เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 690 กรุณาไสหัวออกไป
ดวงตาที่ลึกซึ้งของลี่เฉินซีก็มืดมนลง เขามองเธอที่อยู่ข้างๆ ยื่นมือออกไปบีบจมูกเล็กๆ ของเธอ:”คุณไปเลียนแบบใครมา?”
เธอปากจัดและร่าเริงมากกว่าเมื่อก่อนจริงๆ ราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ซูย้าวยิ้ม บนใบหน้าที่สวยงามมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฏขึ้นมา:”ไม่บอกหรอก แต่คุณต้องเชื่อฟังและเป็นเด็กดี อย่ามาแตะต้องฉัน ไปพักผ่อนซะนะ!”
เขาส่ายหน้า อุ้มเธอขึ้นมา:”ไม่แตะต้องก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องให้ผมกอดคุณนอนหลับ!”
พวกเขาจะแต่งงานกันแล้ว แล้วก็ยังไม่เวลาอีกตั้งเยอะแยะ จะใจร้อนไม่ได้ ถ้าทำให้เธอเหนื่อยเกินไปมันก็คงไม่ดี
เขาอุ้มเธอไปที่ห้องแต่งตัวและเร่งเธอ:”เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปกินข้าวข้างล่าง!”
เธอเหลือบมองเขาอย่างช่วยไม่ได้ ผลักเขาออกไปข้างนอกแล้วตัวเองก็เปลี่ยนเสื้อผ้า
สองวันต่อมา ลี่เฉินซีก็เชื่อฟังเธอเป็นอย่างดี เธอบอกว่าไม่ เขาก็จะไม่แตะต้องเธอ พวกเขาจะกินข้าวด้วยกันแล้วออกไปเดินเล่นด้วยกัน จากนั้นก็กลับมานอนกอดเธอแล้วนอนหลับไป
ชีวิตที่เรียบง่ายแบบนี้ มองดูแล้วไม่มีอะไร แต่มันกลับมีความหวานที่ราวน้ำผึ้ง ทำให้ผู้คนเสพติดโดยไม่รู้ตัว และก็ไม่สามารถหยุดมันได้อีกต่อไป
แต่โชคดีที่ชีวิตแบบนี้อยู่ได้ไม่นาน ยังไม่ถึงขึ้นทำให้เธอสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเพราะเรื่องนี้
ในที่สุดก็มาถึงวันที่สาม วันแต่งงานของพวกเขา นักข่าวจากทั่วเมืองก็พากันมารวมตัวกันอยู่ที่นอกโบสถ์ตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อพยายามถ่ายงานแต่งงานของพวกเขา
ซูย้าวก็ตื่นขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้า หลังจากที่ยุ่งเสร็จแล้ว เธอก็ไล่ทุกคนออกไป เธอเดินไปที่ระเบียง มองดูตึกที่อยู่ไกลๆ และครุ่นคิด
โทรศัพท์ของเธอสั่น เธอหยิบขึ้นมาเปิดดู มีข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นมา:”เตรียมพร้อมหมดแล้ว”
ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างหมดหนทาง หันกลับมาและเดินถือชายชุดแต่งงานลงไปชั้นล่าง ทั้งนอกบ้านและในบ้านตอนนี้ นอกจากเธอก็ไม่มีใครสักคน
เพราะว่างานแต่งงานวันนี้ แม่บ้านพาพวกพี่เลี้ยงไปจัดงานข้างนอก พวกเธอยุ่งกันอยู่ข้างนอก
ซูย้าวเดินลงบันไดมาช้าๆ มองดูทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวด้วยสายตาที่สับสน ทันทีที่เงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา ทำให้เธอตกใจ และสายตาของเธอก็มืดมนลง
อู๋หยานใส่ชุดกระโปรงยาวสีอ่อน รูปร่างที่งดงามช่างมีเสน่ห์ เธอเดินเข้ามาหาซูย้าว:”เจ้าสาวสวยจริงๆ เลย อย่างน้อยก็สวยกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะ”
ซูย้าวเดินลงมา ปล่อยชายกระโปรงที่อยู่ในมือลงแล้วยืนมองเธอแต่ไม่พูดอะไร
“เธอมีความสามารถที่คนอื่นคิดไม่ถึงจริงๆ จริงๆ นะ คิดไม่ถึงว่าแค่ไม่กี่เดือน ก็สามารถทำให้ลี่เฉินซียอมแต่งงานกับเธอ” อู๋หยานพูดออกมาเบาๆ ในน้ำเสียงมีความตกใจและไม่พอใจ
งานแต่งงานที่กะทันหันแบบนี้ ทำให้แผนการทั้งหมดของเธอยุ่งเหยิงไปหมด ลี่เฉินซีแต่งงานกับซูย้าว งั้นก็หมายความว่าเธอไม่มีโอกาสอีกแล้ว
การไปทำศัลยกรรม ปลอมตัว ทั้งหมดนี้ก็เท่ากับไร้ประโยชน์
“เธอคิดว่าเขารักเธอจริงๆ เหรอ” อู๋หยานยกมือขึ้นมาจับผมของตัวเอง ดวงตาที่สวยงามของเธอก็เฉียบแหลม “ถ้าไม่มีลูกๆ สองสามคนนี้ เขาจะยอมแต่งงานกับคุณเหรอ?”
ที่ผ่านมา เธอมั่นใจว่าซูย้าวแค่โชคดี เธอคลอดลี่เจิ้งออกมา จากนั้นก็คลอดแฝดหญิงหนึ่งชายหนึ่ง เพราะมีเด็กสามคนนี้ เธอถึงได้มีชีวิตที่ราบรื่นแบบนี้!
และสิ่งเดียวที่เธอขาดไปก็คือลูกคนเดียวเท่านั้น
ซูย้าวฟังเธอพูดตังเยอะแยะอย่างเงียบๆ สำหรับความโมโหในสายตาของเธอ ซูย้าวสังเกตเห็นมันอย่างชัดเจน เธอพยักหน้าเบาๆ แล้วขยับริมฝีปากพูดออกมาว่า:”ซูหยวน”
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอถึงกับตกใจ สีหน้าที่ตกใจของเธอ มันปิดไว้ไม่อยู่
ซูหยวนตกใจ ทั้งๆ ที่เธอปลอมตัวเป็นอู๋หยานแล้ว ซูย้าวต้องจำเธอไม่ได้สิ…
“ฉันพูดถูกใช่ไหม?” ซูย้าวเลิกคิ้วขึ้นและหรี่ดวงตาที่สวยงามลง “สงสัยไหมว่าฉันรู้ได้ยังไง?”
ที่จริงแล้วมันไม่ได้ยากเลย ตั้งแต่ซูย้าวสงสัยว่าอู๋หยานมีบางอย่างผิดปกติ และเธอก็ไปสืบเจอคนที่เคยมีความเข้าใจผิดและพัวพันกับเธอจากโม่หว่านหว่าน ค่อยๆ สืบไปทีละคน สิ่งเดียวที่เจอก็คือซูหยวนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากที่เลิกกับเจี่ยงหลินไป เห็นได้ชัดว่าซูหยวนกลับมาในประเทศแล้ว แต่ว่าเธอไปที่ไหน ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาในแทบจะไม่มีร่องรอยและเบาะแสอะไรเลย
ถ้าเป็นคนที่ยังมีชีวิต เป็นแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?
ถึงแม้ว่าซูหยวนจะไม่ใช่คนดีอะไร แล้วก็ทำให้ใครหลายคนไม่พอใจ แต่เธอก็คงไม่ถึงขึ้นที่จะถูกลอบฆ่า ดังนั้นเธอยังไม่ตายแน่นอน ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน?
คนหนึ่งือซูหยวนที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย อีกคนหนึ่งคืออู๋หยานที่แปลกๆ เอามารวมกัน มันก็ไม่ยากที่จะจินตนาการ
และอู๋หยานตัวจริงก็ไม่เคยออกไปจากหลิ่งโจวแม้แต่ครึ่งก้าว เธอแค่ซ่อนตัวอยู่ในนั้น ถ้าอยากจะตามหาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ดังนั้นการปลอมตัวครั้งนี้ของซูหยวน ดูเหมือนว่ามันจะไม่รั่วไหล แต่ในความเป็นจริงมันเต็มไปด้วยช่องโหว่ และก็ง่ายที่จะจับทางได้
ซูย้าวมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา เธอมองดูซูหยวนด้วยความดูถูก:”ดังนั้นไอคิวคือของที่ดี แต่เห็นได้ชัดว่าเธอในตอนนั้นไม่มีไอคิว และเธอในตอนนี้ก็ยังเรียนรู้ไม่ได้”
ซูหยวนมึนงง ผ่านไปสักพักถึงได้สติกลับมา เธออยากจะโต้ตอบแต่เพราะว่าเธอโมโหเกินไป อารมณ์ของเธอจึงรั่วไหลออกมาอย่างชัดเจน:”คุณ… จะพูดเหลวไหลอะไรก็ต้องมีขอบเขต คุณจะพูดมั่วๆ ไม่ได้!”
“ทำไมกัน คิดว่าแค่ปลอมตัวก็สามารถครอบครองลี่เฉินซีได้?หรือคิดว่าแค่เปลี่ยนหน้าและมาปรากฏอยู่หน้าฉัน ฉันจะจำไม่ได้?” ซูย้าวถามกลับอย่างเย็นชา
เธอจำไม่ได้จริงๆ แม้แต่ตอนนี้ เธอก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับซูหยวนในตอนนั้น
แต่ตอนนี้เรื่องพวกนั้นยังสำคัญอยู่เหรอ?
ซูย้าวไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับเธอต่อ เธอยกมือขึ้นปัดผมไปไว้หลังหู:”ฟังไว้ให้ดี ไม่ว่าเธออยากจะทำอะไร แล้วเป้าหมายคืออะไร แต่ฉันจะเตือนเธอไว้อย่างหนึ่ง อย่ามาขัดขวางฉัน ไม่งั้น เธออาจจะตายไปอย่างไม่เหลือแม่แต่กระดูก นั่นอาจจะเป็นจุดจบของคุณ!”
เธอไม่ใช่ซูย้าวที่จิตใจดีและปิดทองหลังพระคนนั้นอีกแล้ว เธอในตอนนี้สามารถทำอะไรออกมาก็ได้ที่เธอเองก็ยังคาดไม่ถึง ดังนั้น คำพูดพวกนี้ไม่ใช่แค่พูดให้ซูหยวนตกใจเท่านั้น
ซูหยวนโมโหจนตัวสั่นไปทั้งตัว สีหน้าของเธอเก็บอาการไม่อยู่ตั้งนานแล้ว เธอค่อยๆ พูดออกมา”เธอ…”
“หยุดพูดจาไร้สาระ ออกไปเถอะ!” ซูย้าวออกคำสั่งไล่เธอ “ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ กรุณาไสหัวออกไป”
พูดจบ เธอก็ตะโกนเรียกแม่บ้านที่มีกำลังยุ่งอยู่ข้างนอกเข้ามาแล้วสั่งว่า:”ส่งแขก!”
แม่บ้านเดินเข้ามาข้างหน้าซูหยวน จากนั้นก็ทำมือ’เชิญ’ด้วยความเคารพ:”คุณอู๋หยาน เชิญทางนี้ค่ะ”
ซูหยวนกัดฟันด้วยความโมโห เดิมทียังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่มีแม่บ้านอยู่ข้างๆ เธอทำอะไรไม่ได้ เธอจึงกัดฟันและเดินออกไปข้างนอก
เธอพึ่งเดินออกมาก็บังเอิญเจอกับพวกเด็กๆ พอดี
เจี่ยงเวินอี๋พาเด็กๆ ทั้งสามคนกลับมาตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะยังไงวันนี้ก็เป็นวันแต่งงาน พวกเด็กๆ เบื่อหน่ายเต็มทนแล้ว แล้วพวกเขาไม่ได้เจอกับซูย้าวตั้งหลายวัน ลี่หมิงกับซีซีคิดถึงเธอเป็นอย่างมาก ตอนนี้พวกเขากำลังวิ่งตรงดิ่งเข้าไปข้างใน
ลี่หมิงวิ่งไม่ระวัง บังเอิญวิ่งไปโดนซูหยวนเข้าให้ เขาก็รีบก้มหน้าขอโทษด้วยความเคารพ:”คุณป้า ขอโทษครับ!”
ซูหยวนเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่ดูถูก และกำลังจะก้าวเดินต่อ เสียงที่ห้ามพวกเด็กๆ ของแม่บ้านก็ดังเข้ามาในหูของเธอ:”นายน้อยทั้งสองและคุณหนูน้อย วันนี้เป็นวันแต่งงานของคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิง คุณผู้หญิงกำลังแต่งตัวอยู่ พวกคุณๆ อย่าพึ่งเข้าไปรบกวนดีกว่าไหมคะ?”
พวกเด็กๆ ก็รู้ความ พวกเขาหยุดเดินอย่างรู้ความ แม่บ้านก็กำลังจะพาพวกเด็กไปที่อื่น แต่จู่ๆ ก็มีกลิ่นอะไรลอยออกมาตามอากาศ เธอจึงบ่นออกมาว่า:”กลิ่นอะไรกัน ไฟไหม้ที่ไหนเหรอ?”
ทันทีที่แม่บ้านพูดแบบนี้ออกมา ซูหยวนก็หยุดเดินทันที
เธอลืมตาขึ้นเหลือบมองไปข้างหลังบ้าน เห็นควันบางๆ ลอยออกมาจากข้างหลัง ดูแล้วก็ยังบอกไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่ากลิ่นควันไฟรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้คนคิดว่าต้องเกิดไฟไหม้ที่ไหนแน่นๆ !
แม่บ้านก็เห็นควันอยู่ไกลๆ เธอจึงบอกให้พี่เลี้ยงไปดู ทุกคนต่างยุ่งวุ่นวาย แต่ซูหยวนกลับราวกับแขกที่รอดูความสนุก มองดูข้างในบ้านด้วยสายตาที่เย็นชาและสีหน้าที่ไม่แยแส รอยยิ้มแห้งที่เยาะเย้ยปรากฏขึ้นมาที่ริมฝีปากของเธอ…