เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 665 เธอหนีไม่พ้นหรอก
ณ อาคารเฟยหมี ห้อง9999
การออกแบบสไตล์คล้ายวังอันงดงามถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ของสไตล์ที่โดดเด่นที่สุดของหลิ่งโจว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมือง หลายคนจึงไม่ค่อยให้ความสนใจ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งถลุงเงินของชนชั้นสูง
“ขอถามอะไรหน่อย” น้ำเสียงของชายหนุ่มอันต่ำทุ้มดุจแม่เหล็กดังขึ้น ใบหน้าอันหล่อเหลาที่คาบบุหรี่ไว้ในปาก มองผ่านควันบุหรี่ที่ปกคลุมมาทางนี้อย่างลึกล้ำ
ภายใต้แสงไฟนีออนที่สว่างสดใส ดวงตาที่ชุ่มฉ่ำของชายผู้อยู่บนโซฟากรอกขึ้นมองเล็กน้อย เขาใช้ปลายนิ้วคีบบุหรี่แล้วนำมาวางตรงริมฝีปาก สูดเข้าไปเบาๆนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพ่นควันออกมาอย่างช้าๆ “อะไร?”
เจียงจี้เซิงนั่งพิงไปที่โซฟาด้วยท่าทางสง่างาม ขาอันเรียวยาวของเขานั่งไขว้ห่างกัน มือข้างหนึ่งจับตรงที่มือจับเก้าอี้ “คุณตามตื๊อผู้หญิงที่เคยถูกทำร้ายโดยตัวคุณเองได้อย่างไร?”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาอันแสดงความเบื่อหน่ายนั้นหดเกร็ง “ถามเรื่องนี้ทำไม?”
ชายหนุ่มอีกฝ่ายหนึ่งเลิกคิ้วขึ้นแล้วดีดขี้บุหรี่ในมือ “ก็แค่รู้สึกว่าคุณน่าจะมีประสบการณ์มาก”
ลี่เฉินซี “……”
คิ้วของเขาที่ขมวดเข้าหากันอยู่ก็แน่นยิ่งกว่าเดิม “หมายความว่ายังไง?”
เจียงจี้เซิงเผยอยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ยังต้องพูดอีกเหรอ คุณกับซูย้าวเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมทีเดียวไม่ใช่รึไง?”
หลังจากชะงักลงเล็กน้อยเขาก็รีบพูดขึ้นอีกว่า “อย่าอ้อมค้อมไปรีบตอบมาเร็วๆ”
ดวงตาของลี่เฉินซีมีความมืดมนแวบเข้ามา เขาสูดหายใจเข้าลึกด้วยความเบื่อหน่าย คนที่คุณจะตามตื๊อชื่ออะไรนะ……”
เจียงจี้เซิงขยิบตาไปทางเขาและตอบว่า “เซียวไน่!”
นี่มันเวลาไหนกันแล้วลี่เฉินซียังจำชื่อผู้หญิงของเพื่อนไม่ได้เลย
ลี่เฉินซีพยักหน้า “อ้อ นั่นแหละชื่อนี้แหละ”
ก่อนหน้านี้หลายปีเขาก็รู้สึกว่าชื่อนี้ช่างเรียกได้อย่างคล่องปากดีเหลือเกิน ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้วก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้น
“อันดับแรกคุณจะต้องมีท่าทางยอมรับผิด และตระหนักถึงตัวเองให้ดี ระลึกไว้เสมอว่าเราทำผิด ใช้หัวใจที่จริงใจมอบให้เธอ เพื่อให้เธออ่อนไหวสั่นคลอน……” เขาพูดออกมาด้วยท่าทางดูจริงจังแต่เรียบง่าย
เมื่อเจียงจี้เซิงฟังจบ เขาก็ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นพูดว่า “แล้วตอนนี้คุณรู้สึกถึงความผิดตัวเองบ้างหรือยัง?”
ลี่เฉินซีดับบุหรี่ในมือลง “เปล่า”
เจียงจี้เซิง “……”
“คุณกับผมมันไม่เหมือนกัน ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ อย่างไรเสียเธอก็เป็นของผม ชีวิตนี้เธอหนีไปไหนไม่พ้นหรอก” เขาพูดออกมาเบาๆ แล้วครุ่นคิดว่าเรื่องระหว่างตนเองกับซูย้าวนั้นก็เกือบจะสิบปีแล้ว
ยังไม่นับเรื่องที่พวกเขาทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กนะ
เพียงแค่แต่งงานและหย่าร้างจนกระทั่งปัจจุบัน ก็ประมาณสิบปีแล้ว
อีกทั้งมีลูกถึงสามคน
ดังนั้นไม่ว่าเขาจะยอมรับว่าตนเองผิดหรือไม่ ยังไงเธอก็เป็นของเขา ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตามเพียงแค่สามารถทำให้เธออยู่ข้างกายเขาต่อไปได้ก็พอ ส่วนเรื่องอื่นอนาคตยังอีกยาวไกลเขาค่อยๆชดเชยให้เธอก็ได้
เจียงจี้เซิงดับบุหรี่ในมือของตน มือข้างหนึ่งขึ้นมาเท้าข้างขมวดคิ้วและครุ่นคิด หลังจากพิจารณาอยู่สักพักก็พูดว่า “ก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ ว่าแต่ตอนนี้คุณได้เธอมาครอบครองแล้วเหรอ?”
จู่ๆมุมปากของลี่เฉินซีก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ ได้ตัวเธอมางั้นเหรอ?
เมื่อไม่นานนี้เธอเพิ่งฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่ทันตั้งตัวหลบหนีไปเสียแล้ว!
ผู้หญิงคนนี้ ชอบทำให้คนอื่นโมโหจริงๆ เพียงแค่ละเลยเธอเล็กน้อยก็ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก……
……
บริเวณโรงแรมบ่อน้ำพุร้อนที่ไม่ไกลออกไปนัก ซูย้าวเดินตรงไปที่ห้องน้ำด้านในสุดของทางเดิน
เมื่อเธอเดินเข้าไปก็พบว่ามีห้องน้ำเรียงรายมากมายและมีร่างของเซียวไน่ยืนอยู่อย่างสะดุดตา
ซูย้าวหยุดชะงักลง สายตาเธอกวาดมองไปยังห้องน้ำเหล่านั้นแล้วถามออกมาว่า “มีคนทุกห้องเลยเหรอคะ?”
เซียวไน่ยิ้มขึ้นแล้วส่ายหน้า “ไม่ค่ะ ไม่มีคนเลย”
เธอพยักหน้าและเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากนั้นไม่นานตอนที่เธอออกมาก็พบว่าเซียวไน่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ร่างของเธออันผอมเพรียวยืนพิงกับประตูห้องน้ำ ก้มหน้าลงมองกระเบื้องลวดลายละเอียดอ่อนที่พื้น
ซูย้าวกะพริบตาและรู้สึกว่าการกระทำของเธอดูแปลกไป
แต่แปลกตรงไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน หลังจากคิดดูแล้วจึงได้เอ่ยขึ้นว่า “เรื่องในห้องเมื่อสักครู่นี้อย่าเอาไปใส่ใจเลยค่ะ”
เซียวไน่มองดูเธอแล้วยิ้มออกมา
ที่จริงแล้วหน้าตาเธอธรรมดามาก เพียงแต่ว่าผิวพรรณค่อนข้างขาวผ่องหุ่นเพรียวได้สัดส่วน อาจจะไม่ได้จัดว่าเป็นหญิงงามไร้ที่ติ แต่ก็มีเสน่ห์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เธอยิ้มส่งผลต่ออารมณ์คนมองได้ทันได้
รอยยิ้มที่เรียกว่ามีพลังในการรักษาก็คงเป็นแบบนี้สินะ
“ที่จริงเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณอานด้วยซ้ำ ฉันขอขอบคุณที่คุณช่วยออกหน้าแทนฉันอีกครั้งนะคะ!” เธอยิ้มแล้วอธิบาย
ดวงตาอันอ่อนโยนของซูย้าวยิ้มขึ้น “ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอกค่ะ”
เธอก็เพียงแค่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเท่านั้น ต่อให้เป็นคนอื่นเธอก็จะทำแบบเดียวกัน
เนื่องจากทั้งสองคนไม่ได้คุ้นเคยกันเท่าไรนัก ดังนั้นบทสนทนานี้จึงค่อนข้างจะอึดอัด ซูย้าวจึงได้ก้าวขาไปยังอ่างล้างมือและล้างมือ ขณะที่เตรียมตัวจะเดินจากไป จู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงของเด็กร้องขึ้นจึงทำให้เธอชะงักฝีเท้าลง
เป็นเสียงของเด็กทารกน้อยที่ร้องไห้งอแงออกมา ฟังจากเสียงแล้วน่าจะอายุเพียงไม่กี่เดือน
แต่ในห้องน้ำอันว่างเปล่าแห่งนี้มีเพียงพวกเธอแค่สองคน เสียงร้องไห้ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจึงกลายเป็นจุดสนใจได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าของเซียวไน่เต็มไปด้วยความซับซ้อน เธอมองไปยังซูย้าว สายตาของทั้งคู่สบประสานกันเธอรีบพูดขึ้นว่า “ที่นี่…… เก็บเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
ซูย้าวก็พยักหน้าตามอย่างเป็นธรรมชาติ แต่เมื่อเธอหันหลังกลับ เสียงร้องของเด็กคนนั้นก็ดังเข้ามาในหูหนักกว่าเดิม
เห็นได้ชัดว่าเสียงร้องไห้ของเด็กคนนี้ดังมาจากในห้องน้ำห้องในสุด อีกอย่างทั้งโรงแรมถูกเหมาเอาไว้แล้วจะมีแขกคนอื่นๆได้อย่างไร?
ซูย้าวรู้สึกสงสัยขึ้นมาในใจ ฝีเท้าของเธอหนักอึ้งลง เซียวไน่ฟังเสียงร้องไห้ของทารกน้อยที่บีบหัวใจไม่ได้อีกต่อไป เธอทนไม่ไหวและรีบเปิดประตูห้องน้ำห้องในสุด จากนั้นอุ้มทารกคนหนึ่งเดินออกมา
วินาทีนี้ดวงตาของซูย้าวก็ตกตะลึง
เซียวไน่กอดทารกน้อยไว้ในอ้อมแขน มองดูแล้วเจ้าหนูน่าจะอายุเพียงเจ็ดแปดเดือน มือเล็กวางอยู่ในฝ่ามือของเธอ เท้าน้อยๆเหยียดยาว แก้มขาวผ่องของนั้นช่างอ่อนโยน นอนอยู่ในอ้อมอกของหล่อน
เธอกล่อมอยู่สักพักอย่างอดทน แล้วหยิบขวดนมออกมาวัดอุณหภูมิก่อนป้อนให้ทารกน้อยจนกระทั่งหยุดร้อง
เมื่อเธอให้นมเสร็จเรียบร้อยแล้วก็อุ้มทารกน้อยไว้ในอ้อมแขน เซียวไน่มองไปยังซูย้าวด้วยความเขินอาย น้ำเสียงอันคลุมเครือพูดออกมาว่า “คุณอานค่ะ นี่คือลูกสาวฉันเอง คุณจะช่วยฉันเก็บไว้เป็นความลับได้ไหม?”
ซูย้าวตกตะลึงมาก “ลูกสาวคุณเหรอ?”
จากนั้นเธอก็ได้สติกลับคืนมาแล้วพยักหน้า ก่อนจะก้าวเข้าไปพูดว่า “ได้แน่นอน ว่าแต่……ทำไมลูกสาวคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
เมื่อเธอถามประโยคนี้ออกมาเธอก็รู้สึกเสียใจที่พูดมัน
ดูสถานการณ์ในตอนนี้ประกอบกับเมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ห้องน้ำห้องนั้นก็สังเกตเห็นทุกอย่างในห้องในสุด หล่อนปิดฝาโถส้วมเอาไว้ แล้วคลุมด้วยผ้าผืนเล็ก บริเวณรอบข้างมีถุงใหญ่สองใบวางเอาไว้คาดว่าจะเป็นของใช้ของเด็ก ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะถูกวางไว้ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว
การที่เธอทำอะไรแย่ๆแบบนี้ คิดว่าเป็นเพราะอะไรล่ะ?
เซียวไน่เองก็ดูอึดอัดใจมาก เธอก้มหน้ามองดูทารกในอ้อมแขนก่อนจะถอนหายใจว่า “ฉันไม่มีเงินพอที่จะจ้างพี่เลี้ยง และไม่มีญาติคนไหนสามารถช่วยดูแลลูกได้เลย ก็ทำได้เพียงแค่ทำงานไปด้วยและดูแลลูกไปด้วย……”
นี่คือโรงแรมระดับห้าดาว ตอนที่เข้าทำงานนั้นเขียนไว้ชัดว่าไม่อนุญาตให้เอาลูกมาเลี้ยงด้วย ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงหาที่ลับตาคน แต่ละวันมาทำงานเป็นคนแรกและเลิกงานเป็นคนสุดท้าย แล้วซ่อนลูกน้อยเอาไว้ที่นี่……
แม้ว่าจะเป็นวิธีที่ย่ำแย่แต่ตอนนี้ก็เป็นเพียงวิธีเดียวที่สามารถทำได้
ซูย้าวกะพริบตาแล้วมองดูทารกน้อยในอ้อมอก ก่อนจะอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “น่ารักจังเลย ขอฉันอุ้มหน่อยได้ไหม?”
เซียวไน่เองก็ไม่ได้ปฏิเสธและมอบเด็กน้อยให้กับเธอ
เจ้าหนูน้อยน่ารักไม่กลัวคนแปลกหน้า ใครเห็นใครก็รัก ตอนที่อยู่ในอ้อมอกของซูย้าวก็ปล่อยให้เธอสัมผัสได้ตามใจชอบอีกทั้งยังเผยอปากน้อยๆยิ้มขึ้น
จู่ๆซูย้าวก็รู้สึกรักเด็กขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะเด็กตัวเล็กๆแบบนี้ดูเหมือนตุ๊กตาไม่มีผิดเพี้ยน เมื่อโอบเอาไว้ในอ้อมอก แขนกับขาอ่อนนุ่มน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนกับตุ๊กตาคิกขุอาโนเนะที่มองแล้วชวนให้ใจละลาย
ซูย้าวอุ้มทารกน้อยอยู่ในมือในขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรออกมา ก็มีเสียงฝีเท้าหนึ่งดังขึ้นมาในหู……