เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 635 หลังจากนี้จะปล่อยให้เธอหิว
“รอ รอฉัน?”
ซูย้าวพูดติดอ่างด้วยความมึนงง จู่ๆ ความคิดที่เป็นความลับก็ระเบิดออก ทักทายอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เกือบจะน่าเกรงขาม
แต่เพราะมุมและการมอง ต่อให้ดวงตาเธอโต ก็ไม่สามารถมองเห็นสีหน้าท่าทางของชายหนุ่มอย่างชัดเจนได้
ร่างของลี่เฉินซียังคงเหมือนเดิม ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน เพียงแค่ยื่นมือไปเคาะบุหรี่ เสียงที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ ผสมความดึงดูดที่มีเสน่ห์ ค่อยๆ ล้นออกมา “แน่นอนสิ”
เขาทอดสายตาที่ล้ำลึกลงไปตรงไหนสักแห่งบนพื้น รอยยิ้มไม่แยแสโค้งขึ้นช้าๆ บนมุมปากที่บอบบาง “เพราะว่าฉันอยากกอดเธอนอนไง!”
ร่างที่เฉื่อยชาของซูย้าวตกใจ เธอควรชื่นชมการพูดอย่างตรงไปตรงมาของชายคนนี้ หรือควรดูหมิ่นความหน้าไม่อายของเขาดีนะ?!
เธอสูดหายใจเข้าลึกอย่างช่วยไม่ได้ “คุณลี่ไม่เพียงแค่เต็มไปด้วยความมีศิลปะเท่านั้น แต่ความคิดยังแปลกประหลาดอีกด้วย!”
ขณะที่ซูย้าวพูด ก็หันตัวเดินขึ้นชั้นบน พูดไปเดินไป “ฉันจำได้ว่าในห้องซีซีมีตุ๊กตาอยู่หลายตัว”
ลี่เฉินซีหันตัวมาเล็กน้อย เลิกคิ้วมองไปทางเธอ “เธออยากจะพูดอะไร?
“คุณลี่สามารถเลือกตุ๊กตาหนึ่งตัว มานอนกอดได้ดีกว่าคนจริงๆ ตั้งเยอะ” เธอพูดขำ การพูดเย้ยหยันนั้น มันชัดเจนในตัวเอง
ชายหนุ่มยิ้ม “ดูท่า เธอจะมีประสบการณ์มากเลยนะ!”
ฝีเท้าของซูย้าวชะงัก แล้วพูดตอบอย่างสงบโดยไม่ลังเล “ใช่แล้ว ฉันชอบนอนกอดตุ๊กตามาก”
“อ่อ” ชายหนุ่มส่งเสียงตอบกลับ “งั้นอีกเดี๋ยวฉันให้คนไปซื้อกลับมาให้เธอ”
แต่เขาจงใจลากเสียงยาว แล้วพูดต่อ “แต่ว่า หลังจากนี้เธอก็มีฉันแล้ว งั้นก็ไม่ต้องใช้แล้ว”
ซูย้าวเบะปากเล็กๆ อย่างไม่พอใจ ขี้เกียจจะสนใจเขาแล้ว เร่งฝีเท้าขึ้น วิ่งตรงกลับไปที่ห้องทำงาน ปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว มองดูกระโปรงชุดนั้นในห้องที่ยังทำไม่เสร็จ แน่นอน ตั้งใจทำงานไปดีกว่า แม้ว่าจะหิวนิดหน่อย…..
เธออุทิศตนทำงานอีกครั้ง กระโปรงตัวน้อยที่ดูเหมือนง่ายดาย แต่ในการปฏิบัติจริง มีความไม่สะดวกมากมาย
เพราะคุณครูที่โรงเรียนเน้นย้ำเป็นพิเศษ บวกกับซีซีก็ให้ความสำคัญมาก ดังนั้นซูย้าวจึงได้แต่ใช้ความสามารถทั้งหมด ทำให้เด็กน้อยพึงพอใจเท่าที่จะทำได้
ขณะที่เธอก้มหน้าเย็บปักลวดลายบนกระโปรง ก็ครุ่นคิดไปด้วย ถ้าหากเด็กคนนี้เป็นลูกสาวที่เธอคลอดออกมาจริงๆ จะเป็นยังไง?
ตนให้กำเนิดลูกสามคน ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่รู้จัก…..
ไม่ใช่คนเดียว แต่เป็น3คน!
ช่างเป็นข่าวที่น่าตกใจจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าเด็กสามคนนี้เธอคลอดออกมาจริงๆ นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าความทรงจำของเธอ ถูกคนดัดแปลงจริงๆ …..
อันที่จริง วิธีการยืนยันที่ดีที่สุด ก็คือการตรวจDNAเพื่อระบุสายเลือด
เพียงแค่ใช้น้ำลาย เส้นผม หรือเลือดของเด็กสามคนนี้ แต่ว่า……
เธอไม่ได้ระวัง เข็มจึงทิ่มนิ้ว ของเหลวสีแดงสด ไหลออกมาติดต่อกัน เธอมองเลือดแดงบนนิ้วมือ ก็ถอนหายใจอย่างไม่อดทน
บางครั้ง ไม่ใช่ไม่อยากขุดคำโกหก เพียงแต่เกรงกลัวความโหดร้ายของความจริง ดังนั้นจึงแกล้งโง่แสร้งทำสงบนิ่งเพื่อหลอกตัวเอง ไม่ยอมเจาะเข้าไปในหน้าต่างกระดาษที่ชัดเจนนั่น
ตอนนี้เธอมีจิตใจแบบนี้ ถ้าทุกอย่างเป็นของปลอม เช่นนั้น สิ่งต่างๆ มากมายที่เธอเชื่อมาตลอดระยะเวลาเนิ่นนาน ก็จะเปลี่ยนไป
ในสมองราวกับถูกคนยัดเยียดสิ่งต่างๆ มากมายเข้ามา เละเทะยุ่งเหยิง ความคิดสับสน เพราะไม่ได้ระวัง จึงถูกเข็มตำนิ้วเข้าอีกครั้ง
เธอหดมือด้วยความเจ็บ แล้วประตูห้องทำงานก็ดังขึ้นพอดี
ไม่มีเสียงเคาะประตูล่วงหน้า มีเพียงเสียงผลักประตู ‘ปัง’ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ซูย้าวสะดุ้งทันที เมื่อเงยหน้า ก็เห็นลี่เฉินซีในชุดอยู่บ้านสีอ่อน ถือถาดใบหนึ่งอยู่ในมือ ไม่รู้ว่ามีอะไรในถาด แผ่ไอร้อนพวยพุ่ง
เธองุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มเดินเข้ามาอยู่ข้างตัวเธอนานแล้ว หยิบของที่อยู่ในมือเธอออก จัดแจงอย่างง่ายๆ แล้ววางถาดลง บนนั้นคือบะหมี่ร้อนๆ หนึ่งชาม
ซูย้าวตะลึงงัน “นี่นาย…..”
“หิวแล้วไม่ใช่เหรอ?” น้ำเสียงต่ำเบาของชายหนุ่มดังอยู่เหนือหัว แล้วยื่นมือไปลูบศีรษะเธออย่างเป็นธรรมชาติ “กินเถอะ!”
ซูย้าวมองตาค้างไปที่บะหมี่ร้อนๆ ชามนั้น แล้วเงยหน้ามองชายหนุ่มที่อยู่ใกล้แค่คืบอีกครั้ง อารมณ์ในช่วงหนึ่ง รู้สึกซับซ้อนอย่างน่าประหลาด
เธอเมื่อกี้ไม่เคยพูดเลยว่าตัวเองหิว เขา…..
“ไม่ชอบกิน?” ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว ของที่เขาทำได้มีไม่มาก การต้มบะหมี่เป็นสิ่งที่ถนัดที่สุด
เธอส่ายหน้า หยิบตะเกียบขึ้นมาช้าๆ กวนบะหมี่ในชาม ขณะเดียวกันก็พูดขึ้น “อันที่จริง นายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลยแท้ๆ นะ”
เสียงของซูย้าวต่ำเล็กน้อย แหบแห้งและคลุมเครือ
ชายหนุ่มเอนตัวลงโต๊ะข้างๆ เธอ ร่างกายครึ่งหนึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะ สายตาสงบนิ่ง มองไปที่เธออย่างลึกซึ้ง “ฉันอยากทำแบบนี้ ไม่ดีเหรอ?”
“ดี ดีมาก” เธอตอบสนองอย่างรวดเร็ว แต่เอาแต่ลดสายตาตลอด ความซับซ้อนค่อยๆ เกิดขึ้นในดวงตา “แต่ว่า…..นายรู้ไหม?”
เธอชะงัก ไม่ได้รีบกิน แต่พูดขึ้น “คำว่าเอาใจใส่ ไม่ใช่สิ่งที่ดีอะไรเลย”
จากความใส่ใจเล็กๆ จนกลายเป็นความเคยชิน เป็นกระบวนการที่เชื่องช้า
พูดอีกอย่าง ทุกคนต่างชื่นชอบการถูกรัก ความรู้สึกที่ถูกคนดูแล ถูกคนเอาอกเอาใจ ถูกคนรักใคร่ มันสบายจริงๆ ยิ่งนึกถึงยิ่งมีความหมาย แล้วยังเพลิดเพลินได้ด้วยตัวเอง
แต่ถึงอย่างไร ถ้ามันกลายเป็นความเคยชิน ก็จะพึ่งพา แต่ไม่มีใครที่จะเอาใจใส่คนคนหนึ่ง รักใคร่คนคนหนึ่งปีแล้วปีเล่าไปตลอดชีวิต
มันจะมีสักวันที่เบื่อหน่าย ดังนั้นใครๆ ถึงบอกว่าความรักคือซึ่งกันและกัน อย่าลิ้มรสการเป็นผู้รับอยู่ฝ่ายเดียว จะต้องให้กลับคืนด้วย
แต่ในตอนนี้ ซูย้าวเพียงแค่ต้องการยึดมั่นในหัวใจตนเอง ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายนี้อย่างจริงใจและตรงไปตรงมา
ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำจอมปลอมที่อานเจียเย้นเรียบเรียงขึ้น หรือจินตนาการที่ไม่มีอยู่จริง เธอคิดเพียงแค่แบบนี้ คนเดียว งานเดียว เรียบง่าย ทั้งยังเติมเต็ม
ไม่อยากถูกใครอีกคนเข้ามารบกวนกะทันหัน วุ่นวายชีวิต วุ่นวายหัวใจ แล้ววุ่นวายชีวิตของตนมากขึ้นไปอีก!
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เธอไม่อยากหาหลักฐาน พิสูจน์ว่าเธอคือซูย้าวหรือไม่
ลี่เฉินซีมองดูแววตาที่เผยความเศร้าเล็กน้อยของเธอ ก็เข้าใจสิ่งที่เธอคิดในใจได้อย่างรวดเร็ว แต่จงใจแสร้งไม่เข้าใจ กลับยังพยักหน้าอย่างไร้เดียงสา “อ่อ งั้นฉันรู้แล้ว”
จากนั้น เขาก็ละสายตา แล้วพูดเสริมอีกประโยค “ครั้งหน้าจะปล่อยให้เธอหิว!”
ซูย้าว “……”
เห็นเธอไม่พูดจา และไม่กินอาหาร เพียงแค่กำตะเกียบคู่นั้นไว้ ลี่เฉินซีก็ขมวดคิ้ว ยื่นมือไปคว้าตะเกียบในมือเธอ “เธอไม่กิน?”
ปากเขาเอ่ยถาม แต่การกระทำกลับไม่มีความสงสัยเลยแม้แต่น้อย หยิบตะเกรยบของเธอไป แล้วยังยกชามบะหมี่ของเธอไปด้วย
ซูย้าวตกตะลึง มองดูชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ถือชามบะหมี่ชามนั้น แล้วกินมันซะเอง
กินเข้าไปแล้วจริงๆ !
เธอเลิกคิ้วขึ้นทันที ความหมองคล้ำใต้ตาปรากฏ “ลี่เฉินซี นายยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่า! บะหมี่นี่นายทำให้ฉันไม่ใช่เหรอ? นายเอาไปกินเอง?”
ซูย้าวโค่นล้มสติสัมปชัญญะไปแล้ว เขานี่มัน……
ชายหนุ่มกลับเลิกคิ้วกวาดตามองไปที่เธอ “เธอไม่กินไม่ใช่เหรอ?”
“นาย……”
เธอกัดฟัน ยืนขึ้นทันที ยื่นมือคว้าบะหมี่ชามนั้นมา “ใครบอกว่าไม่กิน?”
ซูย้าวหิวมาทั้งคืน อุทิศตนทำชุดกระโปรงตัวนี้ เลื่อนเวลากินข้าวเย็นออกไป ตอนนี้ในท้องเหมือนมีนกกาเหว่าอยู่ หิวจนถึงขีดสุดแล้ว!
เธอก้มหน้ากินบะหมี่ น่าจะหิวจริงๆ รู้สึกว่าน้ำซุปใสๆ นี่ อร่อยจนน่าแปลกใจ
ลี่เฉินซีมองดูเธอกินเงียบๆ ส่งน้ำไปที่มือเธอเป็นครั้งคราว น้ำเสียงต่ำก็น่าฟังมาก “กินช้าๆ ”
แววตาล้ำลึกของเขาเหลือบมองโครงร่างของเธออย่างลังเลอยู่ตลอด หนักแน่น และลึกซึ้ง เอื้อมมือออกไปโดยไม่ตั้งใจ วางบนศีรษะของเธอ กดลงเบาๆ “หลังจากนี้อย่าเอาแต่คิดเรื่องไม่จำเป็นพวกนั้น ความเอาใจใส่อาจไม่ใช่คำที่ดี แต่ถ้าหากเพิ่ม ‘ยืนหยัดมั่นคง’เข้าไปก็แตกต่างแล้ว”