เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 768 ฉันยอมแพ้แล้ว
ไกลออกไปจากเมืองA อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร มาร์ลโซร่า
อาคารสไตล์ปราสาทย้อนยุคเรียงรายเป็นแถวสูงตระหง่านสง่างามมีสไตล์แปลกใหม่ซึ่งสามารถพบได้ในทุกที่
สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใบกว้างหนาเขียวชอุ่ม ตรงสุดทางของถนนมีบ้านทรงปราสาทตั้งอยู่ เรียบง่ายแต่หรูหราอย่างยิ่ง
เธอเดินทางโดยเครื่องบินจากหลิ่งโจว จากนั้นจึงนั่งรถต่อมาถึงที่นี่ ทำให้ซูย้าวเดินทางมาถึงที่แห่งนี้เป็นเวลาเช้าของอีกวันหนึ่ง
อานเจียเย้นมีทรัพย์สินและบ้านพักส่วนตัวมากมาย บ้านหลังนี้สำหรับเขาไม่ได้สำคัญสักเท่าไร แต่ภายในหนึ่งปีเขาก็พักอยู่ที่นี้เป็นเวลาหลายเดือนเช่นกัน
นับตั้งแต่ซูย้าวเดินทางมาที่นี่ เธอก็ใช้ชีวิตตามปกติทั่วไป ทานอาหารวันละสามมื้อ ออกกำลังกายเล่นฟิตเนส ว่ายน้ำและโยคะ ในตอนบ่ายเธอจะอ่านหนังสือ จากนั้นออกไปเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ เวลาตารางของแต่ละวันก็ประมาณนี้
เธอไม่ได้ตั้งใจจะแจ้งให้กับอานเจียเย้นรับทราบ และไม่ได้พูดกับใครถึงเรื่องต้องการเจอเขา อีกทั้งไม่เคยถามด้วยซ้ำว่าเขาจะมาที่นี่ไหม ดูเหมือนจุดประสงค์ที่เธอเดินทางมาที่นี่ ก็เพื่อพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น
แต่ข่าวที่เธอกลับมานั้นอานเจียเย้นรับรู้ตั้งนานแล้ว แต่เขาก็เมินเฉยไม่สนใจต่อเรื่องนี้เช่นกัน
เป็นเช่นนี้กินเวลาไปประมาณสิบวันได้ ในที่สุดวันที่สิบห้า อานเจียเย้นก็ขับรถมาที่นี่ในตอนกลางดึก
เนื่องจากการที่เขาเดินทางมานั้นจึงทำให้คนรับใช้ในบ้านตื่นขึ้น ก่อนจะรีบพากันออกมาทักทายต้อนรับ แต่เขาสั่งให้ทุกคนลดเสียงลง ราวกับกังวลว่าเธอจะตื่น จากนั้นเขาได้เดินขึ้นไปชั้นบนอย่างนุ่มนวล
เขาผลักประตูห้องนอนของเธอแล้วเดินเข้าไป ภายในห้องเงียบสงบมืดสนิท มีเพียงแสงสลัวยามค่ำคืนที่เปล่งออกมา เครื่องทำความชื้นพ่นควันออกมา เธอนอนตะแคงอยู่บนเตียงด้วยลมหายใจสม่ำเสมอเหมือนกำลังฝันหวาน
อานเจียเย้นไม่ได้ปลุกให้เธอตื่นขึ้น เขาเพียงถอดเสื้อสูทออกแล้วนั่งลงบนโซฟาข้างเตียง เงยหน้าพิงไปที่โซฟาแล้วหลับตาลง
ที่จริงการเคลื่อนไหวของเขานั้นช่างเบามาก เนื่องจากเกรงว่าเสียงฝีเท้าจะรบกวนจนทำให้เธอตื่น จึงพยายามทำเสียงให้เบาที่สุด แต่บังเอิญเหลือเกิน ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ตื่นขึ้นจนได้
ที่อานเจียเย้นรู้ว่าเธอตื่นนั้นไม่ใช่ว่าเธอลุกขึ้นนั่ง ขยับตัวหรือพูดสิ่งใดออกมา แต่เป็นเสียง “แกร๊ก”
เขารู้ดีว่าเสียงนั้นคือเสียงของอะไร
ดังนั้นอานเจียเย้นจึงหันกลับมาอย่างช้าๆ เขามองไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงดังเดิม บัดนี้เธอไม่เพียงแต่ลืมตาขึ้น ปืนพกในมือกระบอกสีดำเข้มชี้มาทางเขา
ปืนนั้นได้รับการบรรจุกระสุนแล้ว เธอเพียงแค่เหนี่ยวไกเบาๆ ผู้ชายตรงหน้าซูย้าวคนนี้ ผู้ที่ควบคุมเธอตลอดเวลา ผู้ที่ผ่านมามอบฝันร้ายให้กับเธออย่างไม่เคยจางหาย
ฝันร้ายเหล่านี้คงจะหายไปได้ โดยสมบูรณ์
แต่เธอก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เพียงแค่ลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ ปากกระบอกปืนยังคงอยู่ไม่ห่างไกลจากเขา ดวงตาอันงดงามไม่มีประกายใดๆ
อานเจียเย้นมองมาที่เธอ เขาขยับริมฝีปากเล็กน้อย น้ำเสียงดูค่อนข้างจะเยือกเย็น “ดูเหมือนว่าการฝึกของผมจะมีประโยชน์อยู่บ้าง”
ซูย้าวไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความตื่นตัวและป้องกันตัวเองเช่นนี้ การที่เธอมีปฏิกิริยาเหล่านี้ได้ต้องยอมรับว่าเป็นเพราะการฝึกฝนของอานเจียเย้นในระยะสองปีที่ผ่านมา
เธอยิ้มขึ้นอย่างเย็นชาจากนั้น หันทิศทางปืนลง ก่อนจะถอยหลังกลับไปเก็บปืนพกไว้ใต้หมอน เธอนำมือทั้งสองข้างวางไว้ที่เข่า ดวงตาอันสวยงามคู่นั้นมองไปยังเขา “ทำไมถึงพึ่งมา?”
“ผมจงใจเพิกเฉยต่อคุณ ถือว่าเป็นการลงโทษที่คุณซ่อนตัวกับผมก่อนหน้านี้ไม่ได้หรือไง?” น้ำเสียงของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ใด เพียงพูดออกมาเบาๆ
ซูย้าวพยักหน้าเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ได้สิคะ ได้แน่นอน เพียงแต่ว่าคุณเมินเฉยฉันแค่ครึ่งเดือนมันไม่น้อยไปหน่อยเหรอ?”
“อืม” อานเจียเย้นตอบกลับมา “แล้วคุณรู้สึกว่านานแค่ไหนถึงจะพอ?”
เธอทำท่าทางครุ่นคิด “อย่างน้อยก็หน้าจากสองสามปี”
เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น “ไม่ได้เหรอมันนานเกินไป ผมรอไม่ไหว”
ซูย้าวหัวเราะเยาะเย้ยออกมา “การที่สามารถทำให้ประธานอานผู้สูงส่ง และJockผู้ลึกลับรอไม่ไหวได้ นับว่าชีวิตฉันไม่ไร้ค่าแล้วล่ะค่ะ”
เขาเพิกเฉยต่อการเยาะเย้ยของเธอ “ผมบอกแล้วไงว่าคุณเป็นกรณีพิเศษ”
รอยยิ้มของซูย้าวนั้นค่อนข้างจะเยือกเย็นราวกับลมหนาว ดวงตาของเธอลึกซึ้งดุจดั่งแม่น้ำ เธอเป็นคนพิเศษจริงๆ
เธอพิเศษมากถึงขนาดที่อานเจียเย้น ไม่ลังเลที่จะจัดการจัดฉากครั้งแล้วครั้งเล่า หรือแม้กระทั่งให้เธอยอมแพ้ทั้งหมดนี้ และทำทุกสิ่งทุกอย่างจนถึงตอนนี้
อานเจียเย้นนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเขยื้อน เขาเพียงหันร่างกายไปทางเธอ ขาเรียวยาวนั่งไขว่ห้างและเอนหลังไปยังโซฟา “การที่คุณกลับมา คาดว่าคงจะมีเรื่องอะไรอยากจะพูดกับผมสินะ? ตอนนี้ผมมาแล้ว มีอะไรก็ว่ามาสิ”
หลังจากพูดอ้อมค้อมอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดก็มาถึงจุดสำคัญ
ซูย้าวหลับตาลงและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่เธอจะพูดออกมาอีกครั้งอย่างเปิดเผยและโล่งใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันยอมแพ้แล้ว ฉันเหนื่อยมาก ไม่อยากจะเล่นกับคุณอีกต่อไป”
อานเจียเย้นขมวดคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “นี่คุณ……”
“ฉันขอพูดตรงๆ นะ” ซูย้าวเงยหน้าลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในห้องที่มืดสลัวนี้ทำให้เธอไม่อาจมองเห็นใบหน้าชายหนุ่มได้อย่างชัดเจน และเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเห็นอย่างชัดเจนด้วย เธอเพียงพูดขึ้นว่า “คุณบอกฉันมาตรงๆ ได้ไหม ว่าทำยังไงคุณถึงจะปล่อยฉันไปสักที?”
ริมฝีปากเรียวบางของอานเจียเย้นประกอบกับสายตาอันเย็นชาที่หดเกร็ง “คุณอยากจะเลิกดิ้นรนพยายามแล้วใช่ไหม?”
เธอพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา “ใช่ค่ะ”
อานเจียเย้นแทบไม่อยากจะเชื่อ “นี่มันไม่ใช่สไตล์ของคุณนี่ ชิงชิง ก่อนหน้านี้ที่เราพบกัน คุณบอกว่าต้องการขึ้นมาแทนที่ผมไม่ใช่หรือไง?”
เธอยิ้มอย่างเย็นชาว่า “ค่ะ ฉันเคยพูดแบบนั้น และฉันก็เคยคิดแบบนั้นด้วย”
แต่สุดท้ายแล้วเธอก็พลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดไป
หากต้องการล้มล้างอานเจียเย้นก็จะต้องเข้าแทนที่ตัวตนJockของเขา เข้าควบคุมการค้าขายและธุรกรรมในที่ลับเหล่านั้นซึ่งทำให้พลังของเขาอ่อนแอลง
เห็นได้ชัดว่าโอกาสและช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเธอ ก็คือช่วงที่เพ้ยหยู่เจี๋ยเสียชีวิตลง เมื่ออำนาจเก่าถูกแทนที่ด้วยอำนาจใหม่ ตอนที่ต้องเปลี่ยนผู้นำ ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นหรือเรื่องราวได้เปลี่ยนไปอย่างไร สิ่งเหล่านั้นก็ล้วนเป็นปกติ และอาจประสบความสำเร็จได้ มากกว่าครึ่ง
ตอนนี้ซูย้าวพลาดโอกาสตรงนั้นไปแล้ว ที่จริงพูดให้ถูกก็คือเธอไม่สนใจมันด้วยซ้ำ
เนื่องจากว่า การที่เธอมีตัวตนเป็นโจ๊กและควบคุมทุกอย่างไว้ในมือ กลายเป็นพระราชาแห่งอาณาจักรสีเทานี้ตัวตนและอำนาจดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่เธออยากได้
“แต่ต่อให้ฉันทำไปแบบนั้น จะส่งผลกับคุณเหรอ?” เธอถามกลับขึ้น
คำตอบนั้นไม่ต้องสงสัย
ต่อให้เธอเข้ายึดอำนาจของคนก่อนหน้า และเธอก็มีความคิดที่จะแทนที่อานเจียเย้นเป็นJockคนต่อไป แต่ว่าทุกสิ่งมันจะง่ายอย่างงั้นเหรอ?
ไม่อย่างแน่นอน
เพียงแค่อานเจียเย้นคนเดียวเธอก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้อย่างสมบูรณ์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น
ต่อให้เธอเอาทุกอย่างเข้าแลก ก็พูดได้เพียงว่ามีโอกาสสำเร็จแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น อีกอย่างถ้าเธอทำเช่นนี้ ก็จะเท่ากับเป็นการฉีกหน้าอานเจียเย้นไปอย่างสิ้นเชิง
และผลสรุปไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม เพียงแค่อานเจียเย้นยังมีชีวิตอยู่ เธอก็มีชะตากรรมแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก็คือตาย
ต่อให้เธอจะเป็นคนพิเศษสำหรับเขา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาก็จะไม่มีวันเก็บผู้หญิงที่พยายามทะเยอทะยานโค่นล้มเขาทุกวินาทีเอาไว้ได้ เขาไม่ใช่ลี่เฉินซี ไม่ได้มีความพัวพันและความรู้สึกซับซ้อนกับเธอขนาดนั้น เพียงแค่เธอล่วงล้ำเข้าไปเล็กน้อยแน่นอนว่าเขาจะไม่มีคำว่าปราณี
ซูย้าวมองไปที่เขาเธอหรี่ตาลงและตอบว่า “ตอนนี้ฉันไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น เพราะไม่ว่าจะทำอะไรฉันก็ผิดเสมอ และจะนำผู้บริสุทธิ์มาเกี่ยวข้องด้วย ทำไมจะต้องทำให้วุ่นวายขนาดนั้นล่ะ?”
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลงจากเตียงเดินไปทั้งเขาก่อนจะนั่งลงที่ด้านข้างชายหนุ่ม เอาแขนข้างหนึ่งวางไว้ที่โซฟา “ดังนั้นคุณบอกฉันมาตรงๆ เถอะค่ะ ว่าฉันควรจะทำอย่างไรจึงทำให้คุณปล่อยฉันไปได้ ปล่อยตระกูลลี่และเด็กๆ ไป”