เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 791 เข้าใจผิดอีกแล้ว?
ภายใต้แสงสะท้อนที่ส่องผ่านจอโทรทัศน์ LED ขนาดใหญ่ เงาร่างของชายหนุ่มเปล่งประกายราวกับดวงดาว สีผิวขาวสว่างราวกับหิมะ นัยน์ตาลึกล้ำแวววาว ขณะที่เขากำลังโอบกอดหญิงสาวอีกคนไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม
ถ้าเป็นการไปต่างประเทศแบบสนิทสนมของคนสองคนเฉยๆ ซูย้าวคงจะไม่สนใจอะไร หญิงสาวเกือบจะเปลี่ยนช่องอยู่แล้ว ทว่ามือยังไม่ทันได้กดรีโมท เธอก็ได้ยินเสียงผู้ประกาศข่าวในโทรทัศน์ดังขึ้นว่า….
“ประธานลี่ ได้ข่าวว่าการที่บริษัทลี่ซื่อตั้งใจจะประมูลเหมืองแร่คาลาเวอไรต์ที่อ้าวไห่นั่น เป็นเพราะคุณอู๋ จริงรึเปล่าคะ?”
“หลังจากที่ประธานลี่ชนะการประมูลเหมืองแร่คาลาเวอไรต์แล้ว จะมอบมันเป็นของขวัญให้กับคุณอู๋ ไม่ทราบว่านี่เป็นสัญญาณสำหรับข่าวดีของทั้งคู่รึเปล่าคะ?”
นักข่าวทั้งหลายต่างพากันรุมถามคำถามไม่หยุด โดยหัวข้อส่วนใหญ่ก็มีแต่เรื่องนี้ทั้งนั้น
ทว่าประโยคที่ลอยเข้ามาว่า “เหมืองแร่คาลาเวอไรต์” นั่นดึงดูดความสนใจของซูย้าวได้ทันที ทั้งยังสะเทือนความรู้สึกเธอได้ไม่น้อย การขุดเหมืองแร่คาลาเวอไรต์ที่อ้าวไห่ เป็นโครงการที่เพ้ยส้าวหลี่ดิ้นรนอย่างหนักเพื่อทำการศึกษาวิจัยมาตลอดไม่ใช่เหรอ?
ลี่เฉินซีตั้งใจที่จะเข้าประมูลโครงการนี้ อีกทั้งยังจะมอบเป็นของขวัญให้อู๋หยาน?!
ซูย้าวยกมือขึ้นกุมขมับอย่างจนปัญญา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะข่าวที่น่าตกใจ หรือเป็นเพราะข้อมูลที่เธอได้รับมันมากเกินไป ในหัวของเธอตอนนี้จึงสับสนไปหมด ราวกับมีบางอย่างที่เหนือการควบคุมกำลังพลุ่งพล่านอยู่
หญิงสาวกระสับกระส่ายไปมาขณะที่มองไปยังหน้าจอโทรทัศน์ โดยลึกๆ ก็หวังว่าจะได้ยินคำปฏิเสธจากชายหนุ่ม แม้ว่ามันจะเป็นการโกหกคนข้างนอกทุกคน แต่เธอก็ยังอยากฟังมันจากปากเขาอยู่ดี
ทว่ายิ่งเธอคาดหวังมากเท่าไร เธอก็จะยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น
และเป็นจริงดังว่า คำพูดนี้ใช้ได้ผลเสมอ
ลี่เฉินซีทักทายนักข่าวจำนวนมากที่อยู่ตรงหน้าเขา แสงแฟรชที่สาดเข้ามาทำให้ชายหนุ่มต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะกวาดสายตาไปทางแก้มนวลของอู๋หยาน เพียงครู่เดียวเขาก็เบนสายตากลับมาทางนักข่าวอีกครั้ง น้ำเสียงทุ้มลึกของเขาดึงดูดคนฟังราวกับแม่เหล็ก “ไม่รู้ว่าทุกท่านไปทราบข่าวมาจากไหนนะครับ แต่ในเมื่อพูดกันออกมาแล้ว ของขวัญชิ้นนั้นก็น่าจะอดเซอร์ไพรส์เลย…..”
เขาไม่ได้ยอมรับออกมาตรงๆ แต่กลับเฉไฉ ใช้น้ำเสียงหยอกเย้า เป็นการยอมรับแบบอ้อมๆ แทน
เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้ที่ตรงนั้นราวกับมีระเบิดลง
นักข่าวทั้งหมดตกตะลึง มีบางคนรีบร้อนถามต่ออีกว่า “งั้นท่านประธานลี่ก็ยอมรับแล้วใช่ไหมคะว่าที่บริษัทลี่ซื่อตั้งใจเข้าร่วมประมูลเหมืองแร่คาลาเวอไรต์ในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นของขวัญเซอร์ไพรส์คุณอู๋?”
“ท่านประธานลี่มอบความรู้สึกให้คุณอู๋ขนาดนี้ ไม่ทราบว่านี่เป็นการเปิดเผยความสัมพันธ์ของทั้งคู่รึเปล่าคะ?”
……..
ลี่เฉินซีไม่ได้ตอบคำถามอะไรต่อ เขาเพียงแค่โอบอู๋หยานไว้ในอ้อมแขนแล้วก็เดินจากไป ทิ้งความวุ่นวายทั้งหมดไว้เบื้องหลัง ปล่อยให้สื่ออื่นๆ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นคนจัดการส่วนที่เหลือ
ซูย้าวตัวแข็งทื่อ หูของเธอยังได้ยินเสียงนักข่าววิเคราะห์เรื่องราวไปต่างๆ นานา แว่วมาจากในโทรทัศน์ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอย่างไร สำหรับเธอแล้ว ราวกับว่าเสียงทั้งหมดอยู่คนละฟาก ห่างไกลจนสัมผัสไม่ได้
โครงการเหมืองแร่คาลาเวอไรต์ ซึ่งช่วงนี้ที่เธอยุ่งอยู่กับเรื่องอื่นพอดี ถึงได้นึกว่าเพ้ยส้าวหลี่แค่หยิบยกมันขึ้นมาพูดเฉยๆ แต่ดูท่าแล้ว เกรงว่าตอนนี้เรื่องต่างๆ คงจะไม่ง่ายอย่างที่คิดสินะ
ในเมื่อเพ้ยส้าวหลี่มีความตั้งใจแบบนี้ ทำไมลี่เฉินซียังดื้อรั้นที่จะทำด้วย?
เพียงแค่เพราะว่ามันเป็นโครงการที่ดีเหรอ?
ดีตรงไหนล่ะ? เห็นได้ชัดว่ามันเสี่ยงเกินไป เงินลงทุนตอนแรกก็ค่อนข้างมาก อีกอย่างโครงการใหญ่ขนาดนี้ จะต้องมีบริษัทต่างชาติจำนวนนับไม่ถ้วนแน่ๆ ที่อิจฉาตาร้อน และพยายามเข้ามาแข่งขันด้วย
ซูย้าวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันผิดปกติ พอมองดูนาฬิกา ก็พบว่านี่เป็นเวลากว่าหกโมงเย็นแล้ว เธอคิดว่าตอนนี้คงยังไม่ค่อยเหมาะเท่าไร ก็เลยปล่อยเลยตามเลยไปก่อน
แต่ในวันต่อมา หญิงสาวขับรถตรงไปยังบริษัทลี่ซื่อตั้งแต่เช้าตรู่ เธอไปถึงชั้นหนึ่งพร้อมกับที่ลี่เฉินซีมาถึงบริษัทพอดี
ร่างสูงสวมชุดสูทที่ถูกตัดเย็บมาอย่างประณีต รอบกายรายล้อมไปด้วยผู้บริหารกว่าสิบคนที่คอยเดินตามหลัง ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องโถงด้วยท่าทีสูงศักดิ์
ร่างสูงโปร่งสะดุดตาของลี่เฉินซีเดินเข้ามาแต่ไกล ชายหนุ่มบังแสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากด้านหลังจนมิด
ซูย้าวมองไปยังร่างสูงที่เดินย้อนแสงเข้ามา หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงเล็กน้อย
ไม่เจอกันเพียงไม่กี่วัน เขายังคงมีรังสีความองอาจไม่ต่างจากเดิม บรรยากาศรอบๆ ตัวชายหนุ่มเมื่อหลอมรวมเข้ากับความหล่อเหลาทั้งหมด ส่งผลให้ไม่ว่าเขาจะก้าวเท้าไปที่ไหนหรือเมื่อไรก็มีแต่คนอยากเคารพนพน้อมทั้งนั้น
เขาทั้งสง่างามและเย็นชา ราวกับว่าอารมณ์และความรู้สึกทั้งหมดถูกอัดแน่นเอาไว้ในส่วนลึก นัยน์ตาจึงเหลือเพียงความสงบนิ่งเท่านั้น
วินาทีที่ทั้งสองสบตากัน ฝีเท้าของชายหนุ่มก็ยังคงก้าวต่อไป นัยน์ตามืดมิดราวกับถูกแต้มด้วยสีหมึก ทว่ากลับไม่มีความประหลาดใจแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาและห่างเหินว่า “คุณมาได้ยังไง?”
ซูย้าวชะงักไปเล็กน้อย ขนตางอนยาวกะพริบเบาๆ อย่างทำตัวไม่ถูก ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “มีเรื่องนิดหน่อย ขอคุณเป็นการส่วนตัวได้รึเปล่า?”
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไร เขายังเดินตรงมาหาเธอเหมือนเดิม ส่วนซูย้าวก็นึกว่าอีกฝ่ายจะเข้าลิฟต์ที่อยู่ด้านข้าง เธอจึงเบี่ยงตัวหลบให้ แต่ขณะที่ลี่เฉินซีก้าวเข้ามา มือเรียวของเขาก็คว้าเอวบางเข้าไปไว้ในอ้อมแขนด้วย ก่อนจะโอบเธอไว้ จากนั้นก็พาเธอเดินเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวพร้อมกัน
ประตูลิฟต์ค่อยๆ ปิดลง ร่างสูงดันเธอมาหยุดอยู่ที่มุมลิฟต์ มือข้างหนึ่งจับท้ายทอยไว้ ส่วนอีกข้างก็เชยคางเธอขึ้น จากนั้นริมฝีปากบางของเขาก็ประกบลงมา
จุมพิตที่อยู่ๆ ก็เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ซูย้าวป้องกันตัวเองไม่ทัน เธอรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
หญิงสาวค่อยๆ ดึงสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง พอได้นึกถึงท่าทีรักใคร่ระหว่างเขากับอู๋หยานเมื่อคืนนี้ ทันใดนั้นเธอก็ผลักเขาออกไปจนสุดแรง “ลี่เฉินซี!”
นัยน์ตาลุ่มลึกของเขาอ่อนลงเล็กน้อย แต่รอยยิ้มจางๆ บนริมฝีปากกลับโค้งขึ้นอย่างมีเสน่ห์ “เข้าใจผิดอีกแล้ว?”
ไม่ต้องให้ซูย้าวพูดอะไร แค่มองดูเขาก็รู้ในทันที เพราะงั้น ชายหนุ่มจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่โอบเธอไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับกระซิบเบาๆ ว่า “ตามผมมา”
ซูย้าวยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เธอก็ถูกเขาลากออกจากลิฟต์ ก่อนจะก้าวไปตามทางเดิน เพื่อตรงไปยังห้องทำงาน
ก่อนที่ชายหนุ่มจะปิดประตู เขายังตะโกนบอกเลขาหน้าห้องด้วยว่า “เตรียมชานมให้คุณซูด้วยแก้วหนึ่ง”
หลังจากที่ประตูถูกปิดลง ลี่เฉินซีก็ก้าวยาวๆ มาทางเธอ ร่างสูงโน้มตัวลงมาหาเธออีกครั้ง ท่อนแขนแข็งแกร่งโอบเธอไว้แน่น ไม่มีการกระทำหรือคำพูดที่เกินเลยไปกว่านั้น มีเพียงประโยคเดียวดังขึ้นว่า “คุณเชื่อผมไหม?”
ซูย้าวชะงักไปชั่วขณะ เธอนึกว่าเขาจะเป็นแบบเมื่อก่อนที่อยากทำอะไรก็ทำ หรือไม่ก็สรรหาคำพูดมากมายมาสาธยายเพื่อไม่ทำให้เธอเข้าใจผิด แต่คาดไม่ถึงว่า ครั้งนี้จะมีเพียงคำพูดแค่ไม่กี่คำเท่านั้น
ลี่เฉินซีเองก็ไม่ได้เร่งรัดคำตอบ เขาเพียงแค่จ้องมาที่เธอด้วยแววตาแน่วแน่ นัยน์ตาปกคลุมด้วยความมืดและความซับซ้อน
ซูย้าวขมวดคิ้วแน่น หญิงสาวสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันกดดันจากชายหนุ่ม เธอค่อยๆ สงบสติอารมณ์ตัวเองลง พร้อมกับครุ่นคิดไปมา จนสุดท้ายหญิงสาวก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ฉันไม่รู้”
ความเชื่อใจ เป็นสิ่งที่ยากจะบรรยายให้เห็นภาพแต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่ามีอยู่
แม้ว่ามันจะเปราะบาง เปราะบางเสียจนแทบจะถูกคนที่ไว้ใจที่สุดหักหลังได้ตลอดเวลา แต่บางทีมันก็อาจจะแข็งแกร่งไม่ต่างจากก้อนหินก็ได้
ซูย้าวเคยเชื่อคนคนหนึ่งจนหมดหัวใจ แต่สุดท้ายสิ่งที่เธอได้กลับมาคืออะไรล่ะ?
ในตอนนี้ เธอไม่ได้เป็นยัยใบ้อย่างเมื่อเจ็ดปีก่อนแล้ว และเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงโง่งมที่จะปล่อยให้คนอื่นมาชักจูงง่ายๆ แต่หากพูดถึงเรื่องความเชื่อใจ….เธอไม่รู้ เธอไม่รู้จริงๆ
ดวงตาเรียวยาวราวกับตานกฟีนิกส์ของลี่เฉินซีค่อยๆ หรี่ลงมองเธอ จากนั้นเขาก็ปล่อยหญิงสาวออกจากอ้อมแขน ก่อนจะก้าวยาวๆ ไปที่เก้าอี้หนังหลังโต๊ะทำงาน พร้อมกับคว้ากล่องบุหรี่ที่วางอยู่ขึ้นมา จากนั้นก็เอามาคาบไว้แต่ยังไม่จุดไฟ พลางเหลือบมองเธออีกเล็กน้อย “งั้นก็รอดูต่อไปแล้วกัน เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”
ความเชื่อใจที่เธอมีต่อเขายังถือว่าอยู่ในช่วงสังเกตการณ์ ดังนั้น ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรออกมา เธอก็รู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่ดี งั้นทำไมเขาต้องเปลืองน้ำลายพูดด้วยล่ะ?
หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ “แชะ” เสียงไฟแช็กก็ดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นบุหรี่จางๆ ลอยมา เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพ่นมันออกมาเบาๆ “ว่าแต่ คุณมาหาผมเรื่องอะไรเหรอ?”
ซูย้าวถูกคำพูดเพียงไม่กี่คำของเขาทำให้เกือบลืมเรื่องสำคัญไป พอนึกขึ้นได้ เธอก็รีบเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามโต๊ะทำงานเขาทันที ขณะเดียวกัน เลขาสาวก็เดินเข้ามา พร้อมกับนำชานมอุ่นๆ แก้วหนึ่งวางไว้ข้างๆ มือเธอด้วย
“ขอบคุณค่ะ” ซูย้าวกล่าวขอบคุณ รอจนเลขาสาวเดินออกไป เธอจึงเบนสายตากลับมาที่ชายหนุ่ม “การประมูลเหมืองแร่คาลาเวอไรต์ที่อ้าวไห่นั่น คุณตั้งใจจะชนะโครงการนี้จริงๆ เหรอ”