เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 721 การแลกเปลี่ยน
ใบหน้าหล่อเหลาของลี่เฉินซีดูเหมือนจะมีน้ำหยดซึมลงมา ทันใดนั้นดวงตาที่เย็นชาของเขาก็จับจ้องมายังเธอ “มองดูแล้วเหมือนว่าผมจะดีกับคุณมากเกินไปสินะ คุณจึงได้ใจกล้ามากขนาดนี้!”
ใช้แม่ของเขามาเป็นเรื่องมาข่มขู่ เธอคิดออกมาได้อย่างไร!
แต่ทำไมซูย้าวถึงจะคิดไม่ได้ล่ะ การที่เธอพยายามเก็บรักษาชีวิตของเจี่ยงเวินอี๋เอาไว้ ก็เพื่อต้องการใช้เป็นไพ่สำหรับกรณีฉุกเฉินไม่ใช่หรือไง?
รอยยิ้มจางๆบนใบหน้าที่บอบบางของเธอแตกต่างไปกับใบหน้าอันเยือกเย็นของชายหนุ่ม รอยยิ้มนั้นเบาบางดุจสายลม เธอวางมือลงแล้วเอนหลังอย่างเป็นธรรมชาติ “คุณลี่ชอบทำธุรกิจไม่ใช่หรือไงคะ? สู้พวกเรามาเจรจากันสักหน่อยดีไหม?”
ซูย้าวเลิกคิ้วขึ้นแล้วพยายามครุ่นคิดก่อนจะพูดออกมาว่า “ฉันจะอยู่ที่นี่สักพัก ดังนั้นหวังว่าคุณลี่จะคืนอิสรภาพและสถานะทางการเงินให้แก่ฉัน นี่คือข้อที่หนึ่ง ประการที่สองหากคุณต้องการให้แม่ของคุณปลอดภัย สุขภาพแข็งแรงอายุยืนยาว ใช่ไหมคะ? ถ้าอย่างนั้นคุณก็จะต้องฟังตามที่ฉันพูดนับแต่นี้ไป”
“ฟังตามคำพูดของคุณเหรอ?” ลี่เฉินซีหัวเราะเยาะเย้ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาหรี่ตามองอย่างเย้ยหยัน มือข้างหนึ่งจับไปที่ข้างของเธอแล้วยกขึ้น โดยน้ำหนักไม่เบาหรือแรงจนเกินไปซึ่งมันไม่ทำให้เธอเจ็บ แต่ก็ไม่ทำให้เธอหนีรอดไปได้ง่ายๆ
นัยน์ตาลึกล้ำของเขาดูมืดมน เขากวาดตามองดูเธอ “คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะควบคุมผมได้อย่างงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่อยากควบคุมคุณ” เธอพูดออกมาเบาๆด้วยใบหน้าอันอ่อนโยนไม่ได้แสดงความรู้สึกหรืออารมณ์ใดออกมา พูดเพียงแค่ว่า “ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือไงคะว่านี่คือการแลกเปลี่ยน มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่ทัดเทียมกันที่สุด เราต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์”
“การที่ฉันอยู่ที่นี่ฉันก็มีเรื่องต้องจัดการ ระหว่างนี้ฉันจะทำธุระของฉัน ส่วนคุณลี่ก็ทำธุระของคุณ ฉันจะไม่ทำให้คุณต้องเดือดร้อนใจแน่นอน รอให้ฉันจัดการกับทุกสิ่งอย่างเรียบร้อยแล้วฉันจะนำแม่ของคุณมาส่งให้อย่างปลอดภัย”
ที่จริงแล้วซูย้าวก็ถูกบีบบังคับให้ทำเช่นนี้ เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้น มีความลับบางอย่างที่ถูกซ่อนเอาไว้และเธอยังไม่รู้ เธอต้องรีบใช้เวลาที่มีอยู่ตรวจสอบให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ในใจของเธอก็ยังมีเรื่องสงสัยอีกหลายจุดเลยทีเดียว เธอต้องการจะไขข้อสงสัยทีละข้อ
“แล้วยังไงต่อ?” ลี่เฉินซีถามกลับทันที
เธอครุ่นคิดแล้วตอบว่า “และฉันจะยอมเซ็นหนังสือหย่าให้ จากนั้นคืนอิสรภาพให้แก่คุณและช่วยคุณเลือกภรรยาที่เหมาะสมสักคนหนึ่งจากนั้นคุณลี่ ภรรยาและลูกๆก็จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป!”
“นี่คือสิ่งที่คุณต้องการเหรอ?” น้ำเสียงของเขารีบพูดขึ้นสกัดกั้นประโยคสุดท้ายของเธอ
ดวงตาสีดำเข้มของเขาช่างมืดมิด เขาไม่ละเว้นทุกปฏิกิริยาเล็กน้อยของเธอเลย
แต่หลังจากที่เขามองไปสักพัก ในที่สุดดวงตาของเขาก็มืดมนลง
เนื่องจากสีหน้าของเธอที่ปรากฏขึ้นในตอนนี้แม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าตรงริมฝีปากก็ออกมาจากใจ ดูไม่ออกเลยว่าเธอกำลังแสดง ไม่รู้ว่าเขาเดาท่าทางของเธอไม่ออกจริงๆหรือเธอไม่ได้โกหกกันแน่
แต่ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลใดสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องการ
“อาจจะใช่” ซูย้าวตอบกลับมาอย่างสับสน “โดยรวมก็ทำนองนี้ หรือคุณลี่ไม่พอใจคะ? ผ่านไปอีกสักพักคุณก็จะเป็นอิสระแล้ว มีครอบครัวใหม่ ภรรยาคนใหม่ ลูกๆและแม่ของคุณ ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้าก็น่าจะมีความสุขดีค่ะ”
นี่คือเหตุผลที่ซูย้าวพยายามนึกขึ้นมาเพื่อให้ชีวิตเขาพบกับความสุขที่สุด
เพียงแต่เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่าเพียงเพราะเธอต้องการที่จะทำให้จุดประสงค์นี้เป็นจริง เธอจะต้องสูญเสียไปมากมายขนาดไหน……
ใบหน้าอันหล่อเหลาแต่บูดบึ้งของลี่เฉินซีแฝงไปด้วยความโกรธ อีกทั้งมองมายังเธออย่างงุนงง เขาพิงตัวลงไปที่โต๊ะด้านข้าง “คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร? เพียงเพราะเพื่อลูกเหรอ?”
เมื่อต้องเผชิญกับคำถามนี้ จู่ๆซูย้าวก็พบว่าเธอไม่อาจตอบคำถามเขาได้
นั่นสิ เธอทำไปเพื่ออะไร?
เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยครุ่นคิดก่อนจะพูดว่า “ฉัน……ฉันทำไปเพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากคุณยังไงล่ะ!”
น้ำเสียงนั้นเบาลงเล็กน้อย เธอมองไปที่เขาอีกครั้งหนึ่งพูดว่า “ก็เหมือนกับครั้งที่แล้วที่ฉันไม่อยากแต่งงานกับคุณ ไม่ต้องการที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคุณ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรฉันก็ไม่อาจหนีไปจากคุณได้ ดังนั้นฉันว่าทำไมเราถึงไม่ตัดทุกอย่างให้ขาดไปในครั้งเดียวล่ะคะ!”
“อานหว่านชิงต้องการอิสรภาพ การที่ไม่ต้องถูกใครมาบีบบังคับ และชีวิตเช่นนี้จะมีคุณอยู่อีกไม่ได้ ส่วนที่ซูย้าวต้องการก็คือเด็กๆเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงและมีความสุข เมื่อความต้องการของทั้งสองคนมารวมกันก็คงจะประมาณนี้”
เธอจะใช้เวลาช่วงหนึ่งในการพิสูจน์ข้อสงสัยทุกสิ่งอย่างนี้และค้นหาความลับที่ถูกซ่อนเอาไว้ ส่วนบรรดาคนเลวที่คุกคามลูกของเธอเธอจะไม่ปล่อยไว้สักคนหนึ่งแน่ จากนั้นเธอก็พยายามหาภรรยาที่เหมาะสมให้เขาสักคนหนึ่ง สิ่งที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบนั้นก็คือการที่สามารถเติมเต็มสิ่งที่หายไปของซูย้าว และบรรลุความปรารถนาของอานหว่านชิงด้วย
เมื่อเธอพูดจบ ซูย้าวก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปจึงหันหลังและกำลังจะเดินออกไปข้างนอก เธอก้าวขาไปได้เพียงสองก้าว ก็หยุดลงแล้วพูดขึ้นอีกประโยคหนึ่งว่า “ข้อแลกเปลี่ยนนี้ เริ่มต้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป อย่าลืมจัดการกับบัญชีของฉันด้วยล่ะ!”
ดวงตาเย็นชาของลี่เฉินซีมองไปตลอดทางจนกระทั่งเธอเดินออกไปจากห้องหนังสือ และร่างผอมบ้างก็หายไปจากสายตาเขา ตอนนี้เขากำลังกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ กระแทกลงไปที่โต๊ะ
เสียงดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว แต่ก็ไม่อาจสลัดความคิดจากส่วนลึกในห้วงหัวใจของเขาออกไปได้ ถึงกระนั้นเขาก็ยกมือข้างหนึ่ง ดึงเนกไท ขณะที่กำลังจะเดินกลับไปยังห้องนั้นก็ได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเบอร์โทรออกไปพูดว่า
“สืบไปถึงไหนแล้ว?” น้ำเสียงอันต่ำทุ้มของลี่เฉินซีพูดขึ้นท่ามกลางห้องอันกว้างใหญ่ ให้ความรู้สึกอัดอั้นแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
หวางอี้รู้ดีว่าเจ้านายเขาหมายถึงอะไรจึงได้รีบตอบกลับว่า “ตอนนี้ยังไม่พบอะไรเลยครับ ประธานลี่ คนของพวกเราจับตามองอู๋หยานอยู่ตั้งหลายเดือนแล้ว แต่การเดินทางของเธอในแต่ละวัน อีกทั้งสายโทรเข้าโทรออกข้อความและอีเมลไม่พบสิ่งที่น่าสงสัยเลย เป็นเพราะพวกเราละเลยบางอย่างไป หรือว่า……”
ผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรที่ต้องสงสัยจริงๆ?
คิ้วทั้งสองข้างของลี่เฉินซีขมวดเข้าหากัน “พวกเราน่าจะละเลยอะไรบางอย่าง ช่วยตรวจสอบเรื่องราวก่อนหน้านี้ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งคนจับจ้องมองต่อไป”
นับจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ครั้งนั้น และอู๋หยานเป็นคนช่วยลี่หลินออกมา เขาก็รู้สึกสงสัยผู้หญิงคนนี้มาก
มันมีข้อสงสัยมากมายเหลือเกินแต่ก็ไม่อาจอธิบายได้
อย่างเช่นในวันแต่งงานนั้น แม้ว่าจะมีแขก ญาติและเพื่อนฝูงมาจำนวนมาก แต่สถานที่และเวลาที่ถูกไฟไหม้อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลลี่ หาไม่ใช่เพื่อนที่สนิทสนมเป็นอย่างยิ่งก็ไม่ควรจะเข้ามารบกวนเจ้าสาวในเวลานั้น
ก่อนที่จะเกิดเรื่องนั้นขึ้น ซูย้าวพยายามช่วยเหลือเจียงจี้เซิงในชั้นศาล ทำให้อู๋หยานพ่ายแพ้อย่างน่าสลด ในความเป็นจริงวันแต่งงานของทั้งสองคน หล่อนจะเดินทางมาอวยพรได้อย่างไร?
อีกอย่างเรื่องที่ลี่เจิ้งและลี่หมิงได้รับบาดเจ็บ เพราะเด็กทั้งสองคนพยายามอยากจะเข้าไปช่วยแม่ออกมาจากเปลวไฟ แต่ใครกันที่กำชับและสั่งให้เด็กๆทั้งสองคนทำเช่นนี้?
สรุปโดยรวมแล้ว หลายประการชี้ให้เห็นว่าอู๋หยานผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
แต่ภายในระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เธอไม่เคยทิ้งร่องรอยใดเอาไว้เลยแม้แต่น้อยที่พอจะให้เขาสืบพบ ผู้หญิงคนนี้ช่างวางแผนได้แยบยลจริงๆ!
แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีสักวันที่พลาดพลั้งขึ้น และเขาจะต้องตรวจสอบเรื่องทั้งหมดนี้ให้ได้!
……
ค่ำคืน ณ คฤหาสน์ช่างเงียบสงัด แม้แต่เสียงเข็มหล่นลงพื้นก็คงจะได้ยิน
ในห้องนอนอันหรูหราแสนอบอุ่น ซูหยวนกำลังนอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียง
แต่จู่ๆเธอก็ถูกเสียงของโทรศัพท์สั่นขึ้นทำให้ตื่น
เธอลืมตาขึ้นแล้วมองไปยังโทรศัพท์มือถือที่สั่นอยู่ข้างโต๊ะข้างเตียง ขมวดคิ้วเข้าหากัน โทรศัพท์มือถือสั่นอยู่อีกสักพัก ในที่สุดอีกฝ่ายก็วางสายลง
จากนั้นมันก็ดังขึ้นอีกครั้ง
สถานการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นติดกันถึงสามครั้ง
บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือปรากฏว่าไม่ได้รับสายถึงสามครั้ง ตอนนี้ซูหยวนไม่มีความง่วงอีกต่อไป เธอจึงลุกขึ้นแล้วมัดผมยาวของตนเอาไว้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูพบว่าเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จัก
ซึ่งมันเป็นรหัสลับชนิดหนึ่งหมายความว่าอย่างไรนั้นตัวเธอรู้ดีกว่าใคร
ดังนั้นสีหน้าของซูหยวนจึงเปลี่ยนไปทันที นิ้วมือที่ถือโทรศัพท์อยู่กำเข้าหากันแน่น ผู้หญิงคนนี้รอไม่ไหวแล้วใช่ไหม?
ณ ห้องนอนด้านข้าง มีภาพวาดขึ้นชื่อภาพหนึ่งติดอยู่ด้านบนของแผ่นกระดาษที่เต็มไปด้วยน้ำหมึกตวัดไปมา มันมีบางอย่างซ่อนเอาไว้ หรือพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่ามันเป็นกระจกสองด้านชนิดพิเศษ ซึ่งสามารถมองเห็นภาพของอีกห้องหนึ่งได้อย่างชัดเจนผ่านรูปภาพซึ่งไม่เล็กหรือไม่ใหญ่เกินไปนี้
เนื่องจากภายในห้องไม่ได้เปิดไฟ จึงทำให้เธอมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเท่าไรนัก
เธอมองเห็นเพียงว่าซูหยวนกำลังลุกขึ้นมา นั่งก้มหน้าเปิดมองดูโทรศัพท์เท่านั้น ส่วนเนื้อหาในโทรศัพท์คืออะไร เธอมองได้ไม่ชัดเจนเนื่องจากมีแสงสะท้อนและตำแหน่งของมุม
ซูย้าวกำลังจับจ้องกับสิ่งอยู่ตรงหน้าจนไม่ทันสังเกตว่ามีแรงบางอย่างพุ่งเข้ามาจากด้านหลังโอบเอวเธอเอาไว้ ทำให้เธอตกใจเสียจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง