เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 682 ฉันบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้
“ความสัมพันธ์อดีตคู่หมั้น เป็นคนนัดฝ่ายชายให้ไปเจอที่โรงแรมที่ตัวเองเป็นคนเปิดห้องเอง แล้วยังใส่เสื้อผ้าเย้ายอนแบบนั้น คุณอู๋ เรื่องทั้งหมดที่ฉันพูดเป็นความจริงใช่ไหมคะ?”
ดวงตาที่สวยงามของซูย้าวลึกซึ้ง เธอจ้องมองไปที่อู๋หยาน
อู๋หยานนั่งไม่ติดตั้งนานแล้ว เธอโมโหจนตัวสั่นไปหมด ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ เธอวางแผนมาก่อนแล้วแต่กลับถูกซูย้าวคนนี้ พูดสองสามประโยคก็ทำให้สถานพลิกแพลง!
อู๋หยานไม่ยอมตอบกลับมาสักที ซูย้าวก็อ้าปากถามอีกครั้ง:”ขอโทษนะคะ เรื่องทั้งหมดที่ฉันพูดเมื่อกี้เป็นความจริงใช่ไหมคะ?”
ผู้พิพากษาก็ถามอีกว่า:”โปรดให้คำตอบตามความจริงด้วยครับ”
อู๋หยานหลับตาลงอย่างหมดหนทาง เสียงของเธอเล็ดลอดออกมาจากร่องฟัน:”เป็นความจริงค่ะ”
ซูย้าวพยักหน้าด้วยความพอใจ ตอนที่เธอหันกลับไป เธอกวาดไปมองเจียงจี้ฉีที่นั่งอยู่ไม่ไกล ส่งสัญญาณชัยชนะให้เขา จากนั้น เธอก็แสดงหลักฐานอีกอย่างหนึ่งบนหน้าจอให้ทุกคนดู
มันคือภาพกล้องวงจรปิดที่โรงจอดรถของโรงแรมไห่ตี้ ในคืนที่เกิดเหตุ ตอนที่อู๋หยานออกมาจากโรงแรม เธอจงใจเดินหลบกล้องวงจรปิด แต่สุดท้ายตอนที่เธอขึ้นรถ เธอก็ถูกกล้องวงจรปิดตัวหนึ่งจับภาพไว้ได้
จากภาพบนกล้องวงจรปิด ใบหน้าของเธอยังคงเหมือนเดิม ไม่มีร่องรอยของการถูกทุบตีเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น ที่ทนายความของเธอพูดว่าถูกทุบตีอย่างรุนแรงเมื่อกี้ ไม่ต้องโจมตีก็ชนะ
แสดงหลักฐานทุกอย่างหมดแล้ว เรื่องที่ซูย้าวควรถามก็ถามไปหมดแล้ว ส่วนที่เหลือคือคำแถลงสุดท้ายของทั้งสองฝ่าย
การพิจารณาคดีครั้งนี้ใช้เวลาไปเกือบสี่สิบนาที เมื่อผู้พิพากษาตัดสินว่าเจียงจี้ฉีหลุดพ้นจากความผิดในข้อหาทำร้ายร่างกายและบังคับขู่เข็ญผู้อื่น เขาได้รับการปล่อยตัว เหตุการณ์ทั้งหมดก็จบลงอย่างสมบูรณ์
ตอนที่ออกมาข้างนอก เจียงจี้ฉีรั้งซูย้าวเอาไว้:”คิดไม่ถึงว่าคุณจะช่วยผมจริงๆ ผมไม่รู้ว่าควรพูดอะไร หากคุณอยากได้ที่ดินผืนไหนของผม คุณก็บอกผม ผมจะให้คนร่างเอกสารส่งไปให้คุณ…”
เจียงจี้ฉีรู้สึกขอบคุณเธอมากจริงๆ ตอนที่โลกภายนอกประณามเขา ตอนที่เขาถูกตระกูลเจียงตัดหางปล่อยวัด
กลับเป็นซูย้าวที่เดินเข้ามา เดินเข้ามาช่วยเขาแก้ไขปัญหาทั้งหมดนี้
มันเท่ากับความเมตตา ราวกับการได้เกิดใหม่
แต่ซูย้าวมองไปที่เขาด้วยสายตาที่แผ่วเบา เธอยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว:”คุณชายรอง มีเรื่องบ้างเรื่องที่ฉันต้องอธิบายให้คุณฟัง”
“คุณพูดสิ” เจียงจี้ฉีทำท่าทางดีกับเธอมาก ราวกับเด็กประถมที่กำลังฟังคุณครูสอน
ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอเหลือบมองไปที่อู๋หยานและคนอื่นๆ ที่เดินออกไป จากนั้นก็พูดออกมาว่า:”อย่างแรก วิธีแก้ต่างที่ฉันพูดออกไปเมื่อกี้ ถึงแม้ว่ามันจะถูกกฎหมาย แต่ฉันไม่สนับสนุน”
ถึงแม้ว่าเป้าหมายของทนายความคือการแก้ต่างให้ผู้มอบฉันทะ ใช้ความสามารถทั้งหมดเพื่อที่จะชนะหรือแพ้คดี แต่จะทำทุกวิถีทางเพื่อชนะก็ไม่ได้
“เพราะว่า ไม่ว่าผู้หญิงจะใส่ชุดอะไรหรือทำอะไรก็ตาม หากเธอปฏิเสธหรือไม่เห็นด้วย ผู้ชายก็ไม่ควรใช้กำลังบังคับข่มเหง คุณต้องรู้ว่า ความแข็งแกร่งทางร่างกายของผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิง นี่คือสิ่งที่สวรรค์ให้มา และก็คือกฎธรรมชาติของดีเอ็นเอ แต่แน่นอนว่าไม่ได้ให้ผู้ชายทุกคนเอามันมาจัดการกับผู้หญิง ความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แล้วยังทำให้คนอื่นดูถูกตัวเอง”
ตอนที่ซูย้าวพูด ลี่เฉินซีก็เดินเข้ามาอยู่ข้างเธอตั้งนานแล้ว เธอยังเงยหน้าขึ้นไปมองเขาในเวลาที่เหมาะสมครั้งสองครั้ง สุดท้ายเธอก็มองมาที่เจียงจี้ฉี “สองคือ คุณชายรอง คุณก็จำเอาไว้บ้าง จะทำอะไรก็ขอให้คิดให้ดีก่อน อย่ากระโดดเข้าไปทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเป็นกับดักของคนอื่น แบบนี้มันไม่ดีต่อไอคิวและความสามารถของคุณ”
“สุดท้าย คดีนี้ชนะแล้ว แต่ว่าที่คุณใช้ความรุนแรงกับอู๋หยานมันคือเรื่องจริง ขอให้คุณหาเวลาไปขอโทษเธอเป็นการส่วนตัว และฉันก็หวังว่าเรื่องแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
ซูย้าวพูดจบหมดแล้วเธอก็ยิ้มอย่างแผ่วเบา พยักหน้าให้เจียงจี้ฉีเบาๆ แล้วเดินผ่านเขาไป
พูดได้ว่า ตอนที่เธอบอกว่าเธอจะรับช่วงต่อคดีนี้ เธอก็ได้ส่งคนไปสืบมาแล้ว ดังนั้น ความเป็นไปได้ที่สุดท้ายแล้วจะชนะคดี ซูย้าวก็ค่อนข้างมั่นใจอยู่แล้ว
ทำไมระหว่างทางเธอยังต้องรู้จักกับอู๋หยานคนนี้ ก็เพราะว่าเธอกำลังพิจารณาวิธีแก้ต่างเช่นนี้มาโดยตลอด พิจารณาวิว่ามันถูกต้องหรือไม่ มันจะมีผลกระทบที่ไม่ดีต่ออู๋หยานหรือไม่
แต่สุดท้ายเธอก็เลือกวิธีแก้ต่างแบบนี้
มันส่งผลกระทบกับอู๋หยานจริงๆ แต่ก็ต้องโทษที่ตัวเธอเอง เพราะว่าอู๋หยานเป็นคนวางกับดักเจียงจี้ฉี นี่คือเรื่องจริง
ซูย้าวเดินออกมาข้างนอก จนกระทั่งเดินออกมานอกศาลถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเจียงจี้เซิงที่ถูกรายล้อมไปด้วยนักข่าวนับไม่ถ้วนอยู่ไม่ไกล
เหตุการณ์นี้ถือว่าสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่ผลกระทบที่มีต่อตระกูลเจียงและตระกูลอู๋ คาดว่าคงจะได้รับความสนใจจากนักข่าวอีกครั้ง
ลี่เฉินซีเดินเข้ามาจับมือเธอไปขึ้นรถ
พวกเขากลับไปที่โรงแรมก่อน ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้อง เขาก็อ้าแขนกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง ใช้มืออีกข้างหนึ่งปิดประตูและล็อคประตู
ซูย้าวรู้สึกถึงอะไรบางอย่างอย่างไม่ทันตั้งตัว ดังนั้นตอนที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาพุ่งเข้ามา เธอก็รีบใช้มือปิดปากของตัวเองไว้ทันที “อย่างดื้อ ฉันเหนื่อยแล้ว”
เธอพูดพร้อมกับดิ้นออกมาจากอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
แต่ลี่เฉินซีก็ยังกอดเธอมาจากทางด้านหลังอีกครั้ง แล้วยังอุ้มเอวเธอขึ้นมา อุ้มเธอเข้าไปในห้องนอน
โยนเธอลงบนเตียง แล้วเขาก็โนมตัวลงไปทับ วางมือข้างหนึ่งไว้ข้างหูของเธอ น้ำเสียงที่แผ่วเบา บวกกับดวงตาที่เฉียบแหลมสีดำคู่นั้น มันช่างมีเสน่ห์เข้าไปถึงกระดูก:”เหนื่อยแล้ว งั้นผมช่วยทำให้คุณผ่อนคลาย…”
ซูย้าวขมวดคิ้วแน่น เธอดิ้นและขัดขืน :”อย่าดื้อ ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์”
ลี่เฉินซีหยุดการเคลื่อนไหว ราวกับว่านึกอะไรขึ้นมาได้ ยกมือขึ้นมาลูบที่ใบหน้าเล็กๆ ของเธอ:”ที่คุณพูดกับอาฉีก่อนหน้านี้ คุณกำลังพูดให้ผมฟังเหรอ?”
ซูย้าวนึกขึ้นมาได้ รู้สึกว่ามันพอสมควรแล้ว เธอพยักหน้า:”อืม ใช่แล้ว ไม่ว่าผู้หญิงจะใส่ชุดอะไร หรือแม้แต่ไม่ได้ใส่อะไรเลย แต่ถ้าเธอปฏิเสธ ผู้ชายก็ไม่ควรบังคับ นี่คือการเคารพ เข้าใจไหม?”
เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้ได้ยังไง!
แต่ลี่เฉินซีจงใจหรี่ตาลง ราวกับหมาป่าหิวโหยมานานไม่รู้จักอิ่ม:”ไม่เข้าใจ เจอกับผู้หญิงที่ตัวเองชอบ อยากนอนกับเธอ มันไม่ใช่เรื่องปกติเหรอ?”
ซูย้าวขมวดขึ้นแน่นขึ้นกว่าเดิม:”ปกติอะไรกัน? หลักการอะไรของคุณ!”
พูดจบเธอก็ผลักเขาออกไป:”คุณอย่ามาแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ ฉันไม่มีอารมณ์ ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”
ต้องให้เธอพูดตรงๆ แบบนี้เขาถึงจะเข้าใจเหรอ? !
เธอส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ แล้วกำลังจะลุกออกไปจากเตียง แต่กลับถูกเขาดึงกลับมาอีกครั้ง ดึงกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนอีกครั้ง เขากอดเธอจากด้านหลัง หน้าอกที่แข็งแรงราวกับภูเขา กอดร่างที่เล็กๆ ของเธอไว้แน่น “แต่ผมมีอารมณ์ แค่รอบเดียว โอเคไหม?”
เขาไม่ค่อยมีความอดทนและนิสัยแบบนี้สักเท่าไหร่ ถามออกมาเองแบบนี้ หายากจริงๆ
แต่ว่าซูย้าวก็ไม่หลงกล เธอหันหน้าไปบีบริมฝีปากบางๆ ของเขาและพูดว่า:”ไม่ได้!”
พูดจบเธอก็กวาดตาไปมองแสงแดดที่เจิดจ้านอกหน้าต่าง:”กลางวันแสกๆ จะดื้อทำไม ถ้าไม่มีอะไรทำ งั้นก็ไปช้อปปิ้งกับฉัน?”
“ช้อป ช้อปปิ้ง?” ลี่เฉินซีตกใจ
เธอดูสนใจเป็นอย่างมาก:”ทำไมกัน ช้อปปิ้งคุณไม่รู้จักเหรอ?หรือว่าคุณลี่อายุขนาดนี้แล้ว ไม่เคยไปช้อปปิ้งกับผู้หญิง?”
เขาส่ายหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาไม่เคยไปช้อปปิ้งกับผู้หญิงคนไหนจริงๆ แค่เคยไปช้อปปิ้งกับเธอสองสามครั้งเมื่อสองปีก่อน
ซูย้าวราวกับเจอสมบัติล้ำค่าที่หายาก เธอมองเข้าด้วยสายตาแปลกๆ หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้โกหก เธอยิ่งสนใจมากกว่าเดิม เธอยืนขึ้นและกอดแขนเขา:”งั้นก็ถือว่าไปกับฉันครั้งแรก ไปสิ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปช้อปปิ้งกับฉัน!”
ลี่เฉินซี:”…”
แต่เธอกลับไม่สนใจใบหน้าที่แข็งทื่อของเขา ดึกเขาลุกขึ้นแล้วผลักเขาเข้าไปในห้องแต่งตัว ลี่เฉินซีได้สติกลับมา:”ไปช้อปปิ้งก็ไปช้อปปิ้ง ทำไมต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า?”
“ไปช้อปปิ้งก็ต้องใส่ชุดลำลองสิ ใครจะชอบให้ท่านประธานจอมเผด็จการใส่ชุดสูทรองเท้าหนังเดินอยู่ข้างๆ คุณอยากเป็นจุดสนใจของทุกคนเหรอ?” ซูย้าวพูดจบก็ปิดประตูห้องแต่งตัว ปล่อยให้เขาอยู่ข้างในนั้นคนเดียว
และทันทีที่เธอหันหลัง สายตาของเธอก็มองไปเห็นโทรศัพท์ของเขาที่อยู่บนเตียง…