เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 656 ขอเพียงเป็นเธอก็พอ
ชายหนุ่มพยักหน้า ซูย้าวเอียงข้างไปทางข้างนอก
สายตาลุ่มลึกของเจียงจี้เซิงมองตามเธอไป มองดูอยู่นาน จากนั้นมีรอยยิ้มหยอกล้อที่มุมปาก หยอกล้อว่า”คุณอานใช่ไหม?”
ลี่เฉินซียิ้มแต่ไม่พูด เพียงแค่ยกน้ำดื่มบนโต๊ะขึ้นมา จิบไปหนึ่งคำ
เจียงจี้เซิงผลักแขนเขาด้วยรอยยิ้มเลศนัย “แน่ใจว่าเป็นเพียงแค่คุณอาน?”
ดวงตาลี่เฉินซีหมองคล้ำลงเล็กน้อย วางแก้วลง กล่าวเพียงว่า”ชื่อนั้น เป็นเพียงรหัสอย่างหนึ่ง แซ่อะไรชื่ออะไรล้วนไม่สำคัญ”
เจียงจี้เซิงพยักหน้าอย่างรับรู้ความรู้สึกเดียวกัน “ก็ใช่ แต่ว่า เธอดูเหมือนจะไม่รู้จักผม ความจำเสื่อมหรือ?”
“ประมาณนั้นแหละ”ลี่เฉินซีไม่อยากจะอธิบายอะไรมากเกินไป จากนั้นดวงตาแวววาว ก็พูดต่อว่า”สำหรับชื่ออานหว่านชิงนั้น คุณจำไม่ได้หรือ?”
เจียงจี้เซิงคิดใคร่ครวญ แล้วส่ายหัว “จำไม่ได้”
แทบจะเป็นครั้งแรกที่ได้ยิน และในวงการนี้ ก็ไม่เคยมีตระกูลอานเลย ไม่รู้จักก็เป็นเรื่องปกติ
ดวงตาดาวระยิบระยับของลี่เฉินซีเปล่งประกายภายใต้แสงที่สาดส่อง ค่อยๆ จ้องเขม็งมาที่เขา “แล้วอานเจียเย้นคนนี้ล่ะ?”
“อานเจียเย้นหรือ?”เจียงจี้เซิงทวนเสียงเบา พึมพำทีละคำ ราวกับคุ้นเคยบ้าง และราวกับไม่คุ้นเคย เหมือนกับเคยได้ยินจากที่ไหนเช่นนั้น แต่กลับนึกไม่ออกในชั่วขณะ
ลี่เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า”ถ้าอย่างนั้นชอลพุซล่ะ?”
เจียงจี้เซิงตกอยู่ในวังวนความสงสัยอีกครั้ง ผ่านไปเนิ่นนาน สายตาลุ่มลึกยังคงเผยให้เห็นความงุนงง”เหมือนกับเคยได้ยิน แต่จำไม่ค่อยได้”
“พวกเขาเป็นคนคนเดียวกัน” ลี่เฉินซีหันไปมองทางอื่น ชื่อภาษาจีนของชอลพุซ ก็คือ อานเจียเย้น
เจียงจี้เซิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ดังนั้น?”
ลี่เฉินซีเลิกคิ้ว สายตาหนักแน่นเล็กน้อย”น่าจะเคยได้ยินประธานเพ้ยหยู่เจี๋ยไหม?”
ครั้งนี้ เจียงจี้เซิงไม่มีความลังเลใดๆ ราวกับทันทีที่ชื่อของเพ้ยหยู่เจี๋ยพูดออกมา ทันใดนั้นก็เชื่อมโยงชื่อหลายชื่อเข้าด้วยกัน จึงเข้าใจทันที “อาเพ้ยรอง ย่อมเคยได้ยินอยู่แล้ว แต่ว่า เขามีลูกชายคนหนึ่ง เหมือนจะแซ่อาน หรือว่าคนที่คุณพูดถึงเมื่อกี้ก็คือ……..”
ลี่เฉินซีตอบกลับอย่างมั่นใจ “ใช่ ลูกชายของอาเพ้ยรอง ก็คืออานเจียเย้น ชื่อภาษาอังกฤษก็คือ ชอลพุซ”
“เป็นเช่นนี้จริงๆหรือ?”น้ำเสียงเจียงจี้เซิงราบเรียบ มีความประหลาดใจไม่มากนัก ซึมซับภายในวลาอันสั้น “ถ้าอย่างนั้นอานหว่านชิงก็มีความสัมพันธ์กับอาเพ้ยรองด้วยหรือ?”
ลี่เฉินซีส่ายหัวเล็กน้อย .”ไม่ใช่ พูดให้ถูกต้องแล้ว เธอกับพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์กัน”
อานเจียเย้นก็แค่สวมชื่อแทนเด็กที่ตายจากไปในตอนนั้น และกับซูย้าว ไม่แม้แต่จะถือว่าเป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้อง ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆ
ส่วนเพ้ยหยู่เจี๋ยนั้น ในนามแล้ว เป็นน้าเขยของเธอจริงๆ
แต่ว่า ตามความประพฤติและการกระทำของเพ้ยหยู่เจี๋ยในหลายปีมานี้ ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่มีเพียงน้อยนิด ก็ได้มลายหายไปไม่มีอยู่มานานแล้ว
ดังนั้นจากหลายๆด้าน ซูย้าวกับพวกเขา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น
เจียงจี้เซิงยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่เมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเกลี้ยกล่อมไปว่า”หากซูย้าวมีความเกี่ยวข้องกับเพ้ยหยู่เจี๋ยจริง เรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องยุ่งยากแล้ว ตระกูลเพ้ยไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คุณคิด”
กี่สิบปีมานี้ กรุ๊ปเพ้ยซื่อได้รับการยกย่องว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในวงการสังคมชั้นสูง ธุรกิจของตระกูลก็ค่อนข้างใหญ่ แข็งแกร่ง ญาติพี่น้องมากมาย กินอยู่หรูหราฟุ่มเฟือย
แต่นี่เป็นแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่แสดงให้คนนอกดูก็เท่านั้นเอง
จุดแข็งที่แท้จริงของกรุ๊ปเพ้ยซื่อ ไม่ได้อยู่ในประเทศจีน จุดแข็งที่สุดของทั้งหมดล้วนอยู่ที่ตลาดต่างประเทศ ดังนั้น หลายปีมานี้ กรุ๊ปเพ้ยซื่อถูกแบ่งเป็นสองสาย สายหนึ่งปฏิบัติตามความต้องการของผู้อาวุโส มีคนต้องการจะสืบทอดธุรกิจของตระกูลเพ้ย เป็นประธานของบริษัทเพ้ยซื่อกรุ๊ปนั่นก็คือเพ้ยส้าวหลี่
และอีกสายหนึ่งนั้นอยู่ที่ต่างประเทศ ใช้เงาดำที่ซ่อนเร้นมีชีวิตและอยู่ต่อไป จัดการทุกอย่างในต่างประเทศของกรุ๊ปเพ้ยซื่อ โดยการทำธุรกิจเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาทำการค้าขายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเปิดเผย
สายหนึ่งสว่างสายหนึ่งมืด ช่วยกันก่อให้เกิดพัฒนาการและธุรกิจของกรุ๊ปเพ้ยซื่อ ในหลายปีมาแล้ว
ตอนนี้ เพ้ยหยู่เจี๋ยได้เสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บ ดังนั้น ตำแหน่งที่ต่างประเทศจำเป็นต้องหาคนมาแทนอย่างเร่งด่วน แม้เพ้ยส้าวหลี่ต้องการจะขึ้นแทน แต่ก็ทำไม่ได้
จำเป็นจะต้องคัดเลือกคนขึ้นมาแทนที่ ทำได้ดี ก็คือความแข็งแกร่งและตัวตนที่เหมือนกับเทพเจ้า ทำให้ผู้คนหวาดกลัว เกรงกลัวถึงที่สุด ถ้าทำไม่ดี นั่นก็คือเป็นคนที่เลือกมาเพื่อเป็นหุ่นเชิดของตระกูลเพ้ย เป็นตุ๊กตาไม้ให้คนควบคุม จะโยนออกได้ตลอดเวลาในช่วงภาวะวิกฤติ และปล่อยทิ้งได้โดยไม่ห่วง
ดวงตาสดใสของลี่เฉินซีหม่นหมองลง บนใบหน้าหล่อเหลายังคงดูเรียบเฉย เพียงแต่ร่างกายเอนไปข้างหลังเล็กน้อย พิงไปที่พนักเก้าอี้ “เมื่อถึงเวลาแล้วค่อยว่ากัน”
เจียงจี้เซิงหัวเราะแล้วตบไปที่ไหล่ของเขาเบาๆ”ไม่ว่าอย่างไร เธอกลับมาแล้ว ก็ดีที่สุดแล้ว ต่อไปเวลาต้องการผม อย่าลืมบอกผมด้วย”
ลี่เฉินซีพยักหน้าเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ จากนั้นเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เขาพูดขึ้นอีกครั้งว่า”เรื่องอาฉี คุณจะไม่สนใจจริงๆหรือ?”
“จะให้สนใจอย่างไร”เจียงจี้เซิงขมวดคิ้วอีกครั้ง “เขาก่อเรื่องขึ้นมาเอง และใหญ่มาก หากผมออกหน้า บริษัทเจียงหย่วนทั้งหมด รวมทั้งหน้าตาของคนในตระกูลเจียง ก็จะรักษาไม่อยู่แล้ว ให้พวกเขาจัดการกันเองเถิด !”
ทั้งสองคุยกันต่อ และที่สนามสีเขียวข้างนอก ซูย้าวเดินคนเดียวไปตามสนามหญ้า
บอกว่าเดินเล่น ที่จริงก็ไม่ใช่
เพราะว่าเธอเดินไปด้วยก้มดูมือถือไปด้วย ส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องงานพิธีฝังศพของเพ้ยหยู่เจี๋ย คนที่เธอส่งไปอยู่ยุโรป รายงานเรื่องต่างๆอย่างต่อเนื่อง
ภาพรวมสำหรับอานเจียเย้นแล้ว ไม่ค่อยเป็นผลดีสักเท่าไหร่จริงๆ ทุกส่วนล้วนหวาดกลัวเรื่องเขาจะขึ้นดำรงตำแหน่งแทน และมีเจตนาที่จะทำลาย อย่างเช่นเมื่อคืน อานเจียเย้นก็ถูกคนโจมตี มีคนต้องการจะลอบสังหารเขา แต่ก็ถูกระงับไว้ได้
เรื่องนี้ก็ไม่ได้บานปลาย ยังถูกเขาจงใจปิดไว้
เรื่องประเภทนี้ ช่วงเวลานี้ ยังจะเกิดขึ้นบ่อยๆ
แต่ว่าในพิธีฝังศพ พินัยกรรมของเพ้ยหยู่เจี๋ยประกาศว่า อานเจียเย้นถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดคนแรก เรื่องนี้ อยู่เหนือการความคาดหมายของซูย้าวเล็กน้อย
คิดไม่ถึงว่าคนอย่างเพ้ยหยู่เจี๋ย จะจัดการทุกอย่างไว้อย่างดีก่อนจะเสียชีวิต โดยปล่อยทิ้งหลานชายแท้ๆโดยสายเลือดอย่างเพ้ยส้าวหลี่ แล้วเลือกบุตรบุญธรรมอานเจียเย้น ในนี้มีความลับอะไรหรือเปล่า เธอยังไม่อยากจะไปสนใจในตอนนี้
สรุปแล้ว หากอานเจียเย้นสามารถสืบทอดทุกอย่างของเพ้ยหยู่เจี๋ยได้อย่างราบรื่น ไม่มากก็น้อย ก็จะเป็นผลดีต่อเธอ จะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการพัฒนาและทิศทางของสถานการณ์
เรื่องเหล่านี้ทำให้รำคาญใจมากเกินไป เธอไม่อยากจะสนใจมาก หลบเลี่ยงทันที โดยมือถือออกจากระบบส่วนตัว แล้วเธอก็เขาที่ร่มเย็น นั่งบนเก้าอี้ เริ่มเลื่อนดูข่าว
ข่าวพาดหัวกระดาษ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องระหว่างเจียงจี้ฉีกับอู๋หยาน การซุบซิบนินทาต่างๆ กล่าวได้ว่าเป็นข่าวที่ทุกคนจับตา แต่ว่า ก็มีคนมากมายใช้หัวข้อนี้ในการขยายความต่อ ใช้เรื่องนี้พาดพิงไปที่บริษัทเจียงหย่วน ทำให้ราคาหุ้นของเจียงหย่วนในช่วงนี้ ผันผวนมาก ชื่อเสียงก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย
ซูย้าวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่งข้อความให้อาตง”ตรวจสอบเจียงจี้ฉีคนนี้หน่อย”
หากเรื่องที่เจียงจี้เซิงพูดมาเมื่อกี้นี้เป็นเรื่องจริง ถ้าอย่างนั้น อสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ของตระกูลเจียงที่อยู่ภายใต้ชื่อเจียงจี้ฉี บางที เรื่องนี้ไม่แน่ว่าอาจจะมีผลประโยชน์เล็กน้อยกับเธอเหมือนกัน
ขณะที่เธอกำลังคิดใคร่ครวญ ทันใดนั้น ก็มีพนักงานบริการผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งหอบเหนื่อยมาข้างๆเธอ”คุณอาน คือคุณลี่หาคุณ…….”
ซูย้าวพยักหน้า เก็บมือถือแล้วลุกขึ้น ตามพนักงานบริการจากไป
เดินอยู่ครู่หนึ่ง เพราะสนามกีฬาใหญ่มาก บริการกลับพาเธอเดินไปทางประตูหลัง เมื่อมาถึงประตูหลัง รถเก๋งสีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่ข้างทางไกลๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน มองไปแวบหนึ่งแล้วรู้สึกไม่คุ้น
ไม่ใช่รถของลี่เฉินซี
ซูย้าวหยุดเดินทันที มองไปทางพนักงานบริการอย่างเย็นชา “ทำไมถึงมาที่นี่?”
“คุณลี่กับคุณเจียงมีธุระด่วน เหมือนจะไปที่ไหนสักแห่ง ให้คนขับรถส่งคุณกลับโรงแรมก่อน”พนักงานบริการอธิบาย แล้วเดินต่อไปข้างหน้า
ซูย้าวกะพริบตาปริบๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงตามขึ้นไป
เมื่อออกจากประตูหลัง เห็นว่าใกล้จะถึงตัวรถแล้ว พนักงานบริการก็หยุดก่อน ดวงตาเป็นประกายจับจ้องไปทางคนขับรถ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย
ภาพง่ายๆ ทำให้ซูย้าวเกิดความสงสัย แต่ยังไม่ทันรอให้มีปฏิกิริยาใด ประตูรถด้านหลังเปิดออก จากนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งออกมาจากรถ ใช้ความเร็วสูงสุดจับตัวซูย้าว จากนั้นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งที่เปื้อนไปด้วยยาบางชนิด อุดไปที่ปากและจมูกของเธอ…..