เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 640 ออกกำลังกาย
ซูย้าวมองรถมายบัคที่อยู่ไม่ไกล แล้วขมวดคิ้วขึ้นทันที
กระจกหลังรถมายบัคไม่ได้ปิด ลี่เฉินซีนั่งอยู่ที่เบาะหลัง มือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ที่จุดไฟอยู่ มืออีกข้างพลิกดูเอกสาร
ใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาของชายหนุ่ม ลายเส้นชีพจรที่สวยงาม แสงจ้าในช่วงเช้าส่องผ่านหน้าต่าง สะท้อนเงาร่างที่งดงามของเขาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ผิวที่ขาวนวลของเขา มองดูแล้วละเอียดอ่อนเรียบเนียนมากขึ้น ไม่เหมือนผิวหนังที่ผู้ชายควรมีโดยสิ้นเชิง
แล้วปลายนิ้วที่เปล่งประกายนั่น ควันที่ม้วนตัวค่อยๆ จางหายไป ภาพที่สวยสดงดงาม ราวกับเป็นนิทรรศการภาพวาด
ซูย้าวลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ เพียงแค่จ้องมองไปตรงนั้นอย่างมั่นคง สติลอยเล็กน้อย
ทำไมเขามาอยู่ที่นี่?
แม้ว่าโครงการกู่อาน บริษัทลี่ซื่ออยู่ด้วย แล้วยังถือหุ้นส่วนใหญ่อยู่ แต่ว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาการทำงานขนย้าย อีกอย่างเขาในฐานะประธานกรุ๊ป มาปรากฏถึงที่ด้วยตัวเอง เกรงว่าจะไม่ง่ายดายขนาดนั้น!
ถ้าไม่ใช่เพื่องาน แล้วจะมาเพื่ออะไรกัน?
เธอเอาแต่รู้สึกว่ามีความผิดปกติ ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็ยิ่งอธิบายไม่ถูก ซูย้าวจมดิ่งอยู่ในความคิดของตัวเองเกินไป กระทั่งหน้าต่างรถมีเสียงเคาะ ‘ก๊อกก๊อกก๊อก’ เธอเกือบจะร้องตกใจออกมา
ใบหน้าที่ตกตะลึงของซูย้าวมองออกไป ถึงสังเกตเห็นว่า ชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่บนรถมายบัคเมื่อครู่ ตอนนี้ไม่รู้ว่ามาอยู่ข้างรถเธอ ตั้งแต่เมื่อไหร่
ลี่เฉินซีเอนตัวใช้มือข้างหนึ่งพิงรถเธอ มืออีกข้างก็ดึงเปิดประตูรถฝั่งคนขับ จากนั้นก็คว้าแขนเธอ แล้วดึงเธอลงมา
กระบวนการทั้งหมดรวดเร็วมาก ซูย้าวไม่มีเวลาที่จะครุ่นคิดหรือตอบสนองใดๆ เมื่อได้สติกลับมา ก็ถูกชายหนุ่มแนบไว้กับตัวรถ ใกล้กันเพียงแค่คืบ ร่างที่สูงตระหง่านของเขา แล้วยังแผงอกที่แข็งกร้าว รวมถึงมือที่เหมือนหยกของเขา ทัดผมที่อยู่ข้างหูเธอเบาๆ “มากับฉันแต่แรกก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เขาพูดเองเออเอง สีหน้านิ่งเฉย ไม่เผยแสดงอารมณ์อะไรออกมา แต่มุมปากกลับโค้งขึ้นมา ท่าทางเหมือนอารมณ์ไม่เลวนัก
“เมื่อไหร่ที่เธอเลิกสงสัย แล้วเชื่อใจกันหน่อย?” เขาขมวดคิ้ว นิ้วที่แข็งด้านจับไปที่มุมปากเธอ เอนตัวเข้าไปจิกเล็กน้อยด้วยท่าทีลงโทษ
พูดให้ถูกต้องคือ กัดไปนิดหน่อย
เพียงแต่ไม่แรงมาก ดังนั้นจึงไม่ได้ทำให้เธอเจ็บ
แต่กลับทำให้เธออึ้ง เธอใช้แววตาแห่งความสงสัยจ้องมองไปที่เขาจนแทบทรุด ลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่สีแดงเข้มมาเผยอยู่บนใบหน้านานแล้ว ทำให้เธออยากที่จะพูดออกมา ก็กลายเป็นอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนคนพูดติดอ่าง
“นาย…..นี่นายทำ ทำอะไร?”
ลี่เฉินซีลดสายตามองไปที่เธอ นิ้วมือเชิดคางเธอขึ้น “อยากทำเธอมากเลย แต่ที่นี่เกรงว่าจะไม่ค่อยสะดวก”
“นาย……” ซูย้าวถูกทำให้อึ้งจนพูดไม่ออกแล้ว ก้อนสีแดงราวกับไฟลุก พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วบนใบหน้าของเธอ ราวกับเปิดกาต้มน้ำเล็กๆ เกิดเสียง ‘ฟู่’ออกมา
แตกต่างจากสถานการณ์ของเธอ เขายังคงมีใบหน้าที่คาดเดาไม่ได้ รอยยิ้มที่ไม่แยแสของเขาเป็นเหมือนเงาติดตาม ยังคงชัดเจนอย่างนั้น และสง่างามอยู่อย่างนั้น
เขามักจะเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร เกรงว่าทำให้เธอใจว้าวุ่นมานานแล้ว เขายังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แล้วยังเป็นเหมือนสุภาพบุรุษที่มีท่าทางเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
มองดูหญิงสาวตรงหน้าที่ใบหน้าแดงจนอธิบายไม่ได้ตั้งนานแล้ว ลี่เฉินซีก็ไม่อยากหยอกล้อเธอต่อไป ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นที่สาธารณะ
เขาเอนตัวปล่อยเธอ แต่มือข้างหนึ่งกลับคว้าแขนเธอ แล้วเดินตรงไปข้างหน้า
เขาก้าวขายาว เดินไปข้างหน้า ซูย้าวตามไม่ทันเลยสักนิด
“จะไปไหน?” เธอรีบเอ่ยถาม แล้วฝีเท้ายังสะดุด มันค่อนข้างกินแรง
ลี่เฉินซีจงใจเดินช้าลง กวาดตามองมาที่เธอ “ไปสถานที่หนึ่ง”
ซูย้าวไม่ได้ลังเล หรือสงสัยอีกต่อไป ถึงอย่างไรทั้งสองก็นับว่า’เจอกันโดยบังเอิญ’ที่นี่แล้ว อีกอย่าง เธอเองก็อยากจะรู้ให้ชัดเจน ว่าประธานกรุ๊ปใหญ่อย่างเขา มาปรากฏตัวที่นี่ด้วยตัวเอง มีเรื่องอะไรกันแน่
เพียงแต่มันทำให้ซูย้าวประหลาดใจเล็กน้อยเธอนึกว่าเขาจะพาตนไปบริเวณสำนักงาน หรือพาเธอไปจุดที่มีวิวทิวทัศน์พิเศษ หรือไม่ ก็พาเธอไปกินอะไรพิเศษๆ
แต่ว่า เธอไม่คาดคิดเลยว่า เขาจะพาเธอไปย่านที่อยู่อาศัย หรือบ้านเหล่านั้นที่ไม่ได้ลงนามในสัญญาย้ายถิ่นฐาน
ชุมชนส่วนใหญ่ถูกรื้อถอนไปแล้ว อาคารที่เหลืออยู่ไม่กี่หลัง บนที่ดินทรุดโทรม ช่างดูกะทันหัน และชำรุดผุพังมาก
ถึงยังไงก็ไม่ได้ซ่อมแซมเป็นเวลานาน และเป็นอาคารเก่าแก่มาเนิ่นนาน
ภายในอาคารเก่าก็มืดมิด เมื่อเดินไปตามทางเดินเก่าๆ ทุกฝีเท้าที่เหยียบ มักจะรู้สึกเหมือนบันไดอาจจะหักได้ ทำให้คนเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
ซูย้าวเองก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ สภาพแวดล้อมที่นี่เป็นแบบนี้แล้ว บ้านที่ยังอยู่เหล่านั้นทำไมถึงยังไม่ยอมย้ายออกไป?
ผลประโยชน์และค่าชดเชยที่พวกเขาให้ ก็ไม่ใช่ต่ำนะ นับว่าให้ค่าตอบแทนที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว แต่คนพวกนี้ กลับยังไม่ยอมประนีประนอม……
ลี่เฉินซีเพิกเฉยต่อความซับซ้อนบนใบหน้าของเธอ เพียงแค่จูงมือเธอ เดินขึ้นบันไดไป เมื่อไปถึงชั้นสี่ การปีนขึ้นบันไดไม่สั้นไม่ยาวมาตลอดทาง ก็ทำให้ซูย้าวเหนื่อยจนหายใจหอบ
ชายหนุ่มมองดูใบหน้าเล็กๆ ที่มีเหงื่อไหลของเธอ ยื่นมือไปเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้เธอ “ขาดการออกกำลังกาย หลังจากนี้พาเธอไปออกกำลังกายทุกวันก็จะดีขึ้น!”
ออกกำลังกาย?!
ซูย้าวนึกถึงอะไรบางอย่างโดยไม่รู้ตัว ดวงตาที่น่าเกรงขามเกิดความประหม่า ยังไม่รอให้พูดอะไร ความซับซ้อนบนใบหน้า ก็ถูกชายหนุ่มจับได้ เขายื่นมือออกมาจิ้มศีรษะเล็กๆ ของเธอ “นี่คิดอะไรเพ้อเจ้ออยู่ใช่ไหม? ดูท่า แก่นแท้ในใจของคุณอาน จะไม่ได้ใสซื่อเหมือนภายนอกซะแล้ว!”
“อะไร?” เธอตกใจเมื่อได้ยินคำหยอกล้อที่ใหญ่โต ราวกับถูกเขาลวนลาม อย่างไร้รูปลักษณ์อีกครั้ง!
เธอยังอยากที่จะใช้เหตุผลโต้แย้งสักสองประโยค แต่ชายหนุ่มกลับยื่นมือออกไปเคาะประตูรักษาความปลอดภัยด้านข้าง
หลังจากเคาะ’ก๊อกก๊อกก๊อก’ไม่กี่ครั้ง ด้านในก็มีเสียงตอบรับดังสวนมา “ใครน่ะ?”
หลังสิ้นเสียง ก็มีคนผลักประตูออกมาจากในห้อง
เป็นผู้หญิงวัยกลางคน ซูย้าวมองอย่างตั้งใจ เหมือนจะคุ้นหน้า แต่ก็เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับสังเกตเห็นเธอก่อน รีบเดินเข้ามา ใบหน้าที่แสดงอารมณ์ปกติก็เผยรอยยิ้มออกมา กระตือรือร้นจนเกินปกติ “ไม่ทราบว่าท่านนี้คือประธานอานใช่ไหม?”
ลี่เฉินซีพยักหน้า “ใช่ เธอก็คือประธานอานแห่ง Double Aceกรุ๊ป”
ผู้หญิงคนนั้นสูดลมหายใจ จากนั้นก็หันตัวเข้าไปเรียกในห้อง “พ่อตงตง รีบออกมาเร็ว! เร็วเข้า!”
พูดจบ ผู้หญิงก็เดินผ่านทั้งสองไปเคาะประตูห้องสองห้องด้านข้าง เคาะไปตะโกนไป “รีบออกมาเร็ว ประธานอานมาแล้ว! ประธานอานมาแล้วจริงๆ !”
อย่างไร้รูปร่าง ซูย้าวยิ่งรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ น้ำเสียงและใบหน้าคุ้นเคยขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนคนที่คว้าเธอแล้วต่อว่าด่าทอเธอที่โรงพยาบาล ครอบครัวของผู้ได้รับบาดเจ็บ!
ใช่!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซูย้าวก็สะบัดมือใหญ่ของลี่เฉินซีที่จับอยู่ตลอดออก มองไปที่เขาอย่างเยือกเย็น เกิดความรู้สึกหวาดกลัวเหมือนถูกเขาผลักลงไปในหลุมลึก ค่อยๆ กระจัดกระจาย
ถ้าเธอเดาไม่ผิด คนเหล่านี้มีความเป็นปฏิปักษ์กับเธอ ครั้งนี้เธอยังมาถึงที่นี่อย่างกะทันหัน เดินตามทางแคบๆ แบบนี้มา เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกทุกคนปิดล้อม!
ซูย้าวมีจิตใต้สำนึกแบบนี้ ประหม่าจนอยากที่จะหันตัวจากไป แต่ก็ไม่ทันแล้ว
เพราะทางเดินที่แต่เดิมก็คับแคบนั้น ถูกผู้คนที่ออกมาจากบ้านตามๆ กัน ยืนจนเต็ม
ที่นี่มีสามครัวเรือน ทุกเรือนมีคนอาศัยอยู่ ตอนนี้ถูกผู้หญิงเรียกออกมาแล้ว มีหญิงมีชาย มีเด็กมีแก่ ยืนอยู่ตรงทางเดินชั่วขณะหนึ่ง ไม่เพียงแค่เพิ่มความหนาแน่นของพื้นที่ แต่ยังทำให้ซูย้าวไร้ซึ่งหนทางหนี
เธอมองแน่นิ่งไปที่คนสิบกว่าคนที่ปรากฏตัวตรงหน้า แววตาตกใจกระชับขึ้นไม่หยุด ลังเลไม่รู้จะทำยังไงอย่างสิ้นเชิง
ลี่เฉินซีกลับดูเหมือนคนที่ไม่เป็นอะไร ร่างที่งดงามยืนอยู่ด้านหนึ่ง แววตาจางๆ กวาดมองไปที่เธอ ท่าทางเฉยเมยและเย็นชา เหมือนเป็นคนนอกอย่างสิ้นเชิง