เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 719 ต้องเป็นเธอเท่านั้นเหรอ?
ราตรีเปรียบเสมือนผ้าสีดำผืนใหญ่ที่แผ่กว้างออกไป มันครอบคลุมไปทั่วท้องฟ้าของเมืองนี้ แผ่ขยายไปทั่วทุกชั้นเมฆ แม้แต่ดวงดาวสักดวงก็ไม่มี เห็นเพียงรถรามากมายและไฟราตรียามค่ำคืนยาวเหยียดมังกรตัวยาว แทรกเข้ามาท่ามกลางความมืด
ซูย้าวเอนกายกลับไปที่เตียงนอนอีกครั้ง แต่เธอไม่มีความง่วงอีกต่อไปจึงยากที่จะหลับตาลง
แม้ว่าจะยังคงมีไข้อยู่เล็กน้อย ร่างกายก็ยังไม่ค่อยแข็งแรงสักเท่าไหร่ แต่เรื่องเหล่านี้เธอไม่ได้นำมาครุ่นคิดแม้แต่น้อย เธอลุกขึ้นแล้วเปิดไฟที่หัวเตียงอีกครั้ง
จู่ๆก็มีแสงสว่างขึ้น ทำให้ภายในห้องสดใสสว่างขึ้นกว่าเดิม
เธอใช้ประโยชน์จากแสงไฟนี้ในการค้นหาสมุดหรือหนังสือที่สามารถจดได้จากในลิ้นชักทั่วห้อง แต่หลังจากค้นหาอยู่พักหนึ่งก็ยังไม่พบ
ซูย้าวถอนหายใจออกมาอย่างหนักอึ้ง เมื่อครุ่นคิดดูดีๆ เธอรู้สึกว่าในวันแต่งงานนั้น ระหว่างที่เธอเดินทางออกมา ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่นอน จึงทำให้เรื่องเหล่านั้นเกินกว่าที่เธอคาดเดาเอาไว้ และทำร้ายลูกอีกตั้งสองคน
ประการแรก ลี่เจิ้งและลี่หมิงเป็นคุณชายของตระกูลลี่ อีกทั้งยังอายุน้อย หากว่าในตอนนั้นพวกเขาทั้งสองคนอยู่ในสถานการณ์ไฟไหม้ คนอื่นก็ควรจะเข้ามาปกป้อง ไม่น่าจะเข้าไปตกอยู่ในเปลวไฟได้
ประการที่สอง เหตุการณ์ไฟไหม้นั้นเธอจงใจสร้างมันขึ้นมา ขณะเดียวกันเธอยังให้หลินเจว๋ช่วยสร้างลูกระเบิดเล็กขึ้นสองลูก จุดประสงค์เพื่อสร้างความสับสนให้กับผู้ที่ได้ยินเสียง
เนื่องจากหากว่าขณะเกิดเหตุไฟไหม้มีการระเบิดขึ้นอีก สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความเสี่ยงอันตรายมากยิ่งขึ้น พวกเขาจะพากันหลบหนีไปไกล นี่คือธรรมชาติของมนุษย์
แต่ในตอนนั้นเธอจุดไฟขึ้นเพียงที่ตรงผ้าม่านแล้วใช้ระเบิดควัน ซึ่งเธอต้องการสร้างสถานการณ์ให้คนอื่นเห็นว่าไฟลุกลามและได้กลิ่นควันคละคลุ้ง จะได้พากันคิดว่าไฟกำลังจะลุกลามขึ้นใหญ่ แต่แท้จริงแล้วไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้นเอง
แล้วทำไมเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นจึงกลายเป็นว่าลุกลามไปทั้งคฤหาสน์ได้?
จนกระทั่งวันนี้ เหตุผลเดียวที่เธอสรุปได้นั่นก็คือมีคนหักหลังเธอ และอวดดีปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในการทำให้เกิดไฟไหม้
ว่าแต่ลูกทั้งสองคนเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เหตุเพลิงไหม้ได้อย่างไร?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้จึงทำให้เธอไม่ง่วงเลยแม้แต่น้อย เธอนั่งลงเอนกายไปที่หัวเตียงด้านหลังเงยหน้ามองดูเพดาน อีกอย่าง หากว่าอาหยานก็คือซูหยวนศัลยกรรมปลอมตัวมา เธอมีวัตถุประสงค์อะไร?
ลี่เฉินซีน่าจะเป็นวัตถุประสงค์แรกที่เธอต้องการ
แล้วอย่างอื่นล่ะ? เบื้องหลังของผู้หญิงคนนี้คือใครกันที่ซุกซ่อนอยู่?
เธอยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เรื่องทุกสิ่งอย่างก่อนหน้านี้ที่ทำลงไปเธอเพียงต้องการที่จะหลุดออกจากพันธนาการของอันเจียเย้น ยุติจากเกมอันไร้สาระนี้ลงสักที จึงไม่ได้ครุ่นคิดอะไรมากมาย ตอนนี้เมื่อมาคิดดูดีๆจึงได้รู้สึกว่า……ทุกสิ่งทุกอย่างรอบคอบและน่ากลัวเหลือเกิน
หากว่าก่อนหน้านี้ เป็นเกมที่อันเจียเย้นสร้างขึ้นมา ทุกฉากมีจุดประสงค์เพียงเพื่ออยากรู้ว่าเธอจะสามารถยอมรับกับตัวตน อานหว่านชิงหรือไม่ เธอทั้งรักทั้งเกลียดลี่เฉินซีจริงหรือเปล่า และท้ายที่สุดแล้วเหตุการณ์ก็ดำเนินไปถึงจุดที่ไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากว่ายังมีใครอีกคนหนึ่งคอยจัดฉากเหล่านี้ไว้ล่ะ?
หรือพูดได้ว่าเป็นแผนซ้อนแผน
หากเป็นเช่นนั้น เธอได้รับบทบาทเป็นอะไรกัน? ถือว่าอยู่ในตำแหน่งใด บัดนี้ลี่เฉินซีกับลูกๆที่พบเจอกับสถานการณ์แบบนี้จะปลอดภัยหรือ?!
เธอไม่อยากจะมัวแต่มาครุ่นคิดลังเลอยู่เพียงลำพัง ดังนั้นจึงได้ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปยังห้องหนังสือ
ที่นี่มีคอมพิวเตอร์ของลี่เฉินซี เธอต้องการยืมเขาใช้ในการสืบหาข้อมูลบางอย่าง
ซูย้าวมีความคิดเช่นนี้และเธอก็ทำมันจริงๆ เนื่องจากว่าภายในห้องมืดสนิท เธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก อาศัยเพียงแสงที่ส่องมาจากดวงจันทร์ผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง เดินตรงเข้าไปที่โต๊ะทำงานแล้วเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คออก
ท่ามกลางความมืด มีแสงไฟออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์สลัว ทำให้ใบหน้าอันซีดขาวของเธอมองไปแล้วดูเขาเหมือนกับวิญญาณยิ่งกว่าเดิม แต่เธอกลับไม่ได้ไปใส่ใจสิ่งเหล่านี้ เธอจดๆจ้องๆไปที่การค้นหา นิ้วมือทั้งสิบอันคล่องแคล่วสัมผัสไปยังแป้นคีย์บอร์ด จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น ทำให้เธอสะดุ้งสุดตัว
ต่อให้ฝันซูย้าวก็คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญถูกเขาพบเข้าในที่นี้
มันช่างบังเอิญเกินไปไหม?
ถ้าเธอจำจะไม่ผิดละก็ ครั้งแรกที่เดินทางมาที่นี่ก็เป็นแบบนี้ ทั้งๆที่เธอเห็นกับตาตัวเองแล้วว่าเขาเดินกลับเข้าห้องไป แต่จู่ๆเขาก็เดินมายังห้องของเธออย่างไม่มีวี่แวว
หรือในแต่ละห้องมีทางลับเชื่อมกันนะ?!
ความคิดของเธอหมุนแล่นไปอย่างรวดเร็ว แต่ชายหนุ่มที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนักในปากคีบบุหรี่เอาไว้ เดินมายังเธออย่างช้าๆ ดวงตาอันงดงามและลึกล้ำมันมืดมนดุจดั่งบรรยากาศค่ำคืน สื่อออกมาให้ความรู้สึกที่ยากเกินคาดเดา
“ใครให้คุณมาที่นี่?” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มเหมือนเคย ดวงตาชะงักลงเล็กน้อย
ซูย้าวเม้มริมฝีปาก แล้วปิดหน้าเบราว์เซอร์ที่เพิ่งเปิดไปเมื่อสักครู่แล้วปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เธอยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก็ถูกชายหนุ่มเอื้อมมือเข้ามายกเธอให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้
แขนยาวของเขาพลังมีพลังมาก สามารถดึงเธอเข้าไปไว้ในอ้อมกอดได้อย่างง่ายดาย ดูเหมือนว่ามันจะอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วไม่เลยแม้แต่น้อย ยังบ่งบอกถึงความเยือกเย็นอย่างถึงที่สุด มือข้างหนึ่งของเขายกขึ้นจับบุหรี่ ดีดไปยังที่เขี่ยบุหรี่ สายตาก้มมองดูเธอด้วยความเยือกเย็น “ผมควรจะเคร่งครัดขึ้นกว่านี้ คุณถึงจะยอมทำตัวว่าง่ายมีวินัยใช่ไหม?”
ดวงตาอันเคอะเขินของเธอกะพริบ ลังเลอยู่สักพักก่อนจะพูดออกมาเพียงประโยคเดียวว่า “ขอโทษค่ะฉันจะไม่ทำอีก!”
เมื่อพูดจบเธอก็พยายามจะดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเขา แต่ไม่ว่าเธอจะใช้แรงเพียงใดก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย กลับถูกชายหนุ่มซึ่งขณะนี้ดับบุหรี่ทิ้งแล้วหันมาจับที่แก้มของเธอแทน “นอกจากคำขอโทษแล้วคุณยังพูดอะไรเป็นอีกบ้าง?”
เธอกะพริบตาดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วพูดว่า “คุณอู๋รอคุณอยู่นะคะ รีบไปอยู่เป็นเพื่อนเธอเถอะ!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ลี่เฉินซีก็ได้เอ่ยถามขึ้นมา “ได้ยินว่าคุณทะเลาะกับเธอเหรอ?”
ซูย้าวราวกับได้ยินคำพูดที่เสียดแทงหัวใจ เธอขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วพูดว่า “คุณอู๋ไปฟ้องคุณ ดังนั้นคุณจึงเดินทางมาลงโทษฉันใช่ไหมคะ?”
ริมฝีปากอันเรียวบางของลี่เฉินซีเผยอขึ้น เขาไม่จำเป็นต้องฟังใครบอกหรอกเนื่องจากภาพในกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นฉากที่ทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันเมื่อไม่นานมานี้ได้อย่างชัดเจน
สีหน้าของเขาเยือกเย็นและมองมายังเธอ น้ำเสียงอันหนาวเหน็บพูดขึ้นว่า “อาหยานจะค้างคืนที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ คุณจะไปหาเรื่องเธอทำไม แล้วคุณไม่มีสิทธิ์นั้นด้วยซ้ำ เข้าใจไหม?”
“แล้วก็……” น้ำเสียงของเขาสั่นคลอนเล็กน้อย ดวงตาหรี่ลง “ระหว่างคุณกับผม มันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาปกติทั่วไป ก่อนที่เด็กๆจะหายดีเป็นปกติ ผมจะไม่ทำธุรกรรมใดกับคุณทั้งสิ้น และถ้าหากลูกเป็นแบบนี้ต่อไป คุณก็ต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต และคอยรับใช้เป็นการไถ่โทษ!”
ลี่เฉินซีก้าวเข้ามาด้านหน้า ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก้มลงมาจงใจเข้าไปใกล้ชิดกับเธอก่อนจะหยุดลง น้ำเสียงอันต่ำทุ้มแหบแห้ง ลมหายใจอันมีเสน่ห์ “ดังนั้น ถ้าคุณอยากจะหลุดพ้นในเร็ววันก็สวดมนต์ภาวนา ถือศีลกินเจให้ตัวเองเถอะ!”
เมื่อเขาพูดจบก็ยืดตัวขึ้นตรงแล้วสะบัดเธอออกไป
ร่างกายที่ยืนไม่นิ่งของซูย้าวถูกเขาสะบัดและล้มลงไปบนเก้าอี้อีกครั้ง ผ่านไปสักพักจึงได้พยายามปีนขึ้นมายืนตรง มองไปทางเขาอีกครั้งพูดว่า “เพราะลูก เป็นเหตุผลที่ไม่สามารถยุติการแต่งงานครั้งนี้ได้เหรอคะ?”
“ใช่” เขาตอบอย่างรวดเร็ว เดิมที่ขาของเขากำลังจะก้าวออกไปแล้วแต่ก็ต้องหยุดมันลง เดินกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เขามองจากมุมบนลงมาที่เธอ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นจับไปที่แก้มของเธอ “แล้วก็อีกอย่าง ถ้าผมยังหาคนใหม่ไม่ได้ก็อย่าคิดว่าผมจะปล่อยคุณไปง่ายๆนะ ไม่อย่างนั้นผมคงจะขาดทุนไม่ใช่หรือไง?”
“ผมเป็นนักธุรกิจ ในวงการธุรกิจนั้นพวกเราจะไม่ทำการค้าที่ขาดทุน เข้าใจไหม?”
น้ำเสียงของเขาเบาบาง แต่เน้นทุกคำอย่างหนักแน่น ดวงตาอันลึกล้ำและเยือกเย็นดูดุดันราวกับเอาปืนมาจ่อ
ซูย้าวพยายามทำอารมณ์ให้เป็นปกติไม่สั่นไหว สายตาอันอบอุ่นเรียบง่ายมองไปที่เขา “คุณอู๋คือคนที่คุณเลือกอย่างนั้นสินะคะ?”
ดวงตาของลี่เฉินซีมืดมนลงเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นว่าเธอค่อนข้างจะให้ความสำคัญจับจ้องไปที่อาหยาน อีกทั้งยังต้องการจะจัดการหล่อนเล็กน้อย ดังนั้นจึงได้ยิ้มขึ้นแล้วสูดหายใจเข้า ทำท่าทางคล้ายกับพยักหน้าพูดว่า “ถ้าใช่แล้วจะยังไง?”
“อาหยานนิสัยดีจะตาย อย่างน้อยเธอก็ดีกับเด็กๆ ดีกว่าแม่แท้ๆของพวกเขาด้วยซ้ำ!”
ซูย้าวละสายตากลับคืนมา ทุกครั้งที่เขาเรียกว่า ‘อาหยาน อาหยาน’ มันช่างเป็นคำเรียกที่สนิทสนมเหลือเกิน แต่ทำไมกันนะ เมื่อคำเหล่านี้เข้าไปอยู่ในหูของเธอก็รู้สึกว่ามันช่างบาดใจเหลือเกิน?
เนื่องจากว่าอู๋หยานผู้หญิงคนนี้ช่างน่าสงสัยเหลือเกิน หรือว่ายังมีเหตุผลอื่น……
ซูย้าวหลับตาลง เธอไม่อยากจะครุ่นคิดอีกต่อไป ทำได้เพียงพูดว่า “จะต้องเป็นเธอเท่านั้นเหรอคะ?”