เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 637 ทำมากรักมาก
“คุณแม่ยังถักเปียให้หนูด้วย…..”
ซีซีพูดไปพูดมา ก็สังเกตเห็นความอิจฉาริษยาในสายตาของพี่ชายทั้งสองที่มองมา ลากเสียงยาวโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เลิกคิ้วอย่างน้อยใจมองไปที่ลี่เฉินซี “ปะป๊า พวกพี่ชายดูเหมือนไม่มีความสุขเลย!”
ลี่เฉินซีถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง เดินเข้าไปอุ้มซีซีขึ้นมา “เปล่าเหรอก พวกพี่ชายเพียงแค่อยากรู้ถึงสาเหตุที่หนูผู้บริสุทธิ์โดดเรียนก็เท่านั้น!”
“เอ่อ…..” ซีซีอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
ลี่เจิ้งมองเธอด้วยใบหน้ามืดมน “ลี่เจิน พี่จะพูดกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย เธอจะไม่ไปเรียนก็ได้ และจะลาออกจากโรงเรียนมาอยู่บ้านก็ได้ แต่ เธออย่าให้ตัวเธอ ส่งผลกระทบต่อพี่และลี่หมิง!”
เขาเป็นพี่ใหญ่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสามในโรงเรียน คุณครูรู้ชัดเจนดีตั้งแต่แรก ดังนั้นลี่เจินไม่ไปโรงเรียน เป็นธรรมดาที่ครูจะไปหาลี่เจิ้ง
และเป็นธรรมดาที่ลี่หมิงจะถูกครูเรียกไปที่ห้องทำงาน เพียงถามเป็นการส่วนตัว
ดังนั้น พี่ชายทั้งสองคนนี้ จะมีสีหน้าที่ดีได้เหรอ?!
ซีซีก้มศีรษะน้อยๆ ลงอย่างเงอะงะ “ก็เพราะกระโปรงที่คุณพ่อทำมันดูแย่เกินไป หนูไม่อยากถูกเพื่อนหัวเราะเยาะนี่ แล้ววันนี้คุณแม่ก็บอกว่าจะพาหนูไปชอปปิ้ง ก็เลย……”
พูดไปพูดมา ปัญหาก็มาตกอยู่บนตัวซูย้าว เธอแทบจะสะดุ้งด้วยความหวาดหวั่น จากนั้นก็มองไปที่พ่อลูกทั้งสามอีกครั้ง เห็นเพียงใบหน้าขุ่นเคืองอขงลี่เจิ้งมองมาที่เธอ หลี่ตาลงอย่างทำอะไรไม่ได้
ลี่หมิงแม้ว่าสายตาจะอ่อนโยนลงมาก แต่ก็ยังมองมาที่เธอแล้วถอนหายใจ ท่าทางแบบนั้น เหมือนเป็นเพราะเธอ ซีซีถึงไม่ไปโรงเรียนตั้งสองวัน……
ซูย้าวยืนอึ้งอยู่กับที่ มองดูคนไม่กี่คนตรงหน้าเข้าคฤหาสน์ไป เธอยังคงอยู่ที่เดิม แน่นอน มีแต่คนบอกว่าแม่เลี้ยงเป็นยาก เธอประมาทไป ตอบตกลงคำขอที่ไร้เหตุผลนี่ของลี่เฉินซีอย่างมึนงง!
เธอมีความรู้สึกเสียใจกับเรื่องในตอนนั้นขึ้นมาทันที ครุ่นคิดอยู่นาน ถึงรวบรวมความกล้าเข้าไปในห้องรับแขก ไม่เห็นเงาของเด็กทั้งสามคน มีเพียงลี่เฉินซีแค่คนเดียว ถอดเสื้อสูทออกแล้ว เสื้อเชิ้ตสีเข้ม ถกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแขนที่กำยำ นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวตรงนั้น
หัวใจของซูย้าวบีบแน่น เดินไปหาเขา หยุดเท้าลงตรงตำแหน่งที่ห่างจากชายหนุ่มมาห้าเมตร “คุณลี่ ซีซีไม่ได้ไปโรงเรียน ฉัน…..ดูเหมือนจะละเลยไปจริงๆ ขอโทษนะ!”
“นี่เธอกำลังขอโทษ?” ลี่เฉินซีค่อยๆ เอ่ยปาก น้ำเสียงต่ำเบาดึงดูด แต่ฟังไม่ออกว่าโกรธหรือมีความสุข
เธอพยักหน้า “ใช่”
ชายหนุ่มมองไปที่เธอ เลิกเปลือกตาขึ้นเบาๆ “นี่เป็นท่าทางขอโทษของเธอ?”
เธอตกใจ ผู้ชายคนนี้รับมือยากจริงๆ ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึก หันไปทางเขา เอนตัวลงช้าๆ โค้งคำนับด้วยความเคารพ ปากก็พูดขึ้น “ขอโทษค่ะ ฉันผิดไปแล้ว ครั้งต่อไปจะไม่พาเด็กคนไหนไปเดินเล่นแล้ว!”
ลี่เฉินซี “……”
เธอยืดตัวตรง ไม่แม้แต่จะมองเขา เดินขึ้นชั้นบนไป
แต่เดินได้ไม่ถึงสองเก้า จู่ๆ ก็มีแรงกระแทกจากด้านหลัง คว้าแขนของเธอ ชายหนุ่มใช้แรงเล็กน้อย หมุนร่างของเธอกลับมา ขณะเดียวกันก็กดลงไปที่ราวบันไดด้านข้าง เพียงแต่ทันทีที่ร่างของเธอจะชน เขาใช้มือหนึ่งรองราวบันไดไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่เธอจะถูกกระแทก
ซูย้าวตื่นตระหนก มีความกีดกันและรังเกียจที่เขาสัมผัสใกล้ชิดแบบนี้ อยากจะหลบหนีโดยไม่รู้ตัว กลับถูกเขารัดไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ ไม่สามารถหลบหนีไปได้
“นี่นาย…..” เธอสับสนไม่เข้าใจ ยังคงพยายามแกะแขนพันธนาการของเขาออก
ลี่เฉินซีกำข้อมือบอบบางของเธอแน่นยิ่งขึ้น นัยย์ตาเผยความซับซ้อน ขมวดคิ้ว “เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษเลยด้วยซ้ำ”
เธอชะงักทันที เป็นที่รู้กันดีว่า เด็กทั้งสามคนนี้ เป็นยอดดวงใจของลี่เฉินซี ฟังจากที่พวกพี่เลี้ยงแอบคุยกัน ปกติคนที่สั่งสอนดูแลเด็กๆ เขารับผิดชอบทั้งหมดคนเดียว แม้แต่เจี่ยงเวินอี๋กล่าวว่าพวกเด็กๆ เป็นครั้งคราว ก็ล้วนแต่ทำให้เขาไม่พอใจ
ดังนั้น ตอนนี้คือ……
“ไม่ว่าจะเข้าเรียน ไม่ว่าจะกินอะไร ไม่ว่าจะไปชอปปิ้ง……” ลี่เฉินซีแจกแจงช้าๆ พร้อมๆ กับที่เสียงค่อยๆ เอ่อล้น ลูกกระเดือกที่น่ามองก็ขยับเบาๆ เซ็กซี่จนไม่อาจปล่อยให้หลุดมือได้
ซูย้าวจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ใกล้แค่คืบอย่างมั่นคง ยากที่จะไม่มองให้ละเอียดถี่ถ้วน
เขาจ้องมองเธอ เน้นคำพูด “ต่อให้เธอทุบตีดุด่าพวกเขา ก็ไม่ต้องขอโทษ”
“เอ่อ……”
ซูย้าวอึ้งโดยสมบูรณ์ จากนั้นก็ใช้สายตาที่งงงวย ดึงมุมปากอย่างเย็นชา ยิ้มอย่างประชดประชัน “ที่แท้พอมีแม่เลี้ยงแล้วก็ง่ายที่จะมีพ่อเลี้ยงสินะ ผู้ชายคนนี้พอมีผู้หญิงแล้ว แม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไขก็ไม่สนใจขึ้นมาทันที!”
แววตาลี่เฉินซีดำดิ่งลงทันที แขนที่รัดเธออยู่ออกแรงแน่นขึ้นทันที ซูย้าวที่เจ็บปวดแทบจะไม่ร้องออกมา
ใบหน้าที่น่าเกรงขามของเขาเผยความเดือดดาล น้ำเสียงก็เย็นเยือกขึ้น “พูดเหลวไหลอะไร?”
เพราะว่าเธอเป็นแม่แท้ๆ เขาถึงได้พูดแบบนี้!
อีกอย่างนอกจากลี่เจิ้ง ที่เขาเลี้ยงดูเคียงข้างมาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว ลูกอีกสองคน คนหนึ่งคือซูย้าวเลี้ยงมาจนโต อีกคนถูกทิ้งไว้ด้านนอก ลำบากทุกข์ทรมาน ถ้าพูดถึงการเลี้ยงดูสั่งสอนลูก เขาคือคนที่ไม่มีคุณสมบัตินั้นมากที่สุด
ซูย้าวยิ้มเยาะใส่เขา ไม่ว่าใบหน้าของชายหนุ่มจะมืดมนแค่ไหน เธอก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ และไม่แยแสแม้แต่น้อย “คุณลี่ ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันขึ้นชั้นบนก่อนนะ?”
ลี่เฉินซีสูดหายใจเข้าลึก เอนกายเข้าหาเธอทันที แล้วจูบอย่างเยือกเย็น ม้วนเข้าไปอย่างล้นหลามและฉับพลัน ทำตามอำเภอใจอย่างไร้ซึ่งความอ่อนโยน เปิดเผยเถรตรง บ้าคลั่ง และว่องไว
ซูย้าวตัวแข็งทื่ออยู่ภายใต้การควบคุมของเขา อยากที่จะต่อต้าน แต่ก็ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ได้เพียงปล่อยให้เขากระทำอย่างบ้าคลั่ง หยุดไม่ให้เธอรู้สึกถึงอากาศเล็กน้อยภายในปอด ทั้งหมดถูกดึงออกไป เมื่อเห็นว่ากำลังจะหมดลม เขาถึงปล่อยเธอช้าๆ
ดวงตาลึกล้ำของเขาลดต่ำ ปลายนิ้วเรียวยาวลูบริมฝีปากของเธอ “เธอจะเรียก’คุณลี่’ไปอีกนานแค่ไหน? ต้องให้ฉันนอนกับเธอก่อน ถึงจะยอมเปลี่ยนเหรอ?”
สิ้นคำพูด รอยยิ้มจางๆ ของเขาก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น มีความขี้เล่น และมีความเย้ยหยัน “คิดว่าฉันจะไม่บังคับจริงๆ เหรอ?”
“หรือเธอคิดว่าถ้าฉันบังคับ ใจของเธอก็จะไม่เป็นของฉัน?” รอยยิ้มบนใบหน้าที่หล่อเหลาของลี่เฉินซียังคงอยู่ ความโค้งของริมฝีปากก็กว้างขึ้น “ที่รัก ลืมแล้วเหรอ? ไอ้ความรักน่ะ ยิ่งทำมาก ความรักก็ยิ่งลึกซึ้ง”
ทันใดนั้น เขาก็ไม่สนใจการตอบสนองใดๆ ของเธออีกต่อไป ก้มตัวลงไปช้อนเข่าทั้งคู่ของเธอ และรัดเอวอุ้มเธอขึ้นมา
ซูย้าวแทบจะกรีดร้องอย่างเสียการควบคุมด้วยความกลัว แต่กลับได้ยินเขาพูดขึ้น “เหลือเสียงไว้หน่อย กลางคืนมีให้เธอร้องอีก!”
“ลี่เฉินซี!” ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว ขาเรียวยาวทั้งสองต่อสู้ดิ้นรนอย่างไม่หยุดหย่อนอยู่ในอ้อมแขนเขา ตอนที่เห็นว่าไร้ซึ่งผลลัพธ์ใดๆ ฝีเท้าของชายหนุ่มกลับหยุดลงกะทันหัน
ซูย้าวเองฉวยโอกาสจากช่องว่างนี้ ผละออกจากอ้อมแขนของเขาทันที อยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกเงาร่างเล็กๆ ดึงดูดสายตา เธอเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นบนชั้นสอง ตำแหน่งพอดิบพอดี เด็กทั้งสามยืนอยู่ตรงนั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
พวกเด็กๆ ใช้สายตาที่เหมือนชื่นชมวิวทิวทัศน์ ประเมินสถานการณ์ของทั้งสอง ซีซีกับลี่หมิงทั้งสองยังเด็ก เป็นธรรมดาที่จะเอนตัวพิงรั้ว สองมือกุมแก้ม ยิ้มฮิฮิ “ปะป๊ากับคุณแม่จะจู๋จี๋กันแล้วเหรอ?”
ใบหน้าเก้อเขินของซูย้าวแดงขึ้นอย่างว่องไว แล้วก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว ปิดหูปิดตาหลอกตัวเองแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ใบหน้าของชายหนุ่มที่ถูกทิ้งไว้มืดมนลง มองเด็กทั้งสามอย่างเยือกเย็น “ไปล้างมือกินข้าว!”
ดูท่า มีลูกอยู่ด้วย จะไม่ค่อยสะดวก……
ลี่หมิงกับซีซียังยิ้มอยู่ กระโดดโลดเต้นลงชั้นล่างอย่างมีความสุข แต่ลี่เจิ้งกลับเดินผ่านหัวบันได ไปที่ห้องพักแขก
ยืนอยู่หน้าประตูเด็กน้อยเคาะประตู จากนั้นก็กระแอมแล้วพูดขึ้น “ลงไปกินข้าวกันครับ วันนี้คุณน้าทำของอร่อยไว้เยอะเลย……”
ร่างผอมบางของซูย้าวแนบติดอยู่กับบานประตู สิ่งที่เด็กน้อยพูดได้ยินชัดเจน แต่ไม่รู้ควรจะตอบกลับว่ายังไง ถึงยังไงฉากเมื่อกี้ ก็ถูกพวกเด็กๆ เห็นเข้าแล้ว อับอายขายหน้าไปทั้งบ้าน……