เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 771 ก็เขาชอบ
เวลาที่มนุษย์กำลังสับสน นั่นถือเป็นช่วงที่จิตใจของเราอ่อนแอมากที่สุด ซึ่งช่องว่างต่าง ๆ ก็มักจะเกิดขึ้นในตอนที่เราหลับฝันบ่อยที่สุดเช่นกัน
ระหว่างการนอนหลับที่แสนยาวนานไม่รู้จบ หญิงสาวก็มีภาพฝันอันยืดยาวปรากฏขึ้นมาด้วยเช่นกัน ความฝันนั้นทั้งยุ่งเหยิงและไม่ปะติดปะต่อ มีหลายฉากที่อยู่ดี ๆ ก็เกิดขึ้น จากนั้นก็เปลี่ยนไปมา
เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เด็กน้อยตัวเล็ก ๆ เพียงไม่กี่ขวบที่ชอบหลบอยู่ข้างหลังคนอื่น ทั้งขี้อายทั้งขี้กลัว จนกระทั่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา เด็กสาวถึงจะค่อย ๆ เผยรอยยิ้ม ก่อนจะตะโกนออกมาว่า “คุณพ่อ” จากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับโผเข้ากอดด้วยความร่าเริง
ชายหนุ่มรับอ้อมกอดของเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย เขากุมมือน้อย ๆ ของเธอไว้แน่น ราวกับกลัวว่าหากเขาปล่อยมือนี้ เธอจะวิ่งหนีหายไปอย่างไรอย่างนั้น
ทว่าอยู่ ๆ ภาพฝันของหญิงสาวก็เปลี่ยน ฉากเหล่านั้นหลอมรวมเข้าด้วยกันก่อนจะค่อย ๆ จางหาย ซึ่งครั้งนี้ดูเหมือนเธอกำลังซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ มือน้อยปิดปากตัวเองด้วยความตื่นตระหนก ราวกับว่าต่อให้จะเป็นตายอย่างไรเธอจะไม่มีทางปล่อยให้เสียงตัวเองเล็ดลอดออกไปแน่
แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ก็ยังมีคนสังเกตเห็นเธออยู่ดี
เด็กสาวเบิกตามองไปยังเท้าที่สวมรองเท้าแตะสีแดงของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังก้าวเข้ามา ใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น ทันใดนั้น อีกฝ่ายก็ย่อตัวลง นัยน์ตาที่ชั่วร้ายสาดส่องประกายแสงสีเขียว หล่อนกระชากเธอออกมาจากใต้โต๊ะอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะนำยาชนิดหนึ่งที่เหลวข้นและร้อนผ่าวเทลงมาใส่เธอ……
จากนั้นภาพฝันก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา แลดูอบอุ่นและอ่อนโยน ในประกายแสงแดดยามบ่ายของฤดูร้อน เขามองเธอด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยื่นมือออกมา “เธอชื่ออะไรเหรอ?”
“ทำไมถึงไม่พูดล่ะ?” เด็กชายดึงเธอเข้าหาตัว จากนั้นมือเรียวก็ค่อย ๆ ลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน “เธอพูดไม่ได้จริง ๆ เหรอ? งั้นเธอเขียนหนังสือได้ไหม?”
“ถ้าอย่างนั้นเธอเขียนชื่อตัวเองสิ เดี๋ยวฉันเอากระดาษกับปากกาให้…..”
เด็กชายหยิบสมุดโน๊ตของตัวเองออกมา จากนั้นก็ยัดปากกาใส่มือเด็กสาว บนกระดาษสีขาวกับน้ำหมึกสีดำที่ตัดกัน เธอค่อย ๆ บรรจงขีดทีละเส้น จนเกิดเป็นตัวอักษร ก่อนที่ชื่อของเธอจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาในสายตาเขา
“เป็นชื่อที่เพราะมาก” เด็กชายทำท่าครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะเอื้อมมือออกไปบีบแก้มนุ่มราวกับเด็กแรกเกิดของเธอเบา ๆ “ชื่อนี้เหมือนกับเธอเลย ไม่ใช่แค่น่าฟัง แต่ยังน่ารักอีกด้วย”
ภาพฝันค่อย ๆ เปลี่ยนไปอีกครั้ง เด็กชายคนเดิมกลับมาปรากฏตัวตรงหน้าเธออีก ทว่าภาพวัยเยาว์ของเขาได้จางหายไปแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มเด่นชัด จากสายตาที่เหลือบมองมา ไม่มีความอ่อนโยนอย่างในอดีตหลงเหลืออีกต่อไป มีเพียงความหนาวเหน็บที่เกิดขึ้น ใบหน้าที่แสนเย็นชากับมือใหญ่หยาบกระด้างของเขาจับเธอโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี
เธอโซเซก่อนจะล้มลงกับพื้นเต็มแรง จากนั้นก็ได้ยินเสียงเย็น ๆ ของชายหนุ่มพูดขึ้นว่า “ดูสิ เธอทำอะไรลงไป!”
“คิดไม่ถึงเลยนะว่าคนอย่างเธอไม่ใช่แค่พูดไม่เป็น แต่ยังเจ้าเล่ห์เพทุบายได้ถึงขนาดนี้!”
เสียงหัวเราะเยาะของชายหนุ่มเย็นยะเยือก ทิ่มแทงเข้าไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจเธอ หญิงสาวกำมือแน่นอย่างอดไม่ได้ เหมือนกับว่าหัวใจของเธอกำลังถูกบดขยี้ ดวงใจของเธอตอนนี้แหลกสลายไม่ต่างจากฝุ่นผง ก่อนที่มันจะปลิวและหายลับไปพร้อมกับสายลม
ทันใดนั้น ซูย้าวก็ไม่อาจฝืนทนต่อความเจ็บปวดในความฝันได้อีกต่อไป เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อเย็นเยียบ ลมหายใจของหญิงสาวถี่รัวและอ่อนแรง
เธอมองไปรอบ ๆ ด้วยความตระหนกละคนประหลาดใจ ผนังสีสาวสะอาดค่อย ๆ ปรากฏเข้ามาในสายตา กลิ่นจาง ๆ ของยาลอยปะปนมากับอากาศ ทว่าเธอกลับไม่ได้สนใจ ซูย้าวยกมือขึ้นอย่างเลื่อนลอย ก่อนจะกดลงไปที่หัวใจตัวเองเบา ๆ แท้จริงแล้ว…..
เธอคือซูย้าวจริง ๆ
ระหว่างเธอกับลี่เฉินซี เคยมีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่เหลือทนแบบนั้นมาก่อน
ทั้ง ๆ ที่ความทรงจำของเธอยังฟื้นกลับมาไม่หมด มีเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ เท่านั้นที่แวบเข้ามาบ้าง แต่เพียงเท่านี้มันก็กรีดลึกลงไปถึงก้นบึ้งหัวใจของเธอแล้ว แล้วถ้าความทรงจำทั้งหมดของเธอกลับมาล่ะ เธอจะทำอย่างไร?
ซูย้าวหลับตาลงด้วยความขมขื่น หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาทั้ง ๆ ที่หลังมือยังมีเข็มเจาะอยู่ ในหัวของเธอตอนนี้ ปรากฏภาพแววตาเสน่ห์หาของลี่เฉินซี กับภาพเย็นชาดุดันในความฝัน ราวกับว่าพวกเขามีกันอยู่สองคน
ความรักและความผูกพันที่สายเกินไป มันแย่เสียยิ่งกว่าหญ้าที่เกิดขึ้นในป่าเสียอีก บาดแผลที่เคยเกิดขึ้น จนตกสะเก็ดไปนานแล้ว หากพยายามไปเปิดปากแผลนั้นอีกครั้ง มันคงจะไม่มีทางรักษาให้ดีขึ้นได้อีก ทั้งหมดคงจะเหลือแต่การนองเลือด
เธอยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ แล้วก็เพิ่งจะสังเกตเห็นท่อออกซิเจนที่ติดอยู่กับจมูก ทันใดนั้นมือของหญิงสาวก็หยุดชะงัก ก่อนที่เธอจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องผู้ป่วยขนาดใหญ่ แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่าในตอนนั้นเธอทำการวางยาอานเจียเย้น และเพื่อไม่ให้เขาสงสัย เธอจึงวางยาพิษให้ตัวเองด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้เธอ….ยังไม่ตาย?!
สติของซูย้าวเริ่มกลับมา หญิงสาวค่อย ๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง ทว่ากลับถูกเข็มที่หลังมือรั้งไว้ก่อน ด้วยความเหลืออด เธอจึงกระชากมันออกอย่างไม่ไยดี โดยไม่สนใจด้วยว่าจะมีเลือดพุ่งออกมามากแค่ไหน ขณะที่หญิงสาวกำลังจะก้าวเท้าลงจากเตียง อยู่ ๆ ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกคนจากด้านนอกเปิดเข้ามาพอดี
เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะคนที่เปิดประตูเข้ามานั้น คืออานเจียเย้น
ชายหนุ่มดูต่างกับเธอในตอนนี้ลิบลับ ร่างกายของเขาดูเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ยังดูหล่อล่ำและแข็งแรงดีเหมือนเดิม เขาก้าวยาว ๆ เข้ามา ก่อนจะหยุดท่าลงจากเตียงของเธอ จากนั้นอีกฝ่ายก็ดึงเธอเข้าไปกอด พร้อมกับใช้มือกดไปยังจุดที่มีเลือดออกบนหลังมือ
ซูย้าวชะงักค้างราวกับเห็นผี สีหน้าตื่นตระหนกของเธอแทบจะปิดไว้ไม่มิด น้ำเสียงแหบแห้งละคนประหลาดใจค่อย ๆ ดังขึ้น อย่างโรยริน “คุณ….คุณ…..”
“แปลกใจมากใช่ไหมที่ผมยังมีชีวิตอยู่?” พอเห็นท่าทางตกใจของเธอ เขาก็ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ชายหนุ่มค่อย ๆ นั่งลงข้าง ๆ หญิงสาว เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเธออีกครั้ง พร้อมกับเอาท่อออกซิเจนวางใส่จมูกให้เธอใหม่ “เด็กโง่ ถ้าอยากลาโลกไปด้วยกันจริง ๆ ก็ควรเลือกใช้ไซยาไนด์ หรือไม่ก็เพิ่มยาเข้าไปอีกสิ”
เขายกมือขึ้นลูบแก้มนวลเบา ๆ “ยาทำลายประสาทอย่างนิวโรทอกซินแค่นี้ สำหรับผมมันแทบจะไม่ได้ผลอะไรเลยด้วยซ้ำ”
อานเจียเย้นจะไม่มีวันบอกเธอเด็ดขาด ว่าจริง ๆ แล้วตัวเขาค่อนข้างจะมีภูมิคุ้มกันต่อฤทธิ์ยาเหล่านี้อยู่แล้วพอสมควร เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจและจินตนาการได้ใช่ไหมล่ะ?
ยาบางชนิด หลังจากที่มันเข้าสู่ร่างกายคนเรามากเกินไป ร่างกายของคนก็จะสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านฤทธิ์ยาขึ้นมา เพราะไม่ว่าอย่างไรระบบภูมิคุ้มกันก็ต้องทำงานหนัก เพื่อปกป้องสภาพร่างกายของคนให้อยู่รอดอยู่แล้ว
ความรู้ทั่วไปนี้ ถือว่าเป็นพื้นฐานสำคัญยิ่ง
ทว่าบนความรู้ทั่วไป คนปกติทั้งหลายก็มักจะคิดว่ามันคงเกิดขึ้นแค่กับยาทั่ว ๆ ไป เช่นยาแก้อักเสบ ยาลดไข้ ยาแก้ปวดเป็นต้น คงไม่มีใครคิดจะเอายาพิษมาทองชิมหรือใช้มั่วแน่ ๆ
แต่กลับมีหนึ่งคนที่ทำแบบนั้น
ซึ่งคนคนนั้นก็ไม่ใช่อานเจียเย้น แต่เป็นเพ้ยหยู่เจี๋ย
ในช่วงเวลากว่าสิบปีที่เพ้ยหยู่เจี๋ยเลี้ยงดูอานเจียเย้นมา นอกจากจะมีการฝึกสอนที่เข้มงวดกับเขาแล้ว ยังมีสถานการณ์พิเศษอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือการทดลองใช้ยาพิษกับร่างกายเขาซ้ำไปซ้ำมา ครั้งแรกทำเขาเกือบเสียชีวิต ครั้งที่สองก็เกือบจะฆ่าเขาไปแล้วเช่นกัน จากนั้นก็มีครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า…..
กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจ ว่าตัวเขาถูกให้ยาแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมากี่รอบแล้ว จนสุดท้าย นอกจากเขาจะได้รับผลร้ายที่ตามมาเพราะฤทธิ์ยา รวมถึงระบบการทำงานของร่างกายถูกทำลายลง ร่างกายของเขาก็ได้สร้างภูมิคุ้มกันยาพิษเพิ่มขึ้นมาด้วย
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางตายเลย คนทั่วไปเมื่อยาพิษเข้าสู่ร่างกายก็อาจจะสิ้นใจในทันที แต่สำหรับเขา มันอาจจะแค่ถูกยืดเวลาออกไปก็เท่านั้น
ทว่าครั้งนี้ ยาพิษที่ซูย้าวใช้นั้นมีปริมาณไม่มาก เพราะงั้นอานเจียเย้นเลยยังไม่ถึงตาย
ซูย้าวชะงักไปชั่วขณะ ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าหญิงสาวจะเรียบเรียงข้อมูลทั้งหมดได้ เธอค่อย ๆ เงยหน้าสบตาชายหนุ่ม มุมปากค่อย ๆ ยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา “ใครบอกว่าฉันอยากลาโลกไปพร้อมกับคุณ? ฉันก็แค่อยากเดิมพันสักตั้งก็เท่านั้น”
เธอก้มหน้าลง มองไปยังมือที่ถูกชายหนุ่มกุมไว้แน่น “แต่ตอนนี้ดูท่าแล้ว เหมือนฉันจะชนะเดิมพันนะ”
ทันใดนั้นอานเจียเย้นก็เงียบไป
ผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่วินาทีที่เขาพาเธอกลับมา เธอทั้งฉลาด มีไหวพริบ มีทักษะการคาดคะเนที่เต็มเปี่ยม ทั้งยังมีกลอุบายอยู่มากมายเพื่อเป็นกลไกสำหรับปกป้องตัวเองดั่งหินหยก รวมถึงเพื่อกีดกันไม่ให้เขาประสบความสำเร็จ หญิงสาวทำได้แม้กระทั่งละทิ้งทุกอย่างได้อย่างไร้ความปรานี อีกทั้งเพื่อหลอกลวงเพ้ยหยู่เจี๋ย แม้แต่ความทรงจำของตัวเองเธอก็ทิ้งมาแล้ว
และเพราะเธอคาดการณ์ไว้หมดแล้ว มีแค่ต้องบอกลาตัวเธอคนก่อนเท่านั้น เพ้ยหยู่เจี๋ยถึงจะเชื่อใจเธอ และเธอถึงจะมีชีวิตรอดต่อไปได้ ซึ่งตัวตนใหม่นี้ จะต้องมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับอานเจียเย้นอยู่มากพอสมควร หากผ่านจุดนี้ไปได้ ต่อให้อีกฝ่ายอยากจะเข้ามารุกรานเธอมากแค่ไหนก็คงเป็นไปไม่ได้
ตลอดระยะเวลาสองปีที่เจอกันมา ทั้งสองดูไม่ต่างจากลมที่สงบนิ่งพัดผ่านคู่กันคืนแล้วคืนเล่า ซึ่งในความเป็นจริงทั้งสองกลับกำลังพยายามแข่งขันกันอยู่อย่างลับ ๆ เธอยึดมั่น กล้าหาญ และไม่เคยย่อท้อ จนสุดท้ายก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมที่มากกว่าสามารถจับเขาไว้ในกำมือจนได้!
แต่ตอนนี้ เธอกลับใช้หัวใจทั้งหมดคิดว่าจะฆ่าเขาอย่างไร
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแล้วมันอย่างไรล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาชอบจนคลั่งแล้ว เธอยิ่งดิ้นรน ยิ่งอยากหนีห่าง ยิ่งอยากฆ่าเขามากเท่าไร หัวใจเขาก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผีห่าซาตานที่ไหนควบคุมอยู่ แต่อานเจียเย้นยอมรับได้เลยว่า เขาถูกเธอครอบงำเข้าแล้วจริง ๆ