เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 740 ดื้อรั้นหัวชนฝา
ในตอนที่ลี่เฉินซีอุ้มซูย้าวออกมาจากห้องคาราโอเกะ ก็ทำให้ลู่ส้าวหลิงที่รออยู่ด้านนอกตกตะลึง เขากะพริบตาด้วยความประหลาดใจ มีความยากที่จะเชื่อ และไม่คาดคิด
เขาตะลึงไปหลายวินาที ถึงก้าวขาไล่ตามไป “เฮ้ย นายทำอะไรเธอ? คงไม่ใช่…..ตายแล้ว?”
เพราะจากมุมมองของลู่ส้าวหลิง ซูย้าวอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขนเขา ไม่ขยับเขยื้อน และท่าทางไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าครึ่งหนึ่งดูฝืนใจ อีกครึ่งหนึ่งดูซีดเซียว ดูไม่ต่างจากคนตาย
ลี่เฉินซีกลับชะลอฝีเท้าลง ขมวดคิ้วแน่นอย่างเย็นชา พูดขึ้นอย่างไม่อดทน “จะไปไหนก็ไป!”
ลู่ส้าวหลิง “……”
เขาเองก็หายใจเข้าลึกอย่างหมดแรง มองส่งลี่เฉินซีอุ้มซูย้าวเดินไกลออกไปเรื่อยๆ ในใจอดไม่ได้ที่จะแอบคิด เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อนจริงๆ ไม่คิดหน่อยเลยว่า ที่คืนนี้มีฉากนี้ได้ ต้องขอบคุณการช่วยเหลือของใครกันแน่!
……
ลี่เฉินซีเปิดห้องในโรงแรมที่อยู่ใกล้เคียง อุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำ วางเธอลงในอ่างอาบน้ำเบาๆ เปิดน้ำจากก๊อก ปรับอุณหภูมิน้ำ แล้วหันตัวมองมาที่เธอ “อาบน้ำดีๆ อีกเดี๋ยวฉันให้คนส่งเธอกลับ”
ซูย้าวอ่อนล้าจนแทบจะเหลือแค่ครึ่งชีวิต กลับยังคงมองไปที่เขาอย่างอารมณ์ไม่ดี “ยังจะทำอีกหรอ?”
ตอนนี้เธอไม่มีกำลังสนับสนุน และไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต้านทานได้ คำพูดที่อ่อนแอ น้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่กลับเต็มไปด้วยความเย็นชาที่ไม่เต็มใจ
ลี่เฉินซีหัวเราะเบาๆ โน้มตัวไปที่เธอ มือใหญ่จับแก้มเธอขึ้นมา “เธอยังอยากทำไหม? ถ้าอยาก ฉันก็ต่อได้”
เธอเลิกคิ้วด้วยความโมโห กัดปากล่างอย่างไม่อดทน “ออกไป ได้ไหม?”
เขามองเธออย่างลึกซึ้ง แต่ก็ลุกขึ้นอย่างให้ความร่วมมือ ก้าวออกไป แล้วยังปิดประตูห้องน้ำแทนเธอ
ในนาทีนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนเชือกที่รัดเธอแน่นคลายออกทันที ตัวทรุดลงไปทั้งร่าง น้ำอุ่นๆ ค่อยๆ รวมตัวกันรอบตัวเธอเยอะขึ้นเรื่อยๆ ผ่อนคลายเส้นประสาท ขณะเดียวกันก็หลับตาลง
ในระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ตั้งแต่วันที่เธอกลับมาที่เมือง A ทั้งหมดนี้ก็ราวกับถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าเธอจะพยายามหลีกหนีแค่ไหน ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถกำจัดมันได้
เธอสงสัยมาโดยตลอด เพราะอะไรอานเจียเย้นถึงให้เธอกลับมาที่เมืองA เขาไม่กลัวว่าเธอจะฟื้นฟูความทรงจำ หรือทำอะไรขึ้นมาหรอ?
ทีแรก เธอคิดว่านี่เป็นวิธีการและกลยุทธ์แบบหนึ่งของอานเจียเย้น เพื่อจะทดสอบเธอ และเพื่อให้เธอตายใจ
แต่ตอนนี้ดูท่า จะเกินขอบเขตไปแล้วนะ?
2 ปีก่อน เธอออกตัวละทิ้งตัวตนและความทรงจำ แต่กลับแอบเหลือข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับซูย้าวเอาไว้มาโดยตลอด ใช้มุมมองที่เถรตรง ปฏิบัติตามหมกมุ่นที่จะปกป้องลูกทั้งสามคนให้ดี คิดแผนตลบหลัง มาที่เมือง A
แล้วการติดต่อกับลี่เฉินซีครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้แม้แต่ความหมกมุ่นนี้ของเธอ ก็เริ่มสั่นคลอนแล้ว
เธอไม่เพียงแค่อยากปกป้องลูกสามคน ขณะเดียวกัน ก็อยากปกป้องผู้ชายคนนี้ด้วย อยากให้พวกเขาพ่อลูกสี่คน แข็งแรง ปลอดภัย อายุยืนยาว
แต่กลับลืมไป ว่ายิ่งอยากปกป้องมากเท่าไหร่ ก็จะมีจุดอ่อนมากขึ้นเท่านั้น เทียบเท่ากับการยื่นไพ่คิงไปที่มือคู่ต่อสู้ เช่นนั้นแล้ว เธอยังจะเหลืออะไรอีก?
เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น กวักน้ำขึ้นมาเล็กน้อย ตบลงบนใบหน้า พยายามคิดที่จะใช้วิธีแบบนี้ ให้ตัวเองได้สติหน่อย
นานมาก เธออาบน้ำเสร็จ เพราะว่าเสื้อผ้าขาดวิ่นหมดแล้ว ไม่สามารถใส่ได้อีก เธอได้เพียงใส่เสื้อคลุมอาบน้ำของโรงแรม รัดเข็มขัด ใช้ผ้าขนหนูแห้งเช็ดผม เดินออกมา
ลี่เฉินซียังไม่ได้กลับไป แต่ถอดเสื้อสูทออก นั่งอยู่บนโซฟา เห็นเธอเดินออกมา ก็โบกมือไปทางเธอ “มานี่”
สัญชาตญาณของเธอแข็งทื่อเล็กน้อย ถามกลับโดยไม่รู้ตัว “ยังจะทำอีก?”
เขายิ้มเบาๆ “ฉันก็คิดอยู่ แต่เธอไม่ให้ความร่วมมือ”
ขณะที่ลี่เฉินซีพูด ก็ลุกขึ้นเดินเข้ามา คว้าแขนเธอ ดึงให้เธอมาอยู่บนโซฟานิ่งๆ ถอดผ้าขนหนูแห้งออกจากบนศีรษะเธอ หยิบไดร์เป่าผมมาเป่าผมยาวแทนเธอ
นิ้วมือเรียวยาวราวกับหยกของเขาเคลื่อนผ่านเส้นผมของเธอ เสียงฟู่ฟู่ดังก้องแต่ไม่นาน น้ำที่อยู่ในเส้นผมก็ค่อยๆ ระเหยไป ครู่เดียวก็แห้งไปครึ่งนึงแล้ว
ลี่เฉินซีปิดไดร์เป่าผม ใช้ผมยาวเช็ดผมของเธอ หยิบหวีไม้มาหวีผมให้เธอ หลังจากเสร็จเรียบร้อย ถึงโน้มตัวนั่งลง แขนยาวของเขาโอบไหล่ของเธอโดยตรง ดึงให้เธอเอนมาบนตักตัวเอง ศีรษะหนุนขายาวของเขา เขาก้มศีรษะมองไปที่เธอ “เพราะว่าเธอความจำเสื่อม หลายๆ เรื่องเลยจำไม่ได้แล้ว ฉันไม่โทษเธอ แต่ที่รัก มีเรื่องที่ เธอจำเป็นต้องรู้”
ดวงตาหยั่งลึกของเขานิ่งมาก ตกลงมาที่เธอเป็นพักๆ มือข้างหนึ่งก็ถูแก้มของเธออย่างขี้เล่น “ฉันกับเพ้ยส้าวหลี่เป็นเพื่อนร่วมชั้น และเป็นคู่แข่งกัน ความสัมพันธ์ไม่ดีมาตลอด มีความขัดแย้งกันมาเรื่อยๆ ”
ซูย้าวชะงักเล็กน้อย ดวงตาที่สดใสเผยความแตกต่าง “ดังนั้นล่ะ?”
“ดังนั้นนะ สิ่งของอะไรของฉัน เขาก็พยายามคิดที่จะมาพัวพัน รวมถึงผู้หญิงด้วย”เขามองไปที่เธอ สายตาลึกซึ้ง เต็มไปด้วยความหมายแฝง “ตอนนี้เธอยังคิดว่าเลือกเขา มันเหมาะสมไหม?”
สายตาของซูย้าวเย็นลง อยากที่จะลุกขึ้นนั่งโดยไม่รู้ตัว แต่กลับถูกแขนยาวของลี่เฉินซีกดทับไว้ เธอจึงได้เพียงอยู่ในท่านี้ พูดขึ้น “นายหมายความว่ายังไงกันแน่? อะไรเลือกเขา?”
ลี่เฉินซีหรี่ตาลงช้าๆ “ยังแกล้งทำมึนงง”
เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เขาอยากที่จะระงับความโกรธไว้จริงๆ ตอนนั้นเธอก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตแค่ไหน ก็คิดที่จะเผชิญหน้าตัวคนเดียว ต่อให้ต้องกัดฟันดิ้นรน ก็จะไม่เดินหน้าถอยหลังไปกับเขาเด็ดขาด ตอนนี้ก็เช่นกัน!
ดวงตาที่แวววาวของซูย้าวมีการเปลี่ยนแปลง แต่กลับพยายามให้ตัวเองใจเย็นลง “ฉันแกล้งทำมึนงงอะไร? พูดไปหมดแล้ว ฉันรักเขา ถึงได้อยากแต่งงานกับเขา นาย……นายเลิกพัวพันกับฉันได้แล้ว!”
ขณะที่พูด เธอก็คิดที่จะดิ้นรนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ลี่เฉินซีกลับไม่ได้หยุดยั้งเธอ เธอลุกขึ้นมานั่งได้อย่างราบรื่น แล้วยังเลี่ยงออกจากตัวเขาตามสัญชาตญาณ ไปนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ด้านข้าง
ลี่เฉินซีครุ่นคิดอยู่นาน สายตาที่มองไปที่เธออีกครั้ง ก็ลึกซึ้งขึ้นมาก “ถ้าเธอต้องการแบบนี้ งั้นก็ต้องเป็นไปตามนั้นแล้ว”
“ฟังให้ดี”เขาหันตัวไปด้านหน้า ข้อศอกทั้งสองข้างแนบเข่า “ไม่ว่าเธอจะอยากแต่งงานกับเขา ทำเรื่องหลอกให้เป็นเรื่องจริง แสดงละครตบตา หรือจะเล่นเกมแลกเปลี่ยนอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ตัวของเธอ ต้องคืนฉัน”
ซูย้าวสงสัยทันที ได้รับความประหลาดใจไม่น้อย
“เรียกปุ๊ปต้องมาปั๊ป ให้เธอทำอะไร ก็ทำตามนั้นอย่างจริงใจ เชื่อฟัง ถึงจะมีลูกอมให้ ไม่อย่างนั้น…..”เขาจงใจไม่พูดต่อ แต่ซูย้าวรู้ดียิ่งกว่าใคร ผลลัพธ์ของคำว่า’ไม่อย่างนั้น’ มีความหมายว่าอะไร
แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เธอไม่เข้าใจ ก็คือเขามีคุณสมบัติอะไร?!
“มีสิทธิ์อะไร? แล้วเพราะอะไร?”สีหน้าเธอแย่ลงอย่างไม่อยากเชื่อ “นายลืมไปแล้วหรือไง แม่นายยังอยู่ในกำมือฉันนะ นายกลับไม่สนใจความปลอดภัยของแม่นาย เพื่อสิ่งที่ไม่สมจริง?”
เธอพูดมาถึงตรงนี้ ลี่เฉินซีก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้
หน้าหล่อที่น่ามองของเขาเผยรอยยิ้ม องค์ประกอบที่มีเสน่ห์แน่นหนา เขาเอนตัวไปด้านหลังพิงโซฟา ขณะเดียวกันก็หยิบซองบุหรี่ออกมา คีบบุหรี่หนึ่งอันไว้บนริมฝีปาก จุดไฟจากไฟแช๊กเป็นเสียง ‘พรึบ’
สูดเข้าไปลึกๆ หนึ่งที ไม่กี่วินาทีก็พ่นออกมาช้าๆ ดวงตาที่เยือกเย็นของเขาถูกปกคลุมไปด้วยควัน ยากที่จะแยกแยะและเข้าใจ “เธอนี่ดื้อรั้นหัวชนฝาจริงๆ นะ”
“เพราะอยากให้ฉันรับแม่ของฉันกลับมา เธอจึงสละไพ่ใบสุดท้ายไปแล้ว ถึงยอมรับชะตากรรมใช่ไหม?”
ซูย้าวหายใจติดขัดทันที สติหลุดลอยอยู่ในภวังค์ไปช่วงหนึ่ง
เธอไม่ได้ส่งคนไปกักขังเสรีภาพของเจี่ยงเวินอี๋จริงๆ เพียงแค่พูดกับเธอไปเยอะมาก ให้เธอซ่อนตัวชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของลี่เฉินซีกับหลานทั้งสามคนเท่านั้น
ส่วนเรื่องเจี่ยงเวินอี๋จะทำตามจริงหรือไม่นั้น เธอไม่รู้
แต่เนิ่นนานขนาดนี้แล้ว ถ้าเจี่ยงเวินอี๋ติดต่อกับลี่เฉินซีเป็นการส่วนตัวจริงๆ หรือ เขาส่งคนไปรับเธอแล้ว งั้นตนเองก็……
ไม่มีไพ่ตายแม้แต่ใบเดียวแล้ว!
ลี่เฉินซีเบี่ยงประเด็นไม่คุยเรื่องนี้ พูดต่อ “ส่วนเรื่องที่เธอพูดเมื่อกี้ว่าเพราะอะไร ที่รัก เพราะเธอคือซูย้าวไง อาศัยจากสิ่งนี้ ชั่วชีวิตนี้ของเธอ เป็นได้แค่ของฉันคนเดียวเท่านั้น ซื่อสัตย์เชื่อฟัง อย่าทำให้ฉันโมโหอีก เข้าใจไหม?”
จากนั้น ลี่เฉินซีก็ไม่ให้โอกาสเธอตอบสนองหรือพูดอะไร ดับบุหรี่ในมือ ลุกขึ้นทันที พูดขึ้น “เปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวไปส่งเธอกลับ”แล้วเขาก็ก้าวยาวออกจากห้องไป