เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 792 รบกวนแล้วจริงๆ
ห้องทำงานอันกว้างขวางและหรูหรา บรรยากาศเย็นๆ กับควันจางๆ
ระหว่างซูย้าวกับลี่เฉินซีถูกโต๊ะทำงานขวางกั้นไว้ ทั้งคู่สบสายตากันด้วยความเงียบงัน
“ทำไมคุณถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเคาะขี้บุหรี่ทิ้งเบาๆ “ผมจำได้ว่าคุณไม่ค่อยจะสนใจงานของผมสักเท่าไรนี่”
ไม่ใช่แค่ไม่สนใจ เรียกง่ายๆ ว่าไม่คิดจะยุ่งเลยมากกว่า ถึงแม้เขาจะเอาเอกสารหรือแบบแผนโครงการมากองไว้ตรงหน้าเธอครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวก็เมินเฉยตลอด
ไม่ว่าความสัมพันธ์จะยุ่งเหยิงไม่ชัดเจนแค่ไหน หญิงสาวจะไม่เข้าไปแทรกแซงงานของใครเด็กขาด เธอเว้นช่องว่างและให้เวลาอีกฝ่ายมาโดยตลอด นี่ถือเป็นหลักประจำตัวของซูย้าวเสมอมา ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ไม่มีเหตุผล และไม่มีความคิดอื่นใดเพิ่มเติม
เธอหลุบตาลงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือออกไปยกแก้วชานมตรงหน้าขึ้นจิบเบาๆ แต่มันยังร้อนอยู่ เธอจึงวางแก้วลง “นอกจากเรื่องนี้แล้ว คุณตอบฉันมาทีสิ ว่าคุณต้องการจะชนะโครงการประมูลเหมืองแร่คาลาเวอไรต์ภายใต้ชื่อของบริษัทลี่ซื่อจริงๆ เหรอ?”
ซูย้าวครุ่นคิดอีกครั้ง ก่อนจะเหลือบมองไปที่กองเอกสารเล็กๆ ข้างเขา “เรื่องที่เกี่ยวกับทางอ่าวไห่ คุณเคยส่งคนไปตรวจสอบดูรึยัง? เคยไปสำรวจสถานที่จริงบ้างรึเปล่า? อีกอย่าง ถ้าคุณประมูลเหมืองแร่คาลาเวอไรต์ได้สำเร็จ เงินลงทุนในตอนแรกก็ค่อนข้างมาก บริษัทลี่ซื่อมีทรัพย์สินและอำนาจก็จริง แต่การลงทุนในโครงการนี้ อย่างน้อยก็ต้องเริ่มที่หมื่นล้าน คุณแน่ใจเหรอว่าจะทำได้?”
หรือต่อให้บริษัทลี่ซื่อจะมีทรัพย์สินเป็นกองเงินกองทองเท่าภูเขา แต่หากต้องเผชิญหน้ากับโครงการขนาดใหญ่ที่ยังไม่มีความเป็นรูปธรรมแบบนี้ การทุ่มเงินลงไปเป็นหมื่นล้าน แล้วอยู่ๆ เกิดมีการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น ก็เท่ากับเป็นการทิ้งระเบิดลูกใหญ่ใส่ตระกูลลี่เลยก็ว่าได้!
ลี่เฉินซียังคงจ้องมองเธอด้วยสีหน้าสงบนิ่งและแววตาล้ำลึก ต่างจากหญิงสาวที่ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียด “โครงการนี้ก็ดูไม่เลว ผลตอบแทนในอนาคตก็ถือว่าพอใช้ได้ ผมมีความตั้งใจแบบนี้”
เพียงแค่ประโยคเดียว ทั้งเรียบง่ายและนิ่งสงบ
ซูย้าวไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ชายหนุ่มตรงหน้าสมองกระทบกระเทือนไปแล้วหรืออย่างไร? ทำไมถึงได้…..
เธอพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อรักษาความสงบเยือกเย็นไว้ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่คิดว่านุ่มนวลออกมาอีกครั้ง “โครงการนี้มองแค่แวบแรกอาจรู้สึกว่าดูไม่เลวจริงๆ แต่ลี่เฉินซี คุณทำธุรกิจมานานขนาดนี้ ก็ไม่ได้ใช้ความรู้สึกสัมผัสเอาทุกครั้งหรอกใช่ไหม? คงไม่ใช่ว่าเห็นโครงการไหน แล้วรู้สึกว่าน่าจะทำได้ ก็จะไปเซ็นสัญญาวางเงินลงทุนกับเขาทันทีหรอก?”
“นี่มันคือธุรกิจ คุณเองก็อยู่ในแวดวงนี้มาตั้งหลายปี หรือคุณยังไม่เข้าใจหลักการนี้อีกเหรอ?” ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างอ่อนแรง “ฉันไม่มีเวลามาเล่นตลกกับคุณนะ คุณตอบฉันมาเดี๋ยวนี้ คุณรู้เรื่องเกี่ยวกับโครงการเหมืองแร่คาลาเวอไรต์มากน้อยแค่ไหน?”
เป็นเพราะเธอมัวแต่ยุ่งกับเรื่องอื่นๆ อยู่นาน จนเผลอลืมเรื่องโครงการเหมืองแร่คาลาเวอไรต์กับเกาะอันเอ๋อร์ไป รายละเอียดตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เธอเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ
แต่แค่รู้สึกว่ามันแปลกๆ
บริษัทลี่ซื่อกับกรุ๊ปเพ้ยซื่อ แม้ว่าจะไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นศัตรูคู่แข่งกันมาตลอดหลายปี แต่ที่ยังมั่นคงมาได้ขนาดนี้ ก็เป็นเพราะขอบเขตทางธุรกิจของทั้งสองต่างกัน ซึ่งน้อยมากที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ดังนั้น เมื่อมีจุดยืนที่ชัดเจนทั้งสองฝ่าย การแข่งขันทางธุรกิจจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
และด้วยเหตุนี้ เมื่อเพ้ยส้าวหลี่ที่ถูกใจโครงการเหมืองแร่คาลาเวอไรต์ อยู่ๆ ลี่เฉินซีเองก็ให้ความสนใจค้วยเช่นกัน เพราะงั้นจะให้เธอไม่รู้สึกแปลกใจได้อย่างไร?
สองคนนี้ จะ “ใจตรงกัน” ได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ? ความน่าจะเป็นมันต่ำเกินไป! แล้วถ้าตัดมุมมองนี้ออกไปล่ะ สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ แม้จะดูเป็นไปได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ นั่นก็คือมีคนตั้งใจฉาก เพื่อลากลี่เฉินซีเข้ามาสู่เกมนี้
พอคิดได้ดังนี้ ซูย้าวก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นไปอีก เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง “บอกความจริงฉันมาเถอะ ว่าคุณเข้าใจโครงการนี้บ้างรึเปล่า? คุณวางแผนพวกนี้ขึ้นมา เพราะรู้สึกว่าโครงการนี้จะทำเงินได้จริงๆ หรือเพราะเหตุผลอะไร?”
ลี่เฉินซียังคงนั่งพิงพนักเก้าอี้อยู่เหมือนเดิม ขาเรียวยาวยกขึ้นไขว้กัน ท่าทีสง่างามราวกับพระราชา นัยน์ตาอันแสนจะเย็นชาของเขาเบนมาที่ใบหน้าเธอ ผ่านไปครู่ใหญ่ ชายหนุ่มถึงได้ดับบุหรี่ในมือลง “ซูย้าว ถ้าคุณอยากจะคุยเรื่องนี้จริงๆ งั้นเราก็ต้องวนกลับมาที่หัวข้อสนทนาเดิมก่อน”
เขาชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง ด้วยแววตาเย็นยะเยือก “คุณเชื่อผมไหม?”
ซูย้าวเองก็หยุดชะงักไปชั่วขณะ โดยไม่ได้ตอบกลับอะไร
วนกลับมาที่ประเด็นนี้อีกแล้ว จะว่าเขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ หรือว่าระหว่างพวกเขามีอะไรขาดหายไปจริงๆ กันนะ?
หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบาๆ ระหว่างที่เธอกำลังรวบรวมคำพูด อยู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น ตามมาด้วย ร่างบางอันสวยสง่าของซูหยวนที่ผลักประตูเข้ามา
“เฉินซี ฉันไม่คิดว่าคุณอานก็อยู่ด้วย” ซูหยวนรู้สึกว่าตัวเองบุ่มบ่ามเล็กน้อย ทันใดนั้น ฝีเท้าของเธอก็หยุดชะงักลง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ ขอโทษด้วย รบกวนแล้ว”
พอเห็นเธอจะเดินออกไป ลี่เฉินซีก็เอ่ยปากรั้งไว้ก่อน “ไม่เป็นไร อาหยาน”
ขณะที่ได้ยินเขาเอ่ยขึ้นว่า “อาหยาน” ซูย้าวก็หน้าตึงขึ้นมาทันที ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกระคายเคืองหู จนหญิงสายอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองชายหนุ่มด้วยแววตาเฉียบคม
ด้านลี่เฉินซีก็ตั้งใจทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา ทั้งยังกวักมือเรียกซูหยวนอีก “มานี่ อาหยาน”
ซูหยวนก้าวเข้าไปหาเขาช้าๆ พอเดินไปถึง ชายหนุ่มก็ฉุดข้อมือ ดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดทันที ซึ่งก่อนหน้านี้ชายหนุ่มก็นั่งอยู่บนเก้าอี้อยู่แล้ว พอดึงเธอเข้ามานั่งในอ้อมกอดอีก ท่าทางแบบนี้ ลองจินตนาการดูสิว่ามันจะใกล้ชิดและล่อแหลมขนาดไหน!
ซูย้าวหลุบตาลงอย่างหมดคำจะพูด ในหัวก็คิดถึงประโยคที่ลี่เฉินซีตอบคำถามนักข่าวเมื่อคืน โครงการเหมืองแร่คาราเวอไรต์นี่ เขาจะประมูลมันเพื่ออู๋หยาน ถ้าอย่างนั้น…..
เธอยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเสียดแทงในใจ จนอดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองเขาอีกครั้ง “คุณลี่ ดูเหมือนว่าฉันจะคิดมากไป คิดเสียว่าวันนี้ฉันไม่เคยมาที่นี่ก็แล้วกัน เรื่องระหว่างเราที่คุยกันไป ก็ถือว่าฉันไม่เคยพูดเสียนะ!”
“ขอโทษด้วย รบกวนแล้ว”
ซูย้าวพยายามเผยรอยยิ้มที่นุ่มนวลออกมาให้มากที่สุด จากนั้นก็ยืดตัวขึ้น ก้มหัวลงเล็กน้อย หญิงสาวกำมือแน่น เล็บจิกลึกเข้าไปในผิวหนัง ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องทำงานไป โดยที่ไม่หันกลับมามองอีกเลย
ที่แท้ ชายหนุ่มก็เพียงต้องการจะเอาใจคนที่เขารักก็เท่านั้น แค่ทำงานเล็กๆ ตามใจตัวเอง ทุ่มเงินลงทุนไปกว่าหมื่นล้าน สำหรับลี่เฉินซีแล้ว จะไปนับอะไรได้?
ดูท่าแล้ว เธอคงจะคิดมากไปจริงๆ !
เพียงแค่เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาทำตัวใกล้ชิดกับเธอไปบ้าง ทั้งยังพูดคำหวานใส่เธออยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่จริงจังอะไร สำหรับผู้ชายแบบนี้ เธอจะไปฝากความหวังไว้ที่เขาให้ได้อะไร?
พอเป็นแบบนี้แล้ว ก็ไม่ใช่ว่าง่ายกว่าเดิมอีกเหรอ?
ที่เหลือก็มีแค่เธอที่ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้เขาตายใจ แล้วก็ตัดขาดความสัมพันธ์เสีย จากนั้นก็คิดหาวิธีดีๆ เพื่อได้ต่อกรกับอานเจียเย้นแค่นั้นก็พอแล้ว…
………
ภายในห้องทำงาน วินาทีเดียวกับที่ซูย้าวเปิดประตูเดินออกไป ลี่เฉินซีก็ปล่อยหญิงสาวในอ้อมแขนออกทันที
ซูหยวนเองก็ผละออกจากอ้อมแขนเขาอย่างรู้งาน แล้วก็หันกลับไปพิงโต๊ะที่อยู่ด้านข้างแทน ท่อนขาเรียวยาวเบียดเสียดเข้ามาแนบชิดกับกางเกงชายหนุ่ม นัยน์ตาสีแอปริคอทเกิดเป็นรอยยิ้ม แลดูงดงามราวกับคลื่นน้ำที่สดใสในฤดูใบไม้ผลิ “เฉินซี ทำแบบนี้ ถ้าคุณอานเข้าใจผิดจะทำอย่างไร? มันจะไม่ดีนะ ให้ฉันไปอธิบายไหม?”
“ไม่ต้อง” ลี่เฉินซีปรามเธอสั้นๆ แค่สองคำ ขณะเดียวกันเขาก็ยืดตัวขึ้นพร้อมกับเดินไปทางหน้าต่าง “คุณมาที่นี่มีธุระอะไร?”
ซูหยวนมองไปทางชายหนุ่มด้วยแววตาคาดหวัง “มีเรื่องนิดหน่อย ตอนที่เราถูกสัมภาษณ์เมื่อคืน คุณบอกว่าจะมอบโครงการเหมืองแร่คาราเวอไรต์ให้ฉันเป็นการเซอไพรส์ นี่….ล้อเล่นใช่ไหม? ”
“ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?” ใบหน้าของชายหนุ่มหันไปด้านข้าง กรอบหน้าคมคายอาบไล้ไปด้วยแสงแดดอ่อนๆ ทั้งเย็นชา ทั้งกล้าหาญ รังสีแห่งความหล่อเหลาแผ่กระจายจนทำให้ใครต่อใครไม่กล้าจ้องมองตรงๆ
ซูหยวนหลุบตาลงด้วยความเขินอาย ใบหน้านวลเม้มริมฝีปากนุ่มเบาๆ “โครงการใหญ่ขนาดนี้ ฉันเองก็บริหารไม่เป็น ถ้ามอบให้ฉันแล้ว เกิดฉันทำพังขึ้นมา แบบนี้ก็ไม่ได้สิใช่ไหม?”
ลี่เฉินซีละสายตาไปจากเธอ ก่อนจะหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาทำให้เขาต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย “ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน อีกอย่าง ไม่ใช่ว่ายังมีผมอยู่เหรอ? ผมช่วยคุณเอง”
ซูหยวนชะงักไปเล็กน้อย เธอยังไม่ลืมสิ่งที่อาเจว๋กำชับกับเธอไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ว่าโครงการเหมืองแร่คาราเวอไรต์ที่อ่าวไห่ หากตกมาอยู่ในมือเธอแล้ว มันก็ไม่ต่างกับระเบิดดีๆ นี่เอง เธออาจจะต้องตายเพราะมันก็เป็นได้!
หญิงสาวกะพริบดวงตาด้วยความลังเล ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ เขาด้วยความรวดเร็ว มือบางเกาะแขนชายหนุ่มเบาๆ “คุณช่วยฉันมามากแล้ว ส่วนครั้งนี้ก็ลืมมันไปเถอะ ตกลงไหม?”
ใบหน้าหล่อเหลาของลี่เฉินซีก้มลงเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ วินาทีต่อมามือเรียวราวกับหยกสลักของชายหนุ่มก็ยกขึ้นลูบไล้มือบางที่เกาะอยู่เบาๆ “ทำไม? กลัวเหรอ?”