เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 671 ผมรักคุณ
ลี่เฉินซีอุ้มซูย้าวขึ้นไปตลอดทางจนถึงห้องสวีทสุดหรู เขาปิดประตูจากนั้นก็วางเธอลง ทันทีที่เท้าของเธอแตะพื้น ร่างสูงของชายหนุ่มก็พุ่งเข้ากักขังเธอทันที เพียงพริบตาเดียว หญิงสาวก็ถูกเขากดไว้กับกำแพงอีกด้าน มือข้างหนึ่งรองศีรษะ ส่วนอีกข้างประคองแก้มขึ้นมาเบา ๆ จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ค่อย ๆ ก้มลง
โดยที่ซูย้าวไม่ทันได้ตั้งตัว จูบหนัก ๆ ของชายหนุ่มก็ถูกกดลงที่ริมฝีปากเธออย่างรวดเร็ว วินาทีนั้น รสจูบของเขาทั้งรุนแรง เอาแต่ใจและดุดัน ราวกับว่าเขาต้องการหลอมรวมร่างเธอเข้าไปในกายของเขาก็ไม่ปาน
ไฟในห้องส่องสว่าง ความเงียบงันค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น วินาทีนี้แม้แต่เข็มตกลงพื้นเบา ๆ ก็คงจะได้ยิน ชายหนุ่มค่อย ๆ ปล่อยเธอออก ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “เมื่อไรคุณถึงจะเป็นเด็กดีแล้วเชื่อฟังผมนะ?”
นัยน์ตาของซูย้าวเบิกกว้างด้วยความตกใจ มีความประหลาดใจในแววตาเธออย่างปิดไม่มิด แพรขนตางอนยาวสั่นระริกเบา ๆ คำพูดที่เธอเปล่งออกมาแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่ ไม่…ไม่ใช่ว่าตอนนี้ฉันก็กำลังตามคุณมาอยู่เหรอ?”
เขาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นมือเรียวยาวก็ค่อย ๆ ลูบคางเธอเบา ๆ ก่อนจะเคลื่อนลงมาช้า ๆ ตามผิวขาวเนียน ผ่านกระดูกไหปลาร้าอันบอบบาง ทีละนิดทีละนิด จากนั้นก็ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเธอลง ขณะที่เสื้อผ้าของเธอกำลังถูกปลดเปลื้อง ร่างบางของซูย้าวก็เริ่มประหม่า เห็นได้ชัดว่าข้างหลังของเธอคือกำแพง ต่อให้จะถอยยังไงก็คงถอยไม่ได้ แต่เธอก็ยังขัดขืนเขาตามสัญชาตญาณที่มี
“อย่า อย่า…” หญิงสาวพยายามดันเขาออก มือหนาที่กำลังกดเธอไว้ตอนนี้ ทำให้สมองน้อย ๆ ของเธอสั่นสะท้านราวกับกลองที่ถูกตี นัยน์ตาของเธอพยายามห้ามปรามเขาอย่างแน่วแน่
ลี่เฉินซีไม่อยากบังคับซูย้าวเลยจริง ๆ เพราะงั้นเขาถึงได้อดทนรอมาเป็นเวลานานขนาดนี้ เพื่อให้เธอโอนอ่อนลง แต่ดูท่าแล้ว เหมือนจะไม่มีวันนั้น
คิ้วเรียวของเขาขมวดเป็นปมเล็กน้อย การเคลื่อนไหวหยุดชะงักลง ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นลูบปอยผมด้านข้างของหญิงสาวแทน “ผมหมายถึงอะไร คุณน่าจะรู้ดีกว่าผมนะ”
ตั้งแต่ที่เธอยอมตกลงทำตามคำขอของชายหนุ่มอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ก็ถือว่าเธอยินยอมที่จะมาอยู่ร่วมกับเขา ซึ่งปกติทั้งคู่ก็จะนอนแยกห้องกัน ถ้าครั้งไหนที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ เธอก็จะหาเหตุผลต่าง ๆ นานามาเพื่อปฏิเสธเขาจนได้
ซูย้าวเม้มริมฝีปากแน่นอย่างหมดหนทาง ใบหน้าประหม่าของเธอแข็งทื่อขึ้นมาทันที “วันนี้ฉันไม่ค่อยสบาย เพราะงั้น….”
“ไม่เป็นไร” เขาพูดขัดเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ถ้าไม่สบาย ทำสักสองสามครั้งเดี๋ยวก็สบายแล้ว”
ขณะที่พูด เขาก็โน้มตัวลงอุ้มเธอในท่าเจ้าหญิงอีกครั้ง จากนั้นก็หันหลังกลับ แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนอีกด้าน
ชายหนุ่มค่อย ๆ วางเธอลงบนเตียง ร่างสูงราวกับภูเขาอันแข็งแกร่งยืดตัวขึ้น พลางดึงเนคไทของตัวเองไปด้วย ก่อนจะโยนมันลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี การกระทำที่ตรงไปตรงมาของเขา ทำให้ซูย้าวทั้งหวาดผวาและตกใจ
ในความทรงจำของเธอ ไม่เคยมีสถานการณ์หรือประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเลย!
ร่างบางของซูย้าวสั่นสะท้านเบา ๆ ด้วยความประหม่า แต่เธอก็ยังไม่ฟัง เธอยังคงต่อต้านเขาตามสัญชาตญาณที่มีเพื่อจะหยุดเขาให้ได้ “ไม่นะ ไม่ได้จริง ๆ !”
น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความสับสน จนแทบจะฟังไม่ปะติดปะต่อกัน “ที่แท้ก็เป็นเพราะคุณอยากจะทำเรื่องแบบนี้กับฉันใช่ไหม? นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของคุณใช่รึเปล่า?”
นัยน์ตาที่หมดความอดทนของลี่เฉินซีเย็นยะเยือกขึ้น แต่การเคลื่อนไหวของเขากลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า “แล้วแต่ ถ้าคุณอยากเข้าใจแบบไหน ก็เข้าใจแบบนั้นแหละ!”
ในใจของซูย้าวรู้สึกหวาดหวั่น ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะใช้ไม่ได้ผลกับเขาแล้ว เธอทำได้เพียงรวบรวมความคิดเพื่อหาทางอื่นที่พอจะขัดขืนหรือหนีออกไปจากอ้อมแขนของเขาให้ได้ “คุณรักฉันไหม?”
คำพูดง่าย ๆ เพียงไม่กี่คำ ถึงแม้จะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ ณ เวลานี้ กลับสามารถชี้ขาดสถานการณ์ตรงหน้าได้
ร่างสูงของลี่เฉินซีชะงักด้วยความตกตะลึง การเคลื่อนไหวของเขาหยุดชะงักทันทีทันใด
ซูย้าวรีบฉวยโอกาสนี้ถอยห่างจากเขาอย่างรวดเร็ว เธอยังไม่ลืมที่จะดึงผ้าห่มมาพันรอบตัวด้วย ท่าทางของเธอตื่นตระหนกราวกับลูกกวางน้อยที่กำลังหวาดกลัว อ่อนแอ ไร้ทางสู้
นัยน์ตาของชายหนุ่มลึกล้ำราวกับผืนน้ำทะเล เขามองเธอนิ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “รัก?”
เธอพยักหน้ารับอย่างร้อนรน “ใช่ คุณรักฉันไหม?”
“คุณรักฉัน หรือว่ารักซูย้าว?” เธอรีบจับประเด็นขึ้นมามั่ว ๆ อย่างชาญฉลาด คาดไม่ถึงว่ามันจะได้ผล
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วแน่น เธอกับซูย้าวไม่ใช่คนคนเดียวกันหรอกเหรอ?
แต่ซูย้าวไม่ได้คิดอย่างนั้น เธอเงยหน้าขึ้น พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและลึกล้ำ “ตอนนี้ฉันคืออานหว่านชิง คุณต้องแยกให้ชัดเจนนะ ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนเดียวกับซูย้าวจริง ๆ แต่ในอนาคตถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ฉันก็คงไม่มีทางกลับไปนั่งไม่มีปากไม่มีเสียง รอคลอดลูกให้คุณหรือหลงรักคุณอย่างโง่งมแบบเธอหรอก”
“อานหว่านชิงน่ะมีเหตุผล แล้วก็…..”
เธอลังเลเล็กน้อย ก่อนจะสูดลมหายใจเย็น ๆ เข้าปอด ความรู้สึกเย้ยหยันตัวเองก่อกำเนิดขึ้นจนผสมปนเปกันไปหมด “ก็ไม่ใช่คนดีอะไร เบื้องหลังก็ค่อนข้างซับซ้อน ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องการหมั้นระหว่างเพ้ยส้าวหลี่ก็ยังจัดการไม่เสร็จ….”
จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่การหมั้นนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นทางการอะไร แต่ทางผู้หลักผู้ใหญ่ก็ให้ความสำคัญกับมันไม่น้อย เพ้ยส้าวหลี่เองก็ใช้โอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์กับเธอมากขึ้น
แต่เบื้องหลังของอานหว่านชิงค่อนข้างซับซ้อน นี่ก็ถือเป็นเรื่องจริง
อันดับแรกคือเธอมีพี่ชายต่างสายเลือดอยู่คนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นคนดีหรือเลวชื่ออานเจียเย้น แล้วตัวเธอเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องมากมายกับกรุ๊ปเพ้ยซื่อ แถมยังรับบทเป็นคู่หมั้นของเพ้ยส้าวหลี่อีก
เรื่องเหล่านี้ยังคงอยู่ แถมยังร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ราวกับเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง ที่ทั้งหมดถูกแปะไว้บนตัวของหญิงสาวที่ชื่ออานหว่านชิง
“ฉันไม่ใช่ซูย้าว แล้วฉันก็ไม่สามารถกลับไปเป็นซูย้าวได้ แม้แต่ลูก ๆ ของคุณก็ยังรู้สึกแปลกแยกกับฉัน ลี่เฉินซีสถานการณ์แบบนี้คุณแน่ใจแล้วเหรอ ว่าคุณรักฉัน หรือว่าคุณรักภรรยาเก่าของคุณที่ชื่อซูย้าวกันแน่?”
เดิมทีเธอแค่อยากจะปฏิเสธเขา แต่พอพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็ไม่มั่นใจตัวเองเหมือนกันว่าเธอแค่เบี่ยงเบนความสนใจเขาเพื่อถ่วงเวลา หรือว่าเธอกำลังพยายามหาคำตอบของคำถามนั้นจริง ๆ กันแน่
การบิดเบือนความทรงจำนั้นมีอยู่หลายประเภท
บ้างก็ผ่านการสะกดจิตบ้างก็ผ่านการผ่าตัดบ้างก็….
เธอไม่รู้ว่าสรุปแล้วช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่ความทรงจำของเธอถูกบิดเบือนไปมาก ถ้าจะรื้อฟื้นมันกลับมาก็คงจะเป็นเรื่องยาก
และที่สำคัญที่สุดก็คือ ซูย้าวไม่รู้ว่าเธอควรจะเป็นอานหว่านชิงคนดื้อรั้นต่อไป หรือควรพยายามตามหาความทรงจำของตัวเอง จากนั้นก็กลับมาเป็นซูย้าวที่เคยมีความสัมพันธ์กับลี่เฉินซี แถมยังมีลูก ๆ อีกสามคนแล้วดี
ไม่ว่าจะทางใด ต่างก็เป็นปัญหาที่เธอต้องคิดวิเคราะห์ให้ละเอียดถี่ถ้วน
ลี่เฉินซียืนมองเธอเงียบ ๆ โดยไม่ขยับไปไหน ทันใดนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ค่อย ๆ ยกมุมปากขึ้นยิ้ม
เขาโน้มตัวลง ก่อนจะประคองแก้มเธอขึ้น แล้วบีบเบา ๆ “คุณอยากได้ยินว่าอะไรล่ะ?”
เธอชะงักไปชั่วณะ “หืม?”
“คุณอยากได้ยินผมตอบว่าอะไร?” เขาพูดย้ำออกมาอีกครั้งอย่างเรียบเฉย
ซูย้าวยิ่งมึนงงกว่าเดิม หมายความว่าอะไร?
นัยน์ตาของเขาลุ่มลึกขึ้น จากนั้นก็จ้องเข้าไปในดวงตาเธอ พร้อมกับพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า “คำตอบก็คือ ไม่ว่าคุณจะเป็นซูย้าวหรืออานหว่านชิง สำหรับผมแล้วมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร”
“ผมสามารถยอมรับซูย้าวที่ไม่พูดไม่จา ยอมรับความใจดีและความเฉลียวฉลาดของเธอได้ ดังนั้นผมก็สามารถยอมรับอานหว่านชิงที่มีเบื้องหลังอันซับซ้อน จิตใจที่โหดเหี้ยมได้เช่นกัน”
เพราะสำหรับเขา ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนชื่อหรือเปลี่ยนตัวตนไปอีกสักเท่าไร เธอก็ยังเป็นเธอ เธอคือผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่หลังจากที่ได้พบกัน หญิงสาวผู้มีรอยยิ้มสงบราบเรียบ ไม่พูดไม่จา ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ เติบโตขึ้นมา แล้วก็ได้แต่งงานกับเขา
ยิ่งตอนนี้ปากดีกว่าเดิมอีกหลายเท่า เด็กดื้อคนนี้ยังพยายามคิดหาทางหลบเลี่ยงเขาอีก
ชายหนุ่มประคองแก้มเธอขึ้นมา ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันเพียงแค่คืบ “คุณจะเข้าใจว่าผมรักคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นซูย้าวหรืออานหว่านชิงก็ได้”
พอเห็นสีหน้าตกตะลึงและไร้วิญญาณของซูย้าวแล้ว ชายหนุ่มก็อดที่จะพูดพร้อมรอยยิ้มไม่ได้ว่า “คำตอบแบบนี้ พอใจไหม?”
ตอนนี้เธอคิดอะไรไม่ออก รู้สึกเพียงแค่ว่าสมองของเธอกำลังจะระเบิดออกมาจนมันเหลือแค่ความว่างเปล่า ราวกับว่าเธอโดนยัดอะไรหลาย ๆ อย่างเข้าไป จนมันพันกันยุ่งเหยิงไปหมด เป็นเวลาครู่ใหญ่ กว่าเธอจะดึงสติตัวเองกลับมาได้ จากนั้นจึงตอบด้วยเสียงตะกุกตะกักว่า “ถ้าคุณบอกว่ารักซูย้าวฉันเข้าใจได้ แต่….คุณรักฉัน….ฉันไม่เข้าใจ”
“ฉันมีดีอะไร! อีกอย่าง เราก็เพิ่งจะรู้จักกัน!” เธอเอียงคอมอง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ที่คุณพูดแบบนี้ก็เพราะ…คิดว่าฉันอาจจะเป็นซูย้าวใช่ไหม! ได้แม่กำมะลอมาให้ลูก ๆ แทน ก็ถือเป็นเรื่องดีของเด็ก ๆ ใช่รึเปล่า?”
คำพูดประโยคนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหู สีหน้าอันหล่อเหลาของลี่เฉินซีค่อย ๆ มืดมนลง