เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 646 คุณชายเก๊กฮวย
บนทางเดินขนาดใหญ่ มีเด็กและผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยมารวมตัวกัน
เนื่องจากเป็นเทศกาลงานศิลปะของโรงเรียน ตามทางเดินจึงมีการจัดแสดงงานฝีมือของเด็กๆมากมาย มีทุกชนิดทุกแบบ มีงานแกะสลักรูปทรงสัตว์ และงานแกะสลักรูปทรงที่ไม่รู้จัก มีภาพวาดของเด็กๆ ทั้งยังมีหัตถกรรมของเล่น
ผู้ปกครองสองสามคน ร่วมชมทีละอย่างตามลำดับ พร้อมกับเด็กๆและคุณครู
มีคนบังเอิญเห็นฉากนี้หน้าประตูห้องน้ำ ไม่นานนัก สายตาของทุกคนก็มาตกอยู่ที่ครอบครัวนี้ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ทุกคนก็หัวเราะออกมา
ถึงแม้ผู้คนจะหัวเราะ แต่ไม่ว่าคนที่มองอยู่นั้นจะสวมใส่ชุดแปลกประหลาดและดึงดูดสายตาคนขนาดไหน เมื่อคิดๆแล้วว่าอาจจะเป็นความคิดของเด็ก ก็แน่นอนว่าต้องหัวเราะเป็นธรรมดา
แต่ว่า ใบหน้าหล่อเหลาของลี่เฉินซี มีสีหน้ามืดครึ้มมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ สายตาที่เย็นชาของเขากวาดไปทั่วใบหน้าของคนหลายคนที่อยู่ข้างๆ แน่นอนว่าสีหน้าของหวางอี้ต้องตึงขึ้นมาทันที และยังใช้มือไปดันผู้ช่วยตัวน้อยที่อยู่ข้างๆแบบไม่รู้ตัว
ทั้งสองรู้ในใจทันที รีบหุบยิ้มทำหน้านิ่ง
แต่ทางด้านซูย้าวที่อยู่กับลูกทั้งสองลี่เจิ้งและลี่หมิง กลับไม่สนใจสายตาเย็นๆคู่นั้นของเขา เธอหัวเราะจนแทบจะเป็นลม
ทั้งๆที่ลี่เจิ้งกับลี่หมิง หรือแม้แต่ซูย้าวก็สวมใส่ชุดแบบนี้เหมือนกัน ที่ไม่เหมือนกัน ก็มีแค่การออกแบบของดอกไม้บนใบหน้าเท่านั้น
ของลี่เฉินซีกับซูย้าวเป็นดอกเก๊กฮวยสองดอก
ส่วนของลี่หมิงกับลี่เจิ้ง กลับเป็นดอกกุหลาบที่น่ารักและสวยงามสองดอก แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก
ถึงจะเป็นแบบนั้น เมื่อสวมใส่อยู่บนตัวของทั้งสามคน ก็เห็นได้ชัดเลยว่าดูดีมาก แต่สำหรับลี่เฉินซีที่ได้เปรียบด้านความสูง เมื่อสวมใส่ชุดนี้ แล้วยังพาสามแม่ลูกที่หัวเราะไม่หยุดกลับไปยังหอประชุม ก็ไม่เพียงแต่เด็กที่อยู่รอบข้างที่มองมา ขนาดพวกคุณครูยังมองค้าง
เด็กบางคนยังเล็กมาก พุ่งตรงมาข้างหน้าลี่เฉินซีโดยตรง “ดอกเก๊กฮวยของคุณลุงดูดีมากเลยครับ!”
“คุณลุงเป็นฮีโร่เก๊กฮวยเหรอครับ?”
เด็กน้อยเงยหน้ามองอย่างใสซื่อ พยายามเอื้อมมือไปจับดอกเก๊กฮวยที่อยู่ข้างใบหน้าของเขา แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์
ลี่เฉินซีมองเด็กหลายคนที่อยู่ข้างๆอย่างช่วยไม่ได้ สูดหายใจเข้า แล้วเอนตัวลงช้าๆ เมื่อเป็นแบบนี้ พวกเด็กๆก็ยื่นมือขึ้นมาหยิบดอกเก๊กฮวยที่อยู่บนหัวของเขา
เด็กทุกคนตะโกนว่า “ดอกเก๊กฮวย ดอกเก๊กฮวย!”
ซูย้าวกอดลี่หมิงแล้วหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง แต่กลับเป็นลี่เจิ้งที่เดินตรงเข้ามา “ไปเล่นกับพ่อแม่ของพวกนายเถอะ!”
เขาไล่พวกเด็กๆออกไป จากนั้นเอนตัวลุกขึ้นตามลี่เฉินซี ลี่เจิ้งมองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นพ่อที่ปกติแล้วเป็นคนจริงจังรอบคอบ พอตอนนี้ถูกห้อมล้อมด้วยดอกเก๊กฮวยดอกใหญ่ ก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ยกมือขึ้นมาเคาะศีรษะน้อยๆของลูกชาย “หัวเราะอะไร นายเองก็มีดอกไม้ไม่ใช่เหรอ?”
เขาพูด แล้วพาลูกชายกลับไปยังที่นั่งก่อนหน้านี้ ทันทีที่ครอบครัวนี้นั่งลง บนเวทีก็ถึงคิวแสดงของซีซี สาวน้อยแสนสวยสวมชุดกระโปรงตัวเล็กเหมือนนางฟ้า เดินออกมาช้าๆพร้อมกับแสงไฟบนเวที เพราะเคยเรียนการเต้นตั้งแต่เด็ก ซีซีจึงเต้นอยู่บนเวทีพร้อมกับเสียงปรบมือของผู้ชม
แต่ในความไม่ตั้งใจ สายตาของซีซีที่มองไปรอบๆล่างเวที ไปตกอยู่บนตัวของลี่เฉินซีกับซูย้าว และพี่ชายสองคนที่อยู่ข้างๆ จึงไม่ทันได้ระวัง จนเกือบจะล้มลง!
ดีที่ซีซีไหวตัวทัน จึงไม่ได้ล้มลงจริงๆ เพียงแค่เซ ก็หยุดไว้ได้แล้ว
แต่มองออก ว่าซีซีใช้สายตาที่ดูเหมือนแทบช็อกมองดูผู้คนอยู่ล่างเวที ตอนที่หันตัว เด็กน้อยก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
ใบหน้าหล่อเหลาของลี่เฉินซีเริ่มจริงจังมากขึ้น หน้านิ่งหันมามองซูย้าว กดเสียงต่ำลง ใช้ระดับเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “รองานจบลงก่อนเถอะ!”
แต่เธอกลับไม่มีความกลัวใดๆ กอดลี่หมิงที่อยู่ในอ้อมแขนไว้ เอียงศีรษะแล้วแลบลิ้นใส่เขา “คุณชายเก๊กฮวย รองานจบลงแล้วจะทำอะไร? เอาคืนเหรอ?”
ซูย้าวพูดพร้อมแสร้งทำเป็นหดตัวเอนไปด้านข้าง “คุณโตเป็นผู้ชายคนหนึ่งแล้ว ทำไมถึงทนการหยอกล้อไม่ได้กันนะ? นี่เรียกว่ามีความสุขกับบรรยากาศ เห็นไหม เพราะการแต่งตัวของพวกเรา บรรยากาศรอบๆดีแค่ไหน!”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว “บรรยากาศรอบๆดี?”
หรือก็คือ การแต่งตัวของเขาทำเพียงเพื่อให้ความสุขแก่เด็กๆและผู้ปกครองเหล่านี้?!
ซูย้าวกลับเลิกคิ้วมองเขา “ตั้งใจดูการแสดงเถอะค่ะ คุณชายเก๊กฮวย!”
เธอตั้งใจพูดคำว่า ‘เก๊กฮวย’ความหงุดหงิดที่ไม่รู้จะโต้ตอบยังไงถูกก่อตัวขึ้นมาทีละน้อย หันไปพยักหน้าใส่เธอซ้ำๆ ซูย้าวนะซูย้าว ดูเหมือนว่าการที่สูญเสียความทรงจำนี้ก็ถือว่าดี อย่างน้อย เธอก็ดูมีชีวิตชีวากว่าแต่ก่อนมาก
แต่ ความคิดที่หาเรื่องแปลกๆทำนี่มันอะไรกัน?!
ภายในงานเทศกาลศิลปะที่เต็มไปด้วยสีสัน ดอกไม้ไฟจำนวนมากถูกวางบนสนามเด็กเล่นของโรงเรียน เด็กๆร้องเพลงและเต้นรำ ผู้ปกครองก็พากันหัวเราะ เวลาทั้งวันดำเนินไปอย่างอบอุ่น
เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว ครูก็ปล่อยนักเรียนทุกคน เด็กทุกคนต่างวิ่งเข้าไปหาพ่อแม่ของตัวเอง ผู้ปกครองได้เตรียมอาหารสำหรับปิกนิคไว้นานแล้ว บนผืนหญ้าเขียวขจีถูกปูทับด้วยผ้า ผู้ใหญ่และเด็กๆนั่งทานอาหารบนผ้าอย่างมีความสุข
ส่วนมากจะเป็นครอบครัวสามคน หรือไม่ก็ครอบครัวสี่คน ครอบครัวห้าหกคนก็มีบ้าง อย่างเช่นปู่ย่าตายายที่มา ทำทุกอย่างเพื่ออยู่กับเด็กๆ
มีเพียงทางนี้ ตระกูลลี่ที่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ครอบครัวห้าคน เด็กสามคน ผู้ใหญ่สองคน มีอาหารที่หวางอี้จัดเตรียมด้วยตัวเอง หลังจากจัดวางแต่ละอย่างจนเสร็จ เด็กๆที่หิวแล้วก็เริ่มทานกันอย่างเร่งรีบ
ซูย้าวคอยคีบผัก แกะเปลือกกุ้ง และแยกกระดูกออกจากเนื้อให้เด็กๆ ดูแลเอาใจใส่เด็กๆอย่างทั่วถึง
มีเพียงลี่เฉินซี ที่นั่งทำหน้านิ่งอยู่ด้านข้าง อยากสูบบุหรี่เพื่อบรรเทาอารมณ์ซับซ้อนในใจ แต่ก็กังวลว่าที่นี่คือโรงเรียน จึงต้องล้มเลิกความคิดไป
แต่ ทำไมระหว่างมื้ออาหารนี้ เด็กหลายคนมักจะมองมาที่เขา และยังหัวเราะไม่หยุด
แม้ว่าสภาพนี้ของเขาจะดูแปลกประหลาดมากแค่ไหน แต่ก็ควรจะพอได้แล้วมั้ง!
เด็กพวกนี้ก็ยังคงเป็นเด็กจริงๆ แค่เรื่องที่น่าสนใจเล็กๆน้อยๆ ก็สามารถหัวเราะได้ทั้งวัน
ลี่เจิ้งนำเครื่องดื่มมาให้เขา ลี่หมิงคีบผักให้เขา ซีซีเองก็ยื่นกุ้งที่ซูย้าวแกะให้เธอไปให้เขาอย่างเอาใจ
แต่ชายหนุ่มทำเพียงแค่มองเด็กๆอย่างเงียบๆ ไม่กินสักคำ
ซูย้าวดูแลเด็กไปด้วย หยิบซูชิเข้าปากไปด้วย เคี้ยวอาหารอยู่ในปากแล้วใช้ศอกเล็กๆดันแขนเขา “เอาล่ะ คุณจะทำหน้านิ่งไปถึงเมื่อไหร่? กินอะไรหน่อยเถอะ!”
เธอพูดพร้อมกับยื่นซูชิไปที่เขา
แต่ชายหนุ่มยังคงไม่รับ แค่เขาก้มหน้าเพียงเล็กน้อยก็เห็นกลีบดอกไม้ที่อยู่ทั่วใบหน้า จะกินยังไง!
ซูย้าวกลับไม่สนเรื่องพวกนั้น เห็นว่าเขาไม่รับ ก็ยัดซูชิเข้าปากเขา มองดูท่าทางของชายหนุ่มที่จ้องมองมา พูดพร้อมหัวเราะว่า “กินได้แล้ว เด็กๆต่างก็มีความสุขมาก!อย่าทำให้เสียบรรยากาศ!”
ลี่เฉินซี”……”
เขาแทบจะเอามือข้างหนึ่งประคองคางตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ หันไปมองแม่ลูกสี่คนด้านข้าง จู่ๆก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป มันก็ดีใช่ไหมนะ?
ถึงแม้ความทรงจำของซูย้าวไม่ได้กลับมาเป็นปกติ แต่เธอก็ยังมาอยู่ข้างกายเขา อยู่เคียงข้างเขา ดูแลลูกๆ…….
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลูกๆ ดูเหมือนนี่จะเป็นเสียงหัวเราะที่มีความสุขมากที่สุดของพวกเด็กๆในช่วงสองปีที่ผ่านมา ขนาดลี่เจิ้งที่ดูเป็นผู้ใหญ่ ตอนนี้ก็เหมือนเด็กคนหนึ่ง อ้าปากคอยให้ซูย้าวป้อนอาหารอย่างตามใจ
เพียงแต่ เรื่องบางเรื่อง ถ้าหากสามารถสงบได้เหมือนกับที่มองภายนอก มันจะดีสักแค่ไหนกัน
ความทรงจำของเธอ……
ถ้าหากมันสามารถที่จะไม่กลับมาตลอดกาล บางที อาจจะเป็นเรื่องดี!
เมื่อก่อนเธอมีชีวิตที่กดดันมากไป และลำบากมากๆ เขาแทบจะลืมไปแล้ว ว่าครั้งแรกที่พบกัน รอยยิ้มที่สดใสราวกับฤดูใบไม้ผลิของเด็กหญิง จะน่ารักและมีชีวิตชีวาแบบนี้…….