องใหญ่มาก ด้านในสุดถึงจะสังเกตเห็นเด็กน้อย
ซีซีตอนนี้นอนเอาสองมือกุมแก้มอยู่บนเตียงอย่างไม่มีความสุข จ้องมองชุดที่แขวนอยู่ด้านข้างอย่างไม่ละสายตา คิ้วเล็กๆ ขมวดแน่น สีหน้าดูแย่เอามากๆ
ซูย้าวมองไปตามสายตาของเด็กน้อย ทันใดนั้น ก็ส่งเสียงหัวเราะพรวดออกมา