เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 650 แค่แสดงตามสถานการณ์
“ความหมายตามตัว ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ?”
คำพูดที่ชัดเจนว่างเปล่าของซูย้าว เย็นชาเหมือนกับลมหนาวในเดือนสิบสอง ที่จู่โจมอีกฝ่ายโดยตรง
เพ้ยส้าวหลี่ขมวดคิ้ว สายตาที่ดูเข้าใจยากหรี่ลง “ทำไม? คุณลุงเสียแล้ว เขาเองก็เป็นน้าเขยของคุณไม่ใช่เหรอ? กลับไปร่วมงานศพสักหน่อยเถอะ เพราะมันควรจะเป็นแบบนั้น!”
“ควร?”ซูย้าวพึมพำคำที่รกหูนี้ขึ้นมา รอยยิ้มที่เย็นชา ดูถูก แสดงออกมาภายใต้ใบหน้าที่งดงามของเธอ
ใช่ ไม่ผิด เป็นการดูถูก เยาะเย้ย และเหยียดหยาม
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างเย็นชา มองดูชายร่างสูงที่อยู่ใกล้ๆตรงหน้าเธอ”อะไรคือสมควร แล้วอะไรคือไม่สมควร?”
เพ้ยส้าวหลี่รู้สึกสงสัย อึ้งไปเล็กน้อย แต่เพียงครู่เดียว ก็ดูเหมือนว่าจะนึกอะไรออก รีบพูดขึ้น “ชิงชิง ผมรู้ ว่าคุณยังมีอคติกับเขาอยู่ แต่คนก็ตายไปแล้ว คนตายเป็นคนที่สำคัญที่สุด อย่าเพิ่งโกรธเลย กลับไปกับผมก่อนนะ?”
ตอนที่เขาพูด ก็ยื่นมือออกมา พยายามจับที่ข้อมือของเธอ แต่ซูย้าวมองออก เธอหันตัวหลบถอยออกไป
มือของเพ้ยส้าวหลี่หยุดอยู่กลางอากาศ ใบหน้าหล่อเหลาของเขานิ่งลง
ซูย้าวเดินอ้อมรอบตัวเขา เงยหน้ายืนมองโคมไฟข้างถนนที่อยู่ไกลออกไป ค่อยๆยกมือขึ้นเอาผมไปทัดหู “คนตายเป็นคนที่สำคัญที่สุด คำนี้ ก็มีแต่คนงมงายเท่านั้นที่เชื่อ เพื่อที่จะทำให้สบายใจ พวกจารีตที่สืบต่อกันมาก็เป็นอะไรที่คิดขึ้นมาเองทั้งนั้น มันไม่มีความรับผิดชอบ และไร้สาระมาก”
“ชาตินี้เพ้ยหยู่เจี๋ยผิดต่อน้าสาวของฉันก่อน ทำให้เธอตายตั้งแต่ยังเป็นสาว และยังผิดต่อพี่ชายของฉัน หลังจากนั้นก็คิดอยากจะฆ่าฉันครั้งแล้วครั้งเล่า คนแบบนี้ แค่ป่วยตายมันยังง่ายเกินไป!”
ซูย้าวทำหน้านิ่งๆ ดวงตาที่ขยับเล็กน้อยเผยความเย็นชาออกมา”เขาตายก็ตายไปเถอะ งานศพฉันไม่มีทางไปแน่นอน ส้าวหลี่ อย่ามาทำอะไรที่ไร้ประโยชน์แบบนี้เลย รีบไปสนามบินเถอะ!”
หลังจากที่เธอพูดจบ ก็หันตัวก้าวเดินออกไป แต่กลับถูกเพ้ยส้าวหลี่ก้าวเท้ายาวๆเข้ามาขวางไว้อีกครั้ง”ชิงชิง สิ่งที่คุณพูดมา ผมรู้ทุกอย่าง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องพวกนี้ กลับไปก่อน ไม่ว่าจะยังไง คุณก็ต้องไปงานศพ……”
ซูย้าวเลิกคิ้ว ไม่ให้เขาได้พูดต่อ สายตาเย็นชาคู่นั้นคมราวกับมีดใบหนึ่ง มองไปทางเขานิ่งๆ “ส้าวหลี่ คำพูดบางคำ ฉันไม่พูดออกมา ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่รู้ เพียงแค่อยากไว้หน้าให้กัน คุณเข้าใจไหม?”
เพ้ยส้าวหลี่ตะลึง ดวงตาสีเข้มของเขามืดลง ขยับปากเหมือนยังคิดอะไรอยู่ แต่กลับถูกซูย้าวพูดแทรกขึ้นมาก่อน “เป็นถึงประธานบริษัทเพ้ยซื่อกรุ๊ป ฉลาดหลักแหลม สง่างามและสูงส่ง อย่าทำลายภาพลักษณ์นี้เลย โอเคไหม?”
คำพูดที่ดูเหมือนขอร้องของเธอ น้ำเสียงอ่อนโยน แต่ดุดันและคมกริบ สายตาเยือกเย็น
เพ้ยส้าวหลี่เหมือนจะเสียทักษะการพูดไปชั่วขณะหนึ่ง คำพูดเพียงคำเดียวก็ยากที่จะพูดออกมา
ซูย้าวเดินข้ามถนนภายใต้สายตาของเขาที่จ้องมองมาอย่างลึกๆ พอดีกับที่รถโรลส์-รอยซ์ขับมาหยุดอยู่ข้างเธอ เธอเปิดประตูรถ นั่งเข้าไปข้างในโดยไม่ดูเลยด้วยซ้ำ
เพราะเดินเร็วเกินไป เธอละเลยชายหนุ่มข้างหลังที่อยู่ยืนข้างถนนไปอย่างสิ้นเชิง สายตาที่เย็นชาจ้องมองรถที่ขับเคลื่อนออกไป มืดมนและซับซ้อน มือสองข้างค่อยๆหดรัดร่างกาย ในอกเหมือนถูกของหนักอะไรสักอย่างทับไว้ หายใจอย่างลำบาก
และบนรถที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ ในพื้นที่คับแคบ เงียบไม่มีเสียงอะไร แต่มีความกดดันอย่างมาก
ซูย้าวหลบเลี่ยงชายข้างกายที่ดูราวกับภูเขาที่หนาวเหน็บ ดวงตาสีจางหันไปมองสัญญาณไฟจราจรนอกรถ เอ่ยปากพูดทำลายความเงียบภายในรถ “เพ้ยหยู่เจี๋ยตายแล้ว เมื่อกี้เพ้ยส้าวหลี่อยากพาฉันกลับไปร่วมงานศพทางยุโรป”
ลี่เฉินซีก้มหน้าทำงานอยู่ตลอดเวลา นิ้วเรียวยาวราวกับหยกคู่นั้น พิมพ์ดีดอยู่บนแป้นพิมพ์อย่างคล่องแคล่ว การเคลื่อนไหวไม่ได้หยุดลง เหมือนกับว่าไม่ได้สนใจคำพูดของเธอเลย
“ก่อนอื่นเลย ระหว่างฉันกับเพ้ยหยู่เจี๋ย ไม่มีความคิดเรื่องความสัมพันธ์ที่รักกันในครอบครัวเลย ถ้าหากต้องพูดว่ารู้สึกอะไร ก็คงจะมีแต่เกลียด!”
ตั้งแต่ที่เพ้ยหยู่เจี๋ยพยายามสร้าง’อุบัติเหตุ’ให้เกิดบนตัวซูย้าวครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากที่เธอรู้เรื่องทั้งหมด ก็อยากจะเข้าไปถามเขาตรงๆ และยิ่งอยากจะฆ่าเขาด้วยมือตัวเอง!
คนที่ใช้วิธีที่โหดเหี้ยมและบ้าคลั่งทำลายชีวิตของอานชินในตอนนั้น แล้วยังพยายามจะลงมือกับเธอหลายต่อหลายครั้ง เธออยากจะรู้จริงๆ ว่าตระกูลอานติดค้างอะไรเขากันแน่ ถึงทำให้เขาทำได้ถึงขั้นนี้!
“อีกเรื่องก็คือ เพ้ยส้าวหลี่จะต้องหาหนทางในการครอบครองทุกอย่างของตระกูลเพ้ย ครั้งนี้ที่เขาจะพาฉันกลับไปร่วมงานศพเป็นแค่ข้ออ้าง แต่จะใช้ฉันเพื่อจัดการกับพี่ชายของฉัน ถึงจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเขา”
ซูย้าวเข้าใจประเด็นนี้อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อกี้ตอนที่สนทนากับเพ้ยส้าวหลี่ ก็ตั้งใจชี้ให้เห็นอะไรบางอย่าง แต่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ เพียงแค่อยากไว้หน้าอีฝ่าย
มือที่พิมพ์ดีดอยู่ของลี่เฉินซี หยุดลงชั่วคราว จากนั้นก็เหลือบไปมองเธอ “ยังไม่โง่ถึงขั้นที่มองคนไม่ออก ก็ดี”
ซูย้าวยิ้มบางๆ ความดูถูก ความเหยียดหยามเล็กๆน้อยๆ ที่มากกว่านั้นยังมีรสชาติครบทุกรส “ฉันบอกเรื่องพวกนี้ให้คุณ แค่หวังว่าคุณจะไม่เข้าใจผิด”
“ฉันไม่ได้ปฏิเสธเพ้ยส้าวหลี่เพราะคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราที่เป็นแบบนี้ คุณลี่ มีความรู้สึกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าความต้องการเพียงฝ่ายเดียว หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือคิดเอาเองฝ่ายเดียว”
เสียงของเธอค่อนข้างเย็น น้ำเสียงเองก็ดูห่างเหินมาก ดวงตาเย็นชาคู่นั้นสว่างใส แต่กลับไม่มองเขาเลย
ใบหน้าของลี่เฉินซีค่อยๆนิ่งลง ปิดโน๊ตบุ๊ค และเก็บโต๊ะเล็ก หันตัวมาเบาๆ ดวงตาที่เย็นชาก็มาตกอยู่ที่เธอ “เพราะฉะนั้น คุณรู้สึกว่าทุกอย่างที่ผมทำอยู่ตอนนี้ คือการคิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียวเหรอ?”
ซูย้าวไม่ตอบ แต่ซีกหน้าขาวๆนั้นดูไม่แยแส ยังคงไม่ยอมหันมามองเขา ไม่สนใจเขา
“คุณคิดว่าผมเห็นคุณเป็นซูย้าว ดังนั้นถึงได้ยอมและหลงใหลคุณเหรอ?” เสียงที่แผ่วเบา และฟังดูเหมือนสบายๆ ประกอบกับเสียงที่มีแรงดึงดูดอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา มันมีเสน่ห์อย่างหาที่ติไม่ได้
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ซูย้าวก็ตอบสนองทันที เธอหันหน้าไปก่อน ใบหน้าสวยละเอียดอ่อนหันมามองทางเขาอย่างสบายๆ แล้วรีบพูดขึ้นแบบยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มว่า “มันจะแค่นี้ได้ยังไงล่ะ? คุณลี่ คุณกำลังดูถูกตัวเอง หรือว่ากำลังดูหมิ่นฉันอยู่?”
“ด้วยฐานะของคุณลี่แล้ว อยากได้ผู้หญิงแบบไหน ก็จะได้มาโดยง่าย สำหรับการที่ว่าทำไมคุณถึงเลือกฉัน ฉันเองก็ไม่อวดดีที่จะไปคิดว่าตัวเองพิเศษและเหนือกว่าคนอื่น ถึงได้ความรักนี้มา”
เราต้องมีญาณทัศนะที่รู้ตัวเอง ในจุดนี้ ซูย้าวรู้อยู่แก่ใจเสมอ
ถึงขนาดที่บางครั้ง รู้จนเกินความคาดหมายของทุกคน
“และคนอย่างคุณลี่ ก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ยอดเยี่ยม คุณเป็นคนเย็นชา และไร้ความรู้สึก สิ่งเดียวที่เป็นข้อดี คาดว่าคงจะเป็นความรับผิดชอบ”
ซูย้าวยิ้มบางๆ รอยยิ้มนั้นหวาน รอยยิ้มที่สวยงามตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่ม มันช่างเจิดจ้าเหลือเกิน
เธอคิดสักพัก เอนกายพิงเบาะหลัง ขาเรียวค่อยๆยกขึ้นมาไขว้กัน “เพราะความรับผิดชอบน้อยๆนี้ ดังนั้นคุณถึงได้ลืมซูย้าวไม่ได้ และทุ่มเทความพยายามทำหน้าที่ของคุณต่อลูกๆ”
“แต่นี่ก็กำหนดไว้แค่ตัวของลูกๆเท่านั้น สำหรับฉันแล้ว บางทีอาจจะพูดเรื่องความรู้สึกไม่ได้” เธอพูดจบ ก็ยิ้มบางๆแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย ดวงตาที่งดงามมองไปยังอีกฝ่าย “เพราะฉะนั้น เรื่องพวกนี้ฉันเข้าใจดี คุณลี่เองก็ไม่ต้องคิดมากเกินไป”
แค่แสดงตามสถานการณ์ เพื่อที่จะสืบหาตัวตนที่แท้จริงของเธอ และค้นหาความลับที่อานเจียเย้นปกปิดเธอ ว่ามันจะเป็นอันตรายต่อตัวเองหรือเปล่า ส่วนเขา ก็แค่ทำเพื่อพวกเด็กๆ
ใช้ผลประโยชน์ร่วมกัน
ไม่ก้าวก่ายพื้นที่ของกันและกัน เราอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน
ซูย้าวพูดได้ชัดเจนมาก แต่ทุกตัวอักษรทุกประโยค หลังจากเรียบเรียงแล้วพูดออกมาเป็นคำพูด ใบหน้าหล่อเหลาของลี่เฉินซีก็มีไอเหี้ยมโหดพุ่งออกมา ซีกหน้าที่ค่อยๆก้มลง ภายในความมืดมิดเต็มไปด้วยความโกรธ
เขาโกรธมากจนยิ้ม เผยรอยยิ้มเยือกเย็นตรงมุมปาก หันไปกดเปิดหน้าต่างรถ หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ควันบุหรี่บางๆบดบังใบหน้าที่นิ่งลึก ยิ่งแสดงให้เห็นถึงสายตาที่ดุดันของเขา