เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 681 อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน
ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นควบคุม แทรกซึมเข้ามาในหัวใจของซูย้าวอย่างไม่ทันตั้งตัว และเธอก็เกลียดความรู้สึกนี้เป็นที่สุด
เธอทักทายอู๋หยานที่อยู่ข้างหน้าไม่ไกล ยิ้มอย่างเย็นชา ยกมือขึ้นมาจับผมทัดหูแล้วพูดว่า:”คุณอู๋ คุณชอบวิธีนี้มากใช่ไหมคะ?และทุกครั้งที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ คุณก็มักจะชอบใช้คำแบบนี้กับคนอื่นใช่ไหมคะ?”
อู๋หยานขมวดคิ้ว “คุณอยากจะพูดอะไร?”
ซูย้าวหรี่ตาลง ความเฉียบแหลมในสายตาลดลงและอ่อนโยนมากขึ้น:”คุณอู๋ ฉันอยากรู้ว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า?”
อู๋หยานตกใจ เธอไม่ได้รีบตอบกลับไป และยังอยากจะเก็บซ่อนสายตาที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง แต่กลับไม่บังเอิญ มันถูกซูย้าวจับได้ตั้งนานแล้ว
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เป็นเหมือนกับที่เธอคาดเดาเอาไว้
แต่ว่า เมื่อก่อนซูย้าวเคยรู้จักกับอู๋หยาน? !
คนสองคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เพราะอะไรถึงได้มาเจอกันอย่างไม่ได้นัดหมาย แล้วมีความสัมพันธ์อะไรต่อกันกันแน่?
ซูย้าวไม่ได้อยากรู้เรื่องพวกนี้ เธอแค่พูดว่า:”ถ้าเรารู้จักกัน งั้นต้องขอโทษด้วย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เราจะมารื้อความหลังกัน แต่ถ้าเราไม่รู้จักกัน งั้นก็ขอให้คุณอู๋มองดูสถานะของตัวเองให้ชัดเจน อย่าพูดคำพูดที่ไม่มีตรรกะพวกนี้ออกมาตามอำเภอใจ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ประพฤติตัวเหมือนคุณ”
ทันทีที่พูดจบ ซูย้าวก็กำลังจะเดินออกไป แต่ตอนที่เธอหันหลังไป ดูเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอก็พูดเสริมว่า:”เอ่อใช่ ข้อเสนอเมื่อกี้ของคุณอู๋ ฉันตอบกลับไปเลยละกันว่าไม่เห็นด้วย สำหรับผลของการพิจารณาคดีจะเป็นยังไง เรารอดูก็แล้วกัน!”
ไม่ว่าผลจะออกมายังไง จะแพ้หรือชนะ ซูย้าวก็ไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกคนอื่นควบคุมและชักใย ชีวิตเป็นของเธอ รวมถึงคดีธรรมดาๆ นี้เหมือนกัน
อู๋หยานยืนขึ้นด้วยความโมโห จ้องมองไปที่แผ่นหลังของซูย้าวด้วยสายตาที่เย็นชา:”งั้นเธอก็อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน!”
ซูย้าวหยุดเดิน แต่เธอกลับไม่ได้หันกลับไป เธอพูดแค่ว่า:”บังเอิญจังเลย ประโยคนั้นก็คือประโยคที่ฉันอยากจะบอกคุณอู๋เหมือนกัน”
จิตใจที่วุ่นวายตอนเช้าของเธอ ตอนนี้ราวกับว่ามันหายไปหมดแล้ว
บางทีลางสังหรณ์ของเธออาจจะแม่นตรง บางทีมันอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรื่องการพลิกแพลงตามสถานการณ์แบบนี้ ซูย้าวชำนาญที่สุด
สำหรับผู้หญิงอย่างอู๋หยาน เธอซ่อนอะไรไว้กันแน่ ทำไมถึงได้รู้จักตัวเองดีขนาดนี้ มักจะมีความไม่เป็นมิตรซ่อนอยู่เสมอ แต่กลับจับทางไม่ได้ คาดเดาไม่ได้ ตอนนี้ซูย้าวไม่อยากสนใจแล้ว แล้วแต่เธออยากจะทำอะไร เพราะว่าตอนที่ตัวเองคืออานหว่านชิง ถ้าอู๋หยานไม่เป็นมิตรจริงๆ งั้นก็ปล่อยให้เธอลงมือซะเถอะ!
อู๋หยานยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ยืนมองดูซูย้าวเดินออกไป เธอกัดฟันด้วยความโมโห เธอได้ยินมาว่าซูย้าวความจำเสื่อม แม้แต่สถานะก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว แต่แค่คิดไม่ถึงว่า ไม่ว่าจะเป็นซูย้าวหรือว่าอานหว่านชิง เธอก็เป็นคนแบบนี้!
สูงส่งอยู่เสมอ ราวกับดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ล่วงเกินไม่ได้ ความศักดิ์สิทธิ์แบบนั้น มันช่างทำให้เธอรังเกียจ!
ทั้งๆ ที่เป็นแค่ลูกติดคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่เป็นแค่คนใบ้คนหนึ่ง แต่แค่กลับมาพูดได้ก็แค่นั้น หรือเธอคิดว่าตัวเองกลายเป็นหงส์ที่บินอยู่บนกิ่งไม้? !
สักวันหนึ่ง เธอจะดึงเธอลงนรกด้วยมือของเธอเอง ให้เธอได้ลิ้มรสความรู้สึกที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ถูกคนดูถูก…
…
หลังจากที่ซูย้าวออกมา เธอไปดื่มกาแฟนเป็นเพื่อนลี่เฉินซี การมาถึงของเจียงจี้เซิง เจียงจี้ฉีและคนอื่นๆ ก็ใกล้ถึงเวลาของการพิจารณาคดีแล้ว ทุกคนพากันเดินเข้าไปในศาล
ทันทีที่ซักถาม ทนายความของอู๋หยานก็พูดก่อน เขาให้รายละเอียดโดยรวมของคดี รวมถึงทุกอย่างที่อู๋หยานผู้เป็นโจทก์ได้รับผลกระทบ อย่างเช่นถูกทุบตีอย่างรุนแรง ถูกกักขังอย่างผิดกฎหมายและถูกบังคับขู่เข็ญ
ทนายความของฝั่งตรงข้ามเป็นคนเก่ง ในขณะที่เขาบรรยายเขาก็ยังค่อยๆ กล่าวหาเจียงจี้ฉีผู้เป็นจำเลยอย่างอ้อมๆ
ดูเหมือนว่าคดีจะคลี่คลายแล้วทุกอย่าง และเจียงจี้ฉีก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเลวทรามไม่น่าให้อภัย ทุกคนที่อยู่ในศาลก็พากันกระซิบกระซาบขึ้นมา
ถึงแม้ว่าหลายๆ คนจะกลัวอำนาจของตระกูลเจียง แต่พวกเขาต่างก็รู้ว่านายท่านของตระกูลเจียงไม่สนใจเจียงจี้ฉีตั้งนานแล้ว เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขายิ่งไม่เป็นห่วงเขาเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นความขี้ขลาดและความกังวลในใจของทุกคนต่างก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ
ลี่เฉินซีนั่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาค่อยๆ เหลือบไปมองเจียงจี้เซิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นเขายังก้มหน้าก้มตาส่งข้อความอย่างเงียบๆ เขาจึงพูดเยาะเย้ยว่า:”มาถึงขึ้นนี้แล้วยังมีอารมณ์มาจีบสาว?”
เจียงจี้เซิงเงยหน้าขึ้นมองเขา ยิ้มมุมปากอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ในฐานะพี่ชาย เขาจะไม่สนใจเรื่องของน้องชายได้เช่นไร แต่เรื่อนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว เดิมทีนายท่านอยากให้เจียงจี้ฉีแต่งงานกับอู๋หยาน จะได้บรรเทาความวุ่นวายของเรื่องนี้แต่กลับถูกปฏิเสธ แบบนี้ ก็คงต้องแล้วแต่เขาแล้ว อธิษฐานให้ตัวเองซะเถอะ
คดีค่อยๆ เข้าสู่ขั้นตอนที่ร้อนแรง อย่างไรก็ตามซูย้าวไม่ใช่ทนายความมืออาชีพ ดังนั้นจึงมีอุปสรรคอยู่หลายอย่าง ถูกทนายของอีกฝ่ายฉวยโอกาสไปตั้งหลายครั้ง
เมื่อเวลาผ่านไป ดูเหมือนว่าเธออยากจะช่วยเจียงจี้ฉี แต่สุดท้ายกลับถูกอีกฝ่ายเอาเปรียบ
ซูย้าวยังบังเอิญสังเกตเห็นอู๋หยานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โจทก์ รอยยิ้มอ่อนๆ เช่นนั้น สายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม ราวกับว่าเธอกำลังพูดว่า ครั้งนี้เธอชนะแน่นอน!
“ฉันมีหลักฐาน” จู่ๆ ซูย้าวก็พูดขึ้นมา พิจารณาคดีมาถึงตรงนี้แล้ว ถึงเวลาต้องเอาคืนบ้างแล้ว
เอาหลักฐานออกมา ซูย้าวเดินเข้าไปหน้าโจทก์:”คุณอู๋ เวลาประมาณสิบโมงเช้าของหนึ่งวันก่อนวันเกิดเหตุ คุณได้ไปซื้อของที่ร้านเสื้อผ้าหญิงเซนดิลไหมคะ?”
ทันทีที่พูดจบ ทนายของอีกฝ่ายก็คัดค้านขึ้นมาทันที:”เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับการพิจารณาคดีในครั้งนี้”
ซูย้าวหันไปมองผู้พิพากษา:”เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคดีนี้อย่างใกล้ชิด”
ผู้พิพากษาไม่ได้คัดค้านอะไร เขาแค่บอกให้ซูย้าวพูดต่อ เธอมองไปที่อู๋หยาน:”สิ่งที่คุณซื้อในวันนั้นคือชุดชั้นในผู้หญิงสามชุดใช่ไหมคะ?”
อู๋หยานขมวดคิ้ว ดูเหมือนไม่ค่อยพอใจ แต่เธอก็ตอบกลับซูย้าวไปว่า:”ใช่ค่ะ”
จากนั้นซูย้าวก็กดรีโมทในมือ บนหน้าจอขนาดใหญ่ก็มีภาพชุดชั้นในผู้หญิงสามชุดปรากฏขึ้นมา ทันใดนั้น ข้างล่างก็เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง
เพราะว่าชุดชั้นในสามชุดนั้นล้วนแต่เป็นชุดนั้นในที่วาบหวิว ขนาดเท่าไหร่ ทุกคนมองดูก็รู้
ซูย้าวยิ้มอ่อนแล้วก็หันไปมองอู๋หยานอีกครั้ง:”ขอโทษนะคะ ในคืนที่เกิดเหตุ คุณสวมชุดชั้นในสีดำตัวนั้นไปเจอกับคุณเจียงจี้ฉีที่เป็นจำเลยหรือเปล่าคะ?”
อู๋หยานสีหน้าแย่ลง นางเหลือบไปมองทนายความที่อยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าทนายอยากจะคัดค้านอีกครั้ง แต่ก็ถูกผู้พิพากษาปฏิเสธ สุดท้าย อู๋หยานจึงทำได้แค่ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา:”ใช่ค่ะ…”
จากนั้นซูย้าวก็เปิดภาพเสื้อผ้าและกายแต่งตัวของอู๋หยานในวันนั้นบนหน้าจอใหญ่ เธอใส่กระโปรงที่สั้นมากและถุงน่องสีดำ บวกกับรูปร่างที่งดงามของเธอ มันช่างเซ็กซี่และเย้ายวนเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนไป ผู้คนต่างพากันกระซิบกระซาบขึ้นมา เสียงซุบซิบนิทาทั้งหมดก็ชี้ไปที่อู๋หยาน
“คุณอู๋ คุณหมั้นกับคุณเจียงจี้ฉีเมื่อต้นเดือนมีนาคมปีนี้ ยืนยันความสัมพันธ์ว่าพวกคุณเป็นคู่หมั้นกัน แล้วก็ยกเลิกงานหมั้นในกลางเดือนมิถุนายนปีนี้ เป็นแบบนี้จริงๆ ใช่ไหมคะ?” ซูย้าวถาม
อู๋หยานนั่งไม่ติดแล้ว เห็นได้ชัดว่าคดีเบี่ยงเบนไปจากความคาดการณ์ของเธออย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าเธอจะมีสีหน้าที่แย่ แต่เธอก็ยังเป็นห่วงสถานการณ์ตอนนี้ ทำได้แค่ตอบกลับไปตามความจริง:”ใช่ค่ะ เป็นแบบนั้น”
“เช่นนั้นในคืนที่เกิดเหตุ คุณเป็นคนนัดเจอกับคุณเจียงจี้ฉีตอนประมาณสามทุ่ม ที่ห้อง909ของโรงแรมไห่ตี้ ใช่ไหมคะ?” ซูย้าวถามอีกครั้ง คำพูดและคำถามของเธอเฉียบขาด
อู๋หยานตกใจ อยากจะสงบสติอารมณ์ แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนรอบตัวกำลังมองมาที่เธอ ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบ แต่เธอก็ทำได้แค่กัดฟันตอบ:”ใช่ค่ะ…”
“และคุณก็เป็นคนเปิดห้อง909ของโรงแรมไห่ตี้ เอง ใช่ไหมคะ?” ซูย้าวยกประเด็นหลักขึ้นมาอีกครั้ง
อู๋หยานตกใจ เธอเก็บอาการไม่อยู่อีกต่อไป เมื่อเธอกำลังจะเปลี่ยนสีหน้า ทนายความที่อยู่ข้างๆ ก็รีบเตือนเธอเอาไว้ เธอถึงได้เก็บอาการไว้ บีบมือตัวเองอย่างแรง ทำได้แต่กัดฟันพูดว่า:”ใช่ค่ะ!”