เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 729 ผมไม่ได้ทำตัวเป็นสัตว์ร้ายมานานแล้ว
นิ้วของลี่เฉินซีอันแข็งแกร่งบีบไปที่คางแหลมของเธอ ความแข็งแกร่งเรี่ยวแรงที่เขาใช้นั้นค่อยๆทวีเพิ่มมากขึ้น ส่งต่อไปที่ใบหน้าของเธอจนทำให้เธอขมวดคิ้วและอดทนต่อความเจ็บปวด
“ฟังให้ดีนะ ถ้าผมอยากจะตามหาแม่จริงๆ มันก็เป็นแค่เรื่องของเวลา และเธอไม่ได้อยู่ในมือของคุณ”
ประโยคหลังนั้นลี่เฉินซีพูดออกมาจากการคาดเดาของเขาเท่านั้น แต่สังเกตได้จากดวงตาอันปั่นป่วนของซูย้าว วินาทีนั้นเขาก็รู้ทันทีว่าสิ่งที่ตนคาดเดานั้นเป็นเรื่องจริง
เขายิ้มออกมาอย่างเย็นชาโดยไม่ปิดบัง เป็นแบบนี้จริงๆสินะ ผู้หญิงคนนี้……
ลี่เฉินซีจ้องไปที่เธออย่างเงียบๆ เขาไม่สามารถคาดเดาความคิดของเธอได้เลย เธอเพียงจงใจจะกำจัดเขาออกไปเท่านั้น และไม่ลังเลที่จะสร้างเหตุการณ์ไฟไหม้อีกทั้งจากแม่ของเขาไปเป็นตัวประกัน
เธอต้องการใช้ข้ออ้างว่าจะแก้แค้นให้แม่ แต่กลับแอบช่วยชีวิตของเจี่ยงเวินอี๋เอาไว้ อีกทั้งไม่ได้กักขังหรือลักพาตัวแต่อย่างใด วินาทีที่เธอเห็นลูกทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บ ความโศกเศร้าบนใบหน้าของเธอก็ถาโถมออกมาซึ่งมันออกมาจากหัวใจ
ผู้หญิงคนนี้ ต้องการทำอะไรกันแน่?
เธอไม่ใช่คนเลวโดยสมบูรณ์แต่ก็ไม่ใช่คนดีอะไร สรุปก็คือ แนวทางและการกระทำของเธอแต่ละครั้งช่างขัดแย้งกันเหลือเกิน มันเป็นเพราะอะไรกัน?!
ดวงตาของลี่เฉินซีจมลงท่ามกลางความสงสัย เขารู้สึกสงสัยในตัวเธอเป็นที่สุด ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆซูย้าวก็ได้อ้าปากขึ้น ดวงตาของชายหนุ่มชะงักลงจากนั้นรีบหดมือกลับไปทันที
เขาจ้องไปที่เธออย่างหมดความอดทน จะกัดเขาอย่างงั้นเหรอ? เป็นหมาหรือไงกัน?!
ซูย้าวใช้ประโยชน์จากช่องว่างตรงนี้รีบลุกขึ้นจากพื้นแล้วพูดว่า “คุณก็แค่คาดเดาไปเท่านั้นแหละ ต่อให้คุณมีอำนาจขนาดไหน และถึงคุณจะสามารถหาแม่ของคุณพบ แต่คุณก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้วนี่ว่ามันต้องใช้เวลา
แล้วเวลานี้จะนานขนาดไหนกันนะ?”
เธอพูดพลางถอยหลังออกไปหลายก้าว ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ด้านหลัง อีกทั้งนำขาเรียวงามทั้งสองข้างไขว่ห้าง ทำท่าทางอันผ่อนคลายไร้กังวลออกมา มือทั้งสองข้างประสานกันอยู่ด้านหน้า “1 เดือน? 3 เดือน? ครึ่งปี? หรือว่า 1 ปีนะ?”
“โลกนี้ใหญ่เหลือเกิน ถ้าคุณต้องการตามหาแค่ใครบางคนไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยนะ” ซูย้าวใช้สายตาเฉียบแหลมมองไปที่เขา จากนั้นพิจารณาอยู่เล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า “อีกอย่างคุณก็ไม่มีเบาะแสอะไรอยู่เลย ดีไม่ดีช่วงที่คุณเสียเวลาไปกับส่วนนี้ เจี่ยงเวินอี๋อาจจะเกิดเรื่องอื่นก่อนก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ”
เธอถอยหลังเอนกายไปที่โซฟา ขาข้างหนึ่งของเธอสวมรองเท้าส้นสูงส่ายไปมา “ดังนั้นไม่ว่าวิธีของฉันจะน่ารังเกียจหรือปัญญาอ่อนขนาดไหน คุณก็จำเป็นจะต้องยอมรับข้อข่มขู่โดยผู้ลักพาตัวอย่างฉัน”
ลี่เฉินซีมองไปทางเธอด้วยท่าทางลึกลับ ก่อนจะถอยหลังออกไปแล้วนั่งลงบนโต๊ะด้านข้างอย่างสบายอารมณ์ ระยะห่างของพวกเขาทั้งสองคนค่อนข้างไกล สายตาทั้งคู่มองกันด้วยความเหลื่อมล้ำและไถลลึก
“คุณคิดว่าจะข่มขู่ผมยังไงเหรอ?” เขาถามกลับด้วยความสนใจ
ซูย้าวขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิด “อันดับแรก หย่า”
เขาพยักหน้าตามเธอ “หย่าเพื่อที่จะให้คุณไปแต่งงานกับเพ้ยส้าวหลี่ใหม่ได้อย่างราบรื่นอย่างงั้นเหรอ?”
สีหน้าของเธอยังคงไม่เปลี่ยนไป “ก็ทำนองนั้นมั้งคะ”
ความคิดและแผนการในใจเธอนั้น เธอจะบอกกับเขาออกมาไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นไม่ว่าเขาจะคาดเดาไปอย่างไรเธอก็ควรจะให้ความร่วมมือเท่านั้นก็เพียงพอ
ลี่เฉินซีนิ่งเงียบไปสักพัก ดวงตาของเขาลึกซึ้งแล้วหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อออกมาไว้ตัวหนึ่ง วางไปที่ริมฝีปากแล้วจุดไฟแช็กขึ้นดัง ‘แช็ค’ ก่อนจะนำไปจุดที่บุหรี่นั้น
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ซูย้าวก็ไม่ได้พูดเช่นกัน
เธอนั่งอยู่ที่บนโซฟามองไปยังเขาที่กำลังสูบบุหรี่อยู่อย่างเงียบๆ ดวงตางดงามของเธอขยับเขยื้อนเล็กน้อยสายตาเต็มไปด้วยความชื่นชอบและหวั่นไหว
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ที่ไหนก็ตาม เขามักจะมีเสน่ห์และดึงดูดคนอื่นอยู่เสมอ รูปลักษณ์ภายนอกอันโดดเด่นสง่างาม อีกทั้งยังสะอาดสะอ้านประกอบกับชุดสูทรองเท้าหนังซึ่งดูเหมือนจะถูกตัดมาให้พอดีตัวของเขา ทุกกิริยาท่าทาง ไม่ว่าจะเป็นการยกมือหรือก้าวขา ดูเหมือนว่าฮอร์โมนของเพศชายจะระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ทำให้คนที่พบเห็นใจเต้นโครมคราม
น่าเสียดายเหลือเกินที่ผู้ชายแสนดีเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่ของเธอ
นับแต่วินาทีที่เธอยินยอมจะละทิ้งความทรงจำและใช้ชื่อว่าซูย้าวนั้น ชีวิตของเธอก็ถูกลิขิตให้ตกอยู่ในนรกแล้ว มันเป็นชีวิตที่มืดมนไม่รู้จบ จึงทำให้เธอคาดหวังที่จะพบกับรุ่งสางเหลือเกิน
ดังนั้นเมื่อตอนที่อานเจียเย้นเสนอให้เธอกลับมาเมืองAเพื่อใกล้ชิดกับลี่เฉินซีอีกครั้ง ถึงเธอจะรู้ว่ามันเป็นกับดัก เธอรู้ว่ามันคือแผนการเพื่อทดลองเท่านั้น แต่เธอก็ยังตกลงอย่างเด็ดเดี่ยว
คนเราเมื่ออยู่ในความมืดมนนานเกินไป ใครก็ล้วนต้องการต้องการจะเห็นแม้แต่แสงอันริบหรี่ไม่ใช่หรือ?
มีอยู่หลายครั้งทีเดียวที่เธอพยายามอย่างสุดหัวใจจะคว้าเขาเอาไว้ เพื่อให้เขาพาตนออกจากความมืดมิดออกจากนรกนี้ แต่ผลลัพธ์เช่นนั้นมันมีค่าตอบแทนที่สูงเหลือเกิน
ไปๆมาๆ ท้ายที่สุดเธอก็ยอมแพ้
“พวกเรา……” จู่ๆเธอก็พูดขึ้นทำลายความเงียบงัน เธอพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณกับฉัน พวกเรารู้จักกันมานานแล้วใช่ไหมคะ!”
“อืม” ลี่เฉินซีให้คำตอบแก่เธอ เขายังคงคาบบุหรี่อยู่ในปาก จากนั้นพูดต่อว่า “น่าจะ 11 ปีได้แล้วมั้ง ตั้งแต่แต่งงานจนถึงตอนนี้”
นับตั้งแต่ซูย้าวแต่งงานกับเขาและระหว่างนั้นเธอหายไป 5 ปี อีกทั้งจงใจห่างหายกับเขาไปถึง 2 ปี กระทั่งกลับมาในฐานะตัวตนของอานหว่านชิงอีกครั้ง รวมกันแล้วก็คงประมาณนี้
“ไม่รวมกับตอนเด็กๆนะ” เขาพึมพำออกมา
ดวงตาอันงดงามของซูย้าวจมดิ่ง “นานมากแล้วจริงๆสินะ”
เธอมองดูแล้วผู้ชายที่แสนดีคนนี้ เธอคงจะรบกวนเวลาในชีวิตของเขามาเนิ่นนานเลยทีเดียว ดังนั้นต่อให้เธอยอมแพ้เสียตอนนี้สำหรับเธอมันก็คุ้มค่ามากพอแล้ว
เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะพยายามเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกประโยคของชายหนุ่มพูดแทรกขึ้นมาว่า “ผมไม่เห็นด้วย”
ซูย้าวผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะครุ่นคิดจึงเข้าใจว่าเขาหมายถึงเรื่องที่พูดก่อนหน้านั้น เธอกำลังจะอ้าปากขึ้นอีกก็ได้ยินเขาแทรกขึ้นมาว่า “ตอนนี้ผมไม่หย่าแน่ แล้วคุณจะไปแต่งงานกับคนอื่นก็ไม่ได้ ไปคบกับคนอื่นก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่ เข้าใจผมมั้ย?”
เธอกะพริบตาอย่างเชื่องช้า เดิมทีคำพูดที่รวบรวมไว้ในสมองกลับถูกสายตาอันบีบบังคับของชายหนุ่มทำให้เปลี่ยนไป กลายเป็นความเงียบงัน
“เรื่องแม่ของผม ค่อยว่ากันวันหลัง” ลี่เฉินซีดับบุหรี่ในมือ จากนั้นทำท่าครุ่นคิด ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เลือกที่จะเคลื่อนไหว ตอนนี้เขามั่นใจมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าซูย้าวไม่ได้ทำร้ายเจี่ยงเวินอี๋ ส่วนเรื่องที่เหลือค่อยสืบต่อไป หากค้นหาต่อไปเขาเชื่อว่าต้องได้ผลลัพธ์เป็นแน่
ใบหน้าอันมืดมนเดินเข้าไปใกล้เธอ “นับจากนี้ไป คุณห้ามติดต่อกับเพศตรงข้ามมากเกินไปและห้ามใกล้ชิดกับพวกเขา ห้ามมีข่าวลือใดๆทั้งสิ้นและอย่าคิดออกจากที่นี่ จงอยู่ที่นี่อย่างว่าง่าย!”
ลี่เฉินซีลุกขึ้นยืนจากโซฟาจากนั้น เขาเอนตัวลงไปหาเธอ มือข้างหนึ่งจับไปที่แก้มเธอแล้วยกขึ้น “ส่วนเรื่องอื่นคุณไม่จำเป็นต้องมากังวล เข้ามายุ่งหรือถามอะไรทั้งนั้น ทำตามที่ผมบอกก็พอเข้าใจมั้ย?”
เขาเกือบจะแน่ใจได้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังปิดบังเขาอยู่อย่างแน่นอน ส่วนด้วยจุดประสงค์อะไรนั้นคาดว่าคงจะเกี่ยวข้องกับอานเจียเย้น
แม้ว่าเขาอยากจะถามออกมาให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่คาดว่าเธอก็คงไม่บอกหรอก
ให้เธออยู่ที่นี่อย่างว่าง่ายเสียก่อน ส่วนเรื่องอื่นเขาจะจัดการทีละน้อย
ซูย้าวจ้องไปที่เขา เธอกะพริบตาอันงดงามคู่นั้น ขนตาหนาเรียวงอนขยับเบาๆ ความซับซ้อนที่ซ่อนอยู่ในดวงตาเอ่อล้นออกมา ก่อนจะพูดว่า “คุณต้องการจะเห็นศพเจี่ยงเวินอี๋มาวางอยู่ตรงหน้าให้ได้จึงจะเชื่อใช่ไหมคะ?”
“ลี่เฉินซีคุณไม่รู้หรือไง ไม่ว่าคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหน จะรู้จักคนมากมายเพียงใดหรือตัวตนของคุณจะสูงส่งขนาดไหนก็ตาม คุณก็ไม่ควรจะต่อรองเงื่อนไขกับโจรลักพาตัว”
ใบหน้าอันบูดบึ้งเหมือนมีหมอกปกคลุมของชายหนุ่มเข้มงวดขึ้นทันที คิ้วหนาได้รูปของเขาขมวดเข้าหากันอีกเล็กน้อย นิ้วซึ่งบีบไปที่คางของเธอกระชับขึ้น เขาดึงเธอขึ้นมาอย่างไม่สงสารหรือเห็นใจทั้งสิ้น จงใจก้มหน้าอันหล่อเหลา เข้าไปให้ห่างจากปากของเธอเพียงเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณควรฟังไว้ให้ดี ผมไม่ได้ทำตัวเหมือนสัตว์ดุร้ายมาตั้งนานแล้ว ถ้าคุณยังอยากจะลองดีก็ลองดูได้!”
เมื่อพูดจบ เขาก็คลายแรงที่มือออกแล้วโยนเธอกลับไปบนโซฟาอย่างไร้ความปรานี ร่างกายอันอ่อนแอบอบบางของเธอร่วงหล่นลงกระแทกกับโซฟาอีกครั้ง ในขณะที่เธอกำลังจะพยุงร่างกายให้มั่นคง ก็ได้ยินชายหนุ่มกำชับเธอประโยคหนึ่งว่า “ไปอาบน้ำซะ!”
เธอชะงักลงทันใดและทำอะไรไม่ถูก “อาบน้ำทำไม? คุณ……”
ลี่เฉินซีหันหลังกลับมาหรี่ตาลงมองจากเบื้องบนสู่เบื้องล่าง “ผมจะนอนกับคุณ ไปอาบน้ำ!”