เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 670 ไม่ใช่ความผิดคุณ
ค่ำคืนอันเงียบสงัด ณ ภัตตาคารหรู เสียงบรรเลงจากไวโอลินอันไพเราะกำลังล่องลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ ในมุมหนึ่งของห้องอาหาร คนสามคนนั่งจ้องหน้ากัน
ลี่เฉินซีนั่งอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ และรินน้ำอุ่นให้กับเธออีกแก้วก่อนจะส่งไปให้ซูย้าว แต่ไม่ได้สนใจในหัวข้อที่ทั้งสองคนสนทนากันแม้แต่น้อย
ส่วนใบหน้าสีหน้าของเจียงจี้เซิงก็ดูลึกล้ำลงไปเล็กน้อย ริมฝีปากของยาเขาเผยอยอขึ้นเบาๆ “คุณอานมองออกได้อย่างไรไม่ทราบ?”
ปากของซูย้าวขยับ เธอไม่ตอบมันออกมาแต่กลับเบี่ยงเบนถามปัญหาอื่นขึ้น เป็นจริงดังนั้นเธอเดาเอาไว้ถูกต้อง
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบสนอง รอยยิ้มบริเวณมุมปากของเจียงจี้เซิงก็เข้มข้นขึ้น เนิ่นนานทีเดียวเขาจึงพยักหน้าพูดว่า “ก็เกี่ยวข้องกันบ้าง แต่ไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิด”
ดังนั้นสายตาของซูย้าวจึงเป็นประกายพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าอู๋หยานเคยชอบหรือเคยตามจีบคุณมาก่อนใช่มั้ยคะ?”
การที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะเข้ามาแทรกแซงระหว่างสองพี่น้อง โดยเฉพาะเกิดขึ้นในตระกูลมั่งคั่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่พบได้บ่อย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีเพียงชายหนุ่มสองคนแย่งผู้หญิงคนเดียวกัน ยังมีสถานการณ์ที่ผู้หญิงคนเดียวรักผู้ชายหลายคนแบบนี้ด้วย
เจียงจี้เซิงสูดลมหายใจเข้าลึก! “ก็ทำนองนั้น”
เขาครุ่นคิดสักพักแล้วเอ่ยเสริมขึ้นมาว่า “คุณอานพอจะเข้าใจว่าอะไรคือการแสดงละครไหม?”
มีอยู่ช่วงหนึ่ง เขาและอู๋หยานมีความสัมพันธ์กันแบบนี้ เขารู้ดีว่าเธอรักและชื่นชมตน ทั้งสองตระกูลก็นับว่าเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก แต่เขาเพียงแค่พยายามเล่นละครตบตาเมื่ออยู่ต่อแน่ผู้ใหญ่เท่านั้นเอง
ซูย้าวพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
เจียงจี้เซิงกับอู๋หยานเป็นแบบนี้ เหมือนตอนนั้นที่อานซินเออร์ก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน
เพียงแต่น่าเสียดายว่าตระกูลอานในหลายปีมานี้ได้ถดถอยลง เดิมทีเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองBแต่กลับล่มลงในชั่วข้ามคืน คนในครอบครัวพากันอพยพไปอยู่ต่างประเทศและเงียบหายไป
ตอนนี้ซูย้าวไม่อยากจะกินอะไรลงไปทั้งนั้น เธอเพียงดื่มน้ำอุ่นไม่กี่อึก เมื่อวางแก้วน้ำลงจึงพูดอีกว่า “ถ้าเช่นนั้นเรื่องของคุณชายรองตระกูลเจียงก็มอบให้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะค่ะ ฉันจะช่วยเขาอย่างเต็มที่เอง!”
ตอนนี้เรื่องราวกำลังเชื่อมโยงกันแล้ว และเธอก็ค่อนข้างมั่นใจมากทีเดียว เพียงแต่ขาดการสอบสืบสวนรายละเอียดอีกไม่เท่าไหร่ แต่ก็ดูเหมือนไม่ส่งผลกระทบอะไรนัก
เจียงจี้เซิงยิ้มตอบกลับไปด้วยท่าทางขอบคุณ “ต้องรบกวนคุณอานด้วยนะครับ ว่าแต่ ผมขอถามอีกครั้งหนึ่งว่าเรื่องของคุณเซียวไน่ คุณจะไม่อยากบอกผมจริงๆเหรอ?”
เซียวไน่คิดไม่ถึงว่าพาเขาวกไปวนมามากมายเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้วเขายังวนกลับมาที่เรื่องของเซียวไน่ได้
เธอครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า “มองดูแล้วคุณเซียว และประธานเจียงจะมีความสัมพันธ์กันไม่ธรรมดาเลยนะคะ”
เจียงจี้เซิงไม่อยากจะอ้อมค้อมใดๆจึงได้พูดออกมาตามตรงว่า “เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมชอบมาโดยตลอด”
“และเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาพยายามตามจีบเธอ ไม่เคยลืมเธอเลยแม้แต่วันเดียวในหลายปีมานี้ แต่มันก็ไม่เป็นผล”
ดวงตาของซูย้าวดูซับซ้อนและจับจ้องไปที่ผู้ชายคนนี้ หางตาของเธอเหล่ไปมองลี่เฉินซี เป็นจริงดังที่ว่า พวกผู้ชายที่จริงจังกับความรู้สึก มักจะมีเพื่อนที่จงรักภักดีแบบเดียวกัน
เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณชายลี่คนนี้ จะรักเดียวใจเดียวเฉกเช่นท่านประธานเจียงหรือเปล่า……
เจียงจี้เซิงก็มองออกว่าแท้จริงแล้วซูย้าวรู้อะไรมาบางอย่างแต่ตั้งใจจะช่วยเซียวไน่ปกปิดความจริง และนี่ก็คือเหตุผลที่เขานั่งอยู่ที่นี่ อย่างใจเย็นแม้เขาจะเป็นคนเร่งร้อน
เขาครุ่นคิดแล้วขมวดคิ้วเหล่ตามอง ยักไหล่เบาๆพูดว่า “ที่จริงต่อให้คุณอานไม่พูดผมก็พอจะรู้อยู่บ้าง เนื่องจากอาไน่อยู่ข้างกายผมมานานหลายปี ผมเองก็พอจะเข้าใจเธออยู่บ้าง”
เมื่อพูดดังนี้ซูย้าวจึงได้ตอบรับเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ขอให้ประธานเจียงดูแลเธอดีๆ และดีกับเธอให้มากๆ! ถ้าเป็นไปได้ละก็ช่วยจ้างพี่เลี้ยงให้เธอสักคนเถอะค่ะ!”
เนื่องจากเลี้ยงลูกนั้นเหนื่อยมาก แต่เซียวไน่เลี้ยงลูกและทำงานไปด้วยเธอคงต้องเหนื่อยมากแน่ๆ
เจียงจี้เซิงขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วถามว่า “เธอต้องการพี่เลี้ยงเหรอครับ?”
ซูย้าวหรี่ตาลง เธอสังเกตเห็นได้ว่าในจานของเธอนั้นมีกุ้งเพิ่มมาอีกตัวหนึ่งและเมื่อมองไปด้านข้างก็พบว่าลี่เฉินซีกำลังปอกเปลือกกุ้งให้เธออย่างใจเย็น เธอจึงรั้งเอาไว้เพียงพูดว่า “ฉันอิ่มแล้วค่ะ”
แม้ว่าจะพูดแบบนั้น แต่เธอก็ยังหยิบกุ้งในจานใส่เข้าในปากตัวเองจนกระทั่งกลืนมันลงไปและหยิบน้ำจากข้างขึ้นมาดื่มแก้วหนึ่ง ตอบกลับเขาว่า “ไม่ใช่เธอต้องการเองหรอก”
“แล้วหมายความว่ายังไง?” เจียงจี้เซิงยังคงเอ่ยถามไม่หยุด
ซูย้าวขมวดคิ้วเข้าหากันไม่ได้คิดอะไรมาก เธอตอบไปว่า “ท่านประธานเจียงรู้ทุกอย่างไม่ใช่เหรอคะ? เจ้าตัวเล็กต้องการ เด็กตัวเล็กขนาดนั้นยังไม่อดนมเลย แน่นอนว่าต้องการพี่เลี้ยงสิคะ……”
เธอยังไม่ทันพูดจบ น้ำเสียงนั้นลากยาวอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เนื่องจากเธอเงยหน้าขึ้นและสังเกตเห็นท่าทางอันตกตะลึงงันของเจียงจี้เซิง
ซูย้าวเองก็ชะงักลง วินาทีนี้เธอเพิ่งจะรู้ว่าตนถูกหลอกแล้ว จึงได้เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “ประธานเจียง คุณตั้งใจหลอกถามฉัน?”
ดวงตาของเจียงจี้เซิงหดลงและดูรีบร้อน จากนั้นก็รีบเอ่ยถามทันทีว่า “เธอมีลูกแล้วเหรอ? เด็กคนนั้นอายุเท่าไหร่? เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?”
ซูย้าวตกตะลึงและรีบส่ายหน้าพูดว่า “ไม่รู้ค่ะ ฉันไม่รู้อะไรเลย”
เมื่อสักครู่เธอถูกหลอกถามไปแล้ว ตอนนี้จะให้เธอพูดอะไรออกมาอีกได้ล่ะ?!
แต่เจียงจี้เซิงไม่สนใจในความยืนหยัดของเธอ ยังคงถามเอ่ยซ้ำว่า “ผู้หญิงหรือผู้ชาย อายุประมาณเท่าไหร่แล้ว คุณอานคุณบอกผมเถอะ!”
“เอ่อ คือ……”
ซูย้าวรู้สึกอึดอัดใจมาก แม้ว่าเธอกลับเซียวไน่จะรู้จักกันเป็นเวลาไม่นาน แต่ดูสถานการณ์แล้วดูเหมือนว่าเซียวไน่จะไม่อยากบอกเรื่องของลูกเธอกับคนอื่นเลย
เจียงจี้เซิงรู้ว่าเธอคงจะไม่บอกอะไรออกมา จึงได้หันไปทางลี่เฉินซี
ลี่เฉินซีถูกสายตาอันร้อนรนของเจียงจี้เซิงมองมาอย่างแหลมคม เขาจึงขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างรำคาญใจ เงยหน้าขึ้นมองดูซูย้าวพูดว่า “บอกเขาไปเถอะ!”
ซูย้าวถอนหายใจออกมา ในเมื่อรู้ว่าไม่อาจปิดบังไว้ได้แล้วสู้พูดออกไปหมดไม่ดีกว่าเหรอ “ที่จริงฉันก็พบเข้าโดยบังเอิญค่ะ เป็นเด็กผู้หญิงประมาณเจ็ดแปดเดือน ดูเหมือนจะเริ่มพูดรู้เรื่องแล้ว”
“เจ็ดแปดเดือน?” เจียงจี้เซิงชะงักลง ในสมองของเขาตอนนี้ดูวุ่นวายไปหมด ระยะเวลานั้นคือช่วงเวลาที่เธอไปจากเขา……
นั่นหมายความว่า นี่คือลูกสาวของเขา!
ตอนนี้เขาเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝันและรีบลุกขึ้นอย่างรีบร้อนพูดขอบคุณว่า “คุณอานครับ ขอบคุณมาก”
เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะจากไปอย่างร้อนรน ซูย้าวจึงได้รีบลุกขึ้นห้ามเอาไว้ “ประธานเจียงคะ แม้ฉันจะไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างคุณกับเซียวไน่เกิดเรื่องอะไรกันมาบ้าง แต่ฉันรู้สึกว่าเธอไม่อยากจะบอกเรื่องของลูกกับใครทั้งสิ้น”
“แต่ผมเป็นพ่อของเด็ก!” เจียงจี้เซิงรีบพูดออกมาขัดประโยคท้ายของเธอเอาไว้
ซูย้าวขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้งแล้วพูดว่า “แต่คุณเซียวไน่ยินยอมที่จะทำงานและเลี้ยงลูกของเธอตามลำพังอย่างยากลำบาก อีกทั้งไม่ถือสาที่จะซุกลูกของเธอเอาไว้ในห้องน้ำ เรื่องราวหนักหนาเหล่านี้เธอก็พยายามแบกรับมันได้ด้วยตัวเอง ถ้าเธออยากจะบอกคุณเธอคงจะบอกคุณไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ประธานเจียงคะ คุณเป็นผู้ชายฉันรู้ดีว่าคุณอยากจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับเธอ แต่คุณก็ควรจะพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของพวกคุณในตอนนี้บ้าง ค่อยเป็นค่อยไปอย่ารีบร้อน……”
เธอยังไม่ทันพูดจบก็สังเกตเห็นได้ถึงสีหน้าของเจียงจี้เซิงที่มืดฟ้ามัวดิน ในวินาทีต่อมาเขาก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นจับไปที่บ่าของซูย้าว “เมื่อกี้คุณพูดว่าเธอเอาลูกเอาไว้ที่ไหนนะ?”
ถ้าเขาฟังไม่ผิด ผู้หญิงคนนั้นกล้าเอาลูกสาวของเขาซุกไว้ในห้องน้ำ?!
เขาเป็นถึงประธานบริษัทเจียงหย่วน ลูกสาวทายาทผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของเจียงซื่อ ถูกเธอวางเอาไว้ในห้องน้ำ?
ซูย้าวมองดูใบหน้าที่โมโหของชายหนุ่มแล้วสูดลมหายใจเข้าพูดว่า “คุณใจเย็นก่อนนะคะ ค่อยๆเจรจากับคุณเซียวและเข้าอกเข้าใจเธอหน่อย”
เจียงจี้เซิงปล่อยเธอออก จากนั้นสูดลมหายใจเข้าพยายามผ่อนคลาย แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น ริมฝีปากนั้นเผยถึงความเยาะเย้ย “อาไน่ ผู้หญิงคนนี้……”
เขาพยายามระงับอารมณ์โกรธที่เต็มทรวงอกตอนนี้ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณซูย้าวอีกครั้งแล้วเดินออกไปจากภัตตาคารรวดเร็วดุจสายลม
ซูย้าวมองตามหลังของชายหนุ่มที่จากไป เธอขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความเป็นกังวลแล้วกระซิบเบาๆว่า “ฉันไม่ควรบอกเขาจริงๆ ดูเหมือนฉันจะพูดมากไปหน่อย…..”
“เขาตั้งใจหลอกถามคุณ ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย”
น้ำเสียงอันเยือกเย็นของลี่เฉินซีรีบพูดขึ้น เขาเงยหน้าหรี่ตามองเธออย่างช้าๆ “อีกอย่าง การที่เขารู้เร็วก็เป็นเรื่องดี”
เมื่อพูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน มืออันเรียวยาวโอบไปที่เอวบางของเธอ ดึงเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ซูย้าวยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกเขาอุ้มขึ้นมาแล้วพูดว่า “อย่าไปสนใจเรื่องของคนอื่นเลย มาคุยเรื่องของเรากันดีกว่า”