เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 723 แกไปตายเสียเถอะ
รถแท็กซี่แล่นไปบนถนนมุ่งหน้าไปยังเขตชานเมือง
เมื่อพบว่าใกล้จะถึงสถานที่นั้นแล้ว ซูย้าวก็กำชับให้คนขับรถหยุดจอดลงข้างทาง เมื่อมองดูจนกระทั่งคนขับแท็กซี่เดินทางจากไปแล้วเธอจึงได้เดินเท้าไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
ก่อนหน้าที่จะเดินทางมายังเมืองA เธอและอู๋หยานได้ตกลงกันไว้ก่อนล่วงหน้าว่าจะพบปะกันให้น้อยที่สุด ทางที่ดีอย่าติดต่อกันทางอีเมลหรือโทรศัพท์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเกิดข้อสงสัยและคาดเดาไป
แม้ว่าแผนการสับเปลี่ยนตัวนี้มองไปดูเหมือนจะไร้ซึ่งข้อบกพร่อง แต่อันที่จริงแล้วก็ยังมีข้อสงสัยมากมายทีเดียว
อาทิเช่น พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของอู๋หยาน
หลายเดือนมานี้ซูหยวนมักจะพบว่า ‘แม่’ พยายามทดสอบตัวเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าทุกครั้งเธอจะพยายามหาข้ออ้างแล้วปลีกตัวออกไปได้ แต่ความรู้สึกที่ถูกสงสัยก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
สถานที่ที่นัดพบกันในครั้งนี้ เป็นสถานที่ที่ทั้งสองคนได้ทำการนัดแนะกันไว้ล่วงหน้าตั้งแต่แรก ดังนั้นโทรศัพท์ทั้งสามสายที่ปรากฏเบอร์ไม่รู้จักเมื่อคืน ก็คือสัญลักษณ์นี้นั่นเอง
เธอค่อยๆปีนขึ้นไปบนภูเขาขนาดกลาง บริเวณไม่ไกลจากที่นี่มีโรงแรมเป็นรีสอร์ตและวิลล่าน้ำพุร้อน ทิวทัศน์ช่างงดงามน่าเชยชม
ส่วนด้านข้างมีลำธารสายน้อย ร่างผอมบางของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังกระโดดข้ามมา อู๋หยานใช้มือข้างหนึ่งถือร่มกันแดดเอาไว้ อีกทั้งยังสวมหมวกใบใหญ่กับแว่นตากันแดดด้วย เนื่องจากยังเป็นช่วงที่เธอรักษาตัวยังไม่หายดี จึงมักไม่ชินหากต้องเผชิญหน้าให้ผู้อื่นเห็นโดยตรง
เมื่อพบซูหยวนที่กำลังเดินเข้ามาทีละก้าว อู๋หยานจึงค่อยๆหุบร่มกันแดดลง “คุณทำงานยังไง? ในตอนนั้นฉันกำชับคุณว่าอย่างไร?”
“ซูหยวน ในตอนนั้นฉันไม่มีข้อกำหนดอื่นเลย คุณสามารถใช้ตัวตนของฉันทำอะไรก็ได้ที่คุณอยากทำ ทำได้ตามอำเภอใจคุณเลย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหา ฉันเพียงแค่ให้คุณจับตามองเจียงจี้เซิงเอาไว้ อย่าให้เขาไปเจอกับเซียวไน่อีก แล้วสรุปเป็นยังไงล่ะ?”
อู๋หยานโมโหมากจริงๆ เธอโกรธฉุนสุดขีด “ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่ได้พบกับเซียวไน่ ทั้งยังไปไหนมาไหนกับเธอทั้งวัน แล้วยังมีลูกด้วยกันอีก ตอนนี้พวกเขาก็แค่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสเท่านั้น!”
ซูหยวนมองไปยังเธอที่ตะโกนออกมาอย่างดุเดือด หลังจากฟังอยู่เนิ่นนาน เธอก็รวบรวมความคิดและพูดช้าๆว่า “พูดจบหรือยัง?”
คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีท่าทางแบบนี้ แววตาของหล่อนชะงักลง “แก……แกหมายความว่าอย่างไร? คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลอู๋จริงๆงั้นเหรอ!”
เมื่อพูดจบอู๋หยาน ก็เย้ยหยันออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน “แกคิดว่าแกเป็นอะไรกัน!! ตัวปลอมก็ยังเป็นตัวปลอมอยู่วันยังค่ำ! เข้าใจไหม?”
“ถ้าแกยังจะทำตัวเป็นฉันต่อไป ก็รีบออกมาจากข้างกายของลี่เฉินซีเสีย แล้วใช้ตัวตนของแกไปพัวพันกับเจียงจี้เซิง!”
คนที่อู๋หยานรักจากใจจริงแต่ไหนแต่ไรมาก็คือเจียงจี้เซิง เพื่อผู้ชายคนนี้แล้วเธอยอมสละได้ทุกอย่าง ส่วนลี่เฉินซี เธอไม่มีความรู้สึกอะไรด้วยเลย ซูหยวนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เธอเหยียบย่ำไปบนพื้นหญ้าสองสามเก้าแล้วพูดขึ้นช้าๆว่า “ดังนั้นรากฐานของปัญหาทั้งหมดน่าจะเกี่ยวข้องมาจากเซียวไน่ใช่ไหม!”
อู๋หยานตกตะลึง เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยคุณจัดการเซียวไน่ให้!” ซูหยวนกล่าวออกมาอย่างชัดเจน มันเด็ดขาดแต่บางเบา ประกอบไปกับสายตาที่จับจ้องมีเจตนาของการฆ่าฟันอย่างอธิบายไม่ถูก ทวีรุนแรงขึ้นในทันใด
อู๋หยานตกใจเล็กน้อย “แกจะจัดการอย่างไร? ส่งเธอไปที่อื่นอย่างงั้นเหรอ?”
ซูหยวนส่ายหน้า “ถ้าให้เธอไปอยู่ที่อื่นสักวันเธอก็จะกลับมาอีก หรือบางทีเจียงจี้เซิงอาจจะหาเธอจนพบ ทำไมถึงไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอ ฆ่าเธอไปซะก็สิ้นเรื่อง!”
อู๋หยานตกใจกับคำพูดนั้นของหล่อนมาก เธอก้าวถอยหลังออกไปพูดว่า “แก……แกล้อฉันเล่นใช่ไหม!”
ซูหยวนกลับยิ้มขึ้น ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันบางเบา สายตาเจ้าเล่ห์แฝงด้วยเลศนัย “ทำไมฉันต้องล้อเล่นด้วย?”
“ในเมื่อผู้หญิงคนนี้เป็นส่วนเกินก็จัดการทิ้งไปสิ้นเรื่อง!” ซูหยวนพูดพลางจ้องไปที่อู๋หยานด้วยดวงตาอันลึกซึ้ง จู่ๆก็ยื่นมือออกไป จับใบหน้าของหญิงสาวเอาไว้พูดว่า “แล้วก็คุณ ฉันรู้สึกว่าก็มากเรื่องและเป็นส่วนเกินเสียจริง!”
“ตอนที่ฉันเดินทางมาที่นี่ก็ได้คิดดูอย่างรอบคอบแล้ว”
ซูหยวนนับว่าสงบนิ่งมากในเวลานี้ คำพูดของเธออ่อนโยนและนิ่มนวล ดูเหมือนว่ามันออกมาจากจิตใจที่อบอุ่น
ตัวตนของเธอในตอนนี้ถูกซูย้าวสงสัยเข้าให้แล้ว ไม่เพียงแต่เท่านั้นในด้านของลี่เฉินซี แม้ว่าเธอจะเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตลี่หมิงเอาไว้ ผู้ชายคนนั้นมักจะดูสวีทหวานแหววกับเธอบ้างบางเวลา แต่มันเป็นเพียงแค่การแสดงเพื่อกลบเกลื่อนสายตาคนอื่นเท่านั้นเอง!
ที่จริงลี่เฉินซีก็สงสัยเธอมาโดยตลอด
ประเด็นนี้ซูหยวนสังเกตเห็นได้ตั้งแต่แรก ทุกย่างก้าวของเธอและทุกสายโทรศัพท์มักจะถูกใครบางคนจับจ้องและตรวจสอบ คาดว่าคงเป็นคนของลี่เฉินซีที่ส่งมา
ดังนั้นถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเธอก็เหมือนกับถูกกระทำและสักวันจะต้องถูกจับได้แน่ๆ
กว่าเธอจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะชะล้างตัวตนของซูหยวนในตอนนั้นไปจนสิ้น แล้วกลับกลายมาเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลอู๋แห่งกรุ๊ปอู๋ซื่อที่มีตัวตนสูงส่ง ได้รับเกียรติและความนับถือ ไม่ว่าจะเป็นตัวตนของเธอเองหรือภูมิฐานก็นับว่าคู่ควรกับลี่เฉินซีเป็นอย่างยิ่ง เธอไม่อยากจะถูกใครจับได้แล้วโยนลงไปสู่นรกอย่างไม่รู้จบแบบนั้นอีกแล้ว!
หลังจากที่ซูหยวนครุ่นคิด เธอก็มองไปยังหญิงสาวที่ทำสีหน้าประหลาดใจอยู่ตรงหน้า “เรามาจบเรื่องนี้กันเลยเถอะ!”
อู๋หยานเต็มไปด้วยความลังเล “จะเปลี่ยนตัวตนกลับตอนนี้เลยเหรอ? แต่ว่าร่างกายฉันยังไม่หายป่วย……”
เมื่อพูดจบเธอก็ยกมือขึ้นลูบคลำใบหน้าของตนเองและพบว่ายังมีผื่นแดงอยู่เต็มไปหมด ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวตนของเธอกลับไปตอนนี้เธอคงไม่มีหน้าไปพบกับเจียงจี้เซิง……
ซูหยวนกลับหัวเราะขึ้นแล้วส่ายหน้า “ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวกลับมาหรอก เพราะฉันจะยังคงเป็นอู๋หยานต่อไป เพียงแต่แกต้องไปตายซะ!”
ทันทีที่สิ้นเสียงลง อู๋หยานยังไม่ทันจะตั้งตัวและได้สติกลับคืนมาแต่อย่างใด ก็ถูกซูหยวนใช้มีดสั้นที่พกซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อแทงเข้ามาที่ช่องท้อง
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้อู๋หยานตกตะลึงเธอก้มลงมองดูมีดสั้นที่ปักอยู่ตรงช่องท้องของตน อีกทั้งเลือดสดที่ไหลรินออกมา เสียงของเธอพึมพำลมหายใจอ่อนแอลง แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยสายตาไปจากผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้ เธอพยายามเข้าไปดึงมือซูหยวนเอาไว้พูดว่า “แก……แกกล้า……”
“ใครให้บนโลกนี้มีเพียงคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลอู๋แค่คนเดียวละ? อู๋หยานนี่คือโชคชะตาของแก จะมาโทษคนอื่นไม่ได้นะ”
รอยยิ้มที่มุมปากอันเย็นชาของซูหยวนก็เพิ่มขึ้น ก่อนจะรีบดึงมีดเปื้อนเลือดนั้นออกมา แทงใส่ฝ่ายตรงข้ามอีกหลายครั้ง เธอดึงมันออกแล้วแทงไปใหม่ ดึงออกและแทงใหม่จนในที่สุดลมหายใจสุดท้ายของอู๋หยานก็ถูกกลืนหายไป เธอลืมตากว้างและหมดลมหายใจลง
“เพียงแค่นี้ฉันก็จะกลายเป็นอู๋หยาน! และไม่มีใครสามารถหาหลักฐานใดๆพบทั้งสิ้น” ซูหยวนหัวเราะออกมาอย่างพอใจ แล้วผลักผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอออกไป จากนั้นก้มลงไปหยิบมีดสั้นขึ้นมาทำการลบรอยนิ้วมือ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
ไม่นานต่อมา ที่ถนนบริเวณด้านนอกก็มีรถสีดำคันหนึ่งวิ่งเข้ามาแล้วจอดที่ข้างทาง ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ
ตอนนี้ซูหยวนได้ทำการลบคราบเลือดทิ้งไปหมดแล้ว เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจับมีดจึงไม่ค่อยชำนาญเท่าไรนัก ในขณะที่ทำร้ายคนอื่นตัวเธอเองก็มีบาดแผลเช่นเดียวกัน
เธอพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดเอาไว้แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้ามาห้ามเลือด ก่อนจะก้าวข้ามผ่านสนามหญ้าข้างทางไป จากแววตาอันตกตะลึงและสงสัยของชายหนุ่ม เธอเหลือบมองไปที่ศพซึ่งนอนคว่ำอยู่บนพื้นพูดว่า “ตายแล้วล่ะ ช่วยจัดการที!”
ชายหนุ่มชะงักลงและมองเธอด้วยความตกใจ “คุณว่ายังไงนะ?”
ซูหยวนดูหมดความอดทนแล้วพูดว่า “ฟังภาษาคนไม่ออกหรือไง? ไปจัดการซะ! เรื่องนี้แกชำนาญไม่ใช่หรือไง?”
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่อย่างทำตัวไม่ถูก เขาอดไม่ได้ที่จะพูดย้ำขึ้นมาว่า “ในตอนนั้นท่านประธานอานเพียงต้องการให้คุณเข้าไปยุยงให้เกิดความบาดหมางและคอยช่วยเหลือ……”
ซูหยวนพูดขึ้นโดยไม่ให้โอกาสเขาพูดต่อไป “ฉันรู้ดีว่าฉันควรจะทำอะไร ไม่จำเป็นต้องให้แกมาคอยเตือนสติ!”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ควรจะรู้ดีว่า ท่านประธานอานไม่ได้ให้คุณไปฆ่าใคร! อีกอย่าง นี่คุณ……”
ชายหนุ่มดูรู้สึกไม่พอใจมาก เขายังคงทักท้วงและตำหนิเธอ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับเธอต่อไปแล้วเนื่องจากทุกสิ่งอย่างกลับกลายมาเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้ว
ใบหน้าของซูหยวนแตกต่างไปจากใบหน้าของชายหนุ่มอย่างสิ้นเชิง เธอเพียงยักไหล่อย่างผ่อนคลายแล้วหันหลังกลับขึ้นรถไป ก่อนจะเลื่อนกระจกลงพูดว่า “ก็เรื่องมันมาถึงตรงนี้แล้วจัดการหน่อยแล้วกัน! ไม่อย่างนั้นหากศพของเธอถูกแฉขึ้นมาละก็ ทางตำรวจและตระกูลอู๋คงจะไม่จบแค่นี้แน่ๆ แล้วถ้าฉันจบเห่ตั้งแต่ตอนนี้ แผนของประทานอานก็……” เธอจงใจลากเสียงยาวแล้วไม่พูดอะไรต่อ เพียงแค่ส่งยิ้มไปยังชายหนุ่มผู้นั้น รอยยิ้มบางเบาช่างงดงามสว่างไสวและดูไร้ยางอายมากเหลือเกิน