เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 795 ยังเป็นเด็กดีสักที
“อ๊ะ!”
ร่างบางของซูย้าวค้างอยู่กลางอากาศ หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเบาๆ
ท่อนแขนแกร่งของลี่เฉินซีรับเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอย่างแน่นหนา สายตาอันแหลมคมก้มลงมองเธออย่างลึกล้ำ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ยังไม่ถึงตอนกลางคืนเลยนะ เก็บเสียงคุณไว้ก่อน พอถึงตอนนั้นที่มีเสียงคุณร้อง…..”
ซูย้าวที่เพิ่งหลุดออกมาจากสภาวะตกตะลึงตอนเกือบล้มเมื่อครู่ ก็ต้องมาตกใจกับคำพูดไร้สาระของเขาอีก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวก็เริ่มเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ เธอเลยอดไม่ได้ที่จะแก้มแดงขึ้นมาเบาๆ
ซูย้าวรีบดันตัวออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ทำไมไม่อยู่เป็นเพื่อนคุณอู๋เขาดีๆ ล่ะ จะถ่อมาหาฉันทำไมอีก?”
ลี่เฉินซียังคงยืนอยู่ตรงนั้น เขามองมาที่เธอด้วยแววตานิ่งเรียบ พร้อมกับปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน “มาดูคุณนั่นล่ะ หึงอยู่จริงๆ ด้วย งั้นผมก็สบายใจแล้ว”
ซูย้าว “…….”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากด้วยอารมณ์เย้ยหยันเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางลู่วิ่ง ขณะที่กำลังกดปุ่ม เธอก็ออกเดินช้าๆ พร้อมกับพูดไปด้วยว่า “ไม่ต้องมาเล่นลิ้นแถวนี้หรอกนะ คุณลี่ คุณเอาเวลาว่างที่คุณมีไปอยู่เป็นเพื่อนคุณอู๋น่าจะดีกว่า ฉันไม่โกรธแล้วก็ไม่หึงหรอก รู้ไหมว่าเพราะอะไร?”
ซูย้าวพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเร่งจังหวะการวิ่งให้ไวขึ้น “ก็เพราะระหว่างเรามันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันเลยน่ะสิ!”
อย่างมากที่สุดเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นสามีเธอ แต่นั่นก็แค่เคยเป็น
ลี่เฉินซีมองดูเธอวิ่งบนลู่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาช้าๆ “เพราะงั้น คุณก็ยังโมโหหึงอยู่”
“ไม่ใช่” หญิงสาวปฏิเสธทันที
ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “คุณไม่ใช่ว่าไม่เชื่อผมเหรอ? ต่อให้ผมอธิบายให้คุณฟัง คุณก็ไม่เชื่อผมอยู่ดี เพราะงั้น ก็แล้วแต่คุณซูจะคิดก็แล้วกัน”
พูดจบ ชายหนุ่มก็เอื้อมมือออกไปกดปิดลู่วิ่ง ซูย้าวที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วอยู่เมื่อถูกหยุดกะทันหัน ร่างบางจึงเสียการทรงตัว แต่ลี่เฉินซีก็ยื่นมือออกมารับเธอไว้ได้ทันท่วงที เขาจับเธอไว้ได้อย่างมั่นคง ก่อนจะดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดของตัวเอง
ชายหนุ่มประคองศีรษะเธอไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำน่าดึงดูดว่า “แต่เมื่อครู่ที่คุณบอกว่าเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันงั้นเหรอ?”
ลี่เฉินซีแสร้งทำเป็นคิดหนัก “ผมรู้สึกว่าอาจจะต้องมีการยืนยันความสัมพันธ์กันหน่อยนะ ว่าระหว่างผมกับคุณซู มีส่วนเกี่ยวข้องกันรึเปล่า…..”
ขณะที่เขาพูด ชายหนุ่มก็กระชับอ้อมแขน ก่อนจะอุ้มร่างบางขึ้นจากพื้น ซูย้าวที่อยู่ๆ ก็ถูกยกขึ้นอย่างกะทันหันจึงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หญิงสาวเอื้อมมือออกไปคว้าคอเสื้อเขาโดยไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันก็ร้องโวยวายออกมาด้วย “คุณจะทำอะไรน่ะ? ปล่อยนะ! ปล่อย……”
มีหรือที่ลี่เฉินซีจะปล่อยเธอ ชายหนุ่มหันหน้ามองไปรอบๆ ก่อนจะอุ้มเธอเดินตรงไปทางห้องพักที่อยู่ด้านข้างทันที
ห้องพักมีขนาดไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับห้องออกกำลังกายด้านนอก ในห้องมีเตียงเล็กๆ อยู่หนึ่งเตียง เพื่อเอาไว้ใช้สำหรับพักผ่อน
ชายหนุ่มวางเธอลงเบาๆ ทันทีที่สัมผัสเตียง ซูย้าวก็รีบคว้าอีกฝ่ายเอาไว้ทันที มือบางขย้ำไปที่คอเสื้อของเขา ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “คุณอย่ามาทำอะไรรุ่มร่ามที่นี่นะ นี่คือบ้านตระกูลซู บ้านของฉัน!”
“บ้านของคุณแล้วมันอย่างไร?” ชายหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ ท่าทางดูไม่ชอบห้องเล็กๆ กับเตียงน้อยๆ นี้สักเท่าไร จึงไม่ทันได้ลงมือทำอะไร เขาเพียงแค่หลุบตาลงมองเธอพร้อมกับพูดต่อว่า “ไม่อย่างนั้น เราไปห้องนอนคุณกันไหม?”
ถ้าทำในห้องส่วนตัวของเธอ ความรู้สึกนั้น ความตื่นเต้น….
นัยน์ตาของเขามืดมิด เต็มไปด้วยความเงียบสงัด ซูย้าวขมวดคิ้วอย่างมาดร้าย “คุณคิดอะไรน่ะ? ใครบอกจะทำอะไรกับคุณ คุณ…….”
เขาทำเธอโกรธจนแทบทนไม่ไหวจริงๆ วินาทีนั้นหญิงสาวโมโหเลือดขึ้นหน้า และแทบจะควบคุมตัวเองไว้ไม่ไหว “ถ้าคุณอยากทำจริงๆ ก็ได้”
ลี่เฉินซีไม่คิดว่าเธอจะตอบตกลงไวขนาดนี้ ซึ่งมันทำให้เขาแปลกใจเล็กน้อย ขณะที่ชายหนุ่มหลุบตาลงมอง ก็ได้ยินเสียงเธอพูดขึ้นอีกว่า “ไปฆ่าเชื้อก่อน ฉันจะให้แม่บ้านหายาฆ่าเชื้อให้ แล้วก็แอลกอฮอล์…..”
เธอพูดไปพลางพร้อมกับยืดตัวขึ้นเตรียมเดินออกไปทางด้านนอก
ลี่เฉินซีชะงักไปชั่วขณะ ร่างสูงยืดตัวขึ้นพร้อมกับก้าวยาวๆ เข้าไปขวางเธอ ก่อนจะดึงมือบางไว้ “อะไรฆ่าเชื้อ?”
ถ้าจะพูดให้ถูกคือ ฆ่าเชื้ออะไร ฆ่าเชื้อตรงไหน?
เขาเป็นคนสะอาดสะอ้านมาตลอด วันหนึ่งอาบน้ำสองสามรอบ ทั้งตัวเขาสะอาดมาก ตกลงไหม?
ดวงตาคู่สวยกะพริบเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองไปยังร่างสูงที่ดูสะอาดสะอ้านตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ลากสายตาไปเรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่บริเวณส่วนเอวและหน้าท้องของเขา “แล้วคุณคิดว่าตรงไหนที่ควรฆ่าเชื้อล่ะ? คุณลี่ ของสาธารณะแบบนี้ ไม่ใช่ว่าก่อนใช้ ก็ต้องทำความสะอาดก่อนเหรอ? ถ้าใช้สองคนขึ้นไปหรือมากกว่านั้นมันอาจจะแพร่เชื้อออกมาก็ได้นะ!”
แววตายิ้มๆ ของลี่เฉินซีเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที
ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มตึงเครียด พร้อมกับเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเย็นชา ก่อนจะหันหน้าไปมองหญิงสาวที่ยังคงยิ้มเยาะอยู่ “ซูย้าว เก่งจริงๆ เลยนะ!”
เปลี่ยนมาใช้ลูกไม้อื่นเยาะเย้ยล่ะสิ!
เขายกมุมปากขึ้นเบาๆ ด้วยความพอใจ “ถ้าวันนี้ผมไม่ได้ลงโทษคุณดีๆ ล่ะก็ คุณลืมไปได้เลยว่าผมเป็นใคร!”
กล้าจะเอาคำว่าสกปรกมาวางไว้บนตัวเขานี่นะ!
รอยยิ้มบนใบหน้าของซูย้าวชะงักไป ก่อนที่เธอจะรีบถอยหลังโดยอัตโนมัติ เพื่อหาทางหนี ทว่ามันสายไปแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งทางกายภาพหรือพละกำลังเขาก็มีมากกว่าเธอในทุกๆ ด้าน ชายหนุ่มก้าวยาวๆ เข้ามาขวางเธอไว้ ก่อนจะคว้าแขนเล็กแล้วดึงเธอกลับไปที่เตียง จากนั้นก็ปลดเนกไทออกขณะที่จ้องมองเธอไม่วางตา “หึงก็บอกว่าหึงสิ มาใช้วิธีอื่นเย้ยคนแบบนี้ ซูย้าว ฟันเล็กๆ กับปากคมๆ ของคุณนี่ สอนเท่าไรก็ไม่จำเลยจริงๆ !”
“คนสกปรก อย่ามาแตะต้องฉัน!”
ซูย้าวขัดขืนไม่หยุด ขาเรียวของเธอพยายามดันเขาออก แต่ชายหนุ่มไม่สนใจเลยสักนิด เพียงไม่นานขาคู่นั้นของเธอก็อยู่ในการควบคุมของเขาเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่เขาจะหันกลับมามองเธออีกครั้ง
หญิงสาวทั้งร้อนรนทั้งโกรธจัด เธอกัดฟันด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่คำพูดมากมายจะพลั่งพรูออกมา “คนอย่างคุณนี่มันไม่รู้จักควบคุมตัวเองเลยนะ โปรยเสน่ห์ไปทั่ว เดี๋ยวก็ได้ติดโรคขึ้นมาจริงๆ หรือต่อให้ไม่ติดโรค เดี๋ยวก็มีสภาวะไตพร่อง”
ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะบีบแก้มเธอเบาๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจใส่บริเวณหูของเธอ “ที่รัก ผมมีสภาวะไตพร่องอยู่ คุณไม่รู้เหรอ? ทำไม? หรือยังต้องการให้ผมพิสูจน์”
“ผมก็ไม่ได้รังเกียจนะ เพียงแต่ คุณจะรับไหวเหรอ?” เขาแสยะยิ้มออกมาเบาๆ น้ำเสียงทรงเสน่ห์ยังตราตรึงและน่าดึงดูดไม่ต่างแม่เหล็ก ราวกับงูใหญ่ที่แสนจะดุร้าย อีกทั้งยังมีความสามารถในการเลื้อยไปเลื้อยมาอย่างคล่องแคล่วว่องไว
ซูย้าวกัดฟันด้วยความโกรธยิ่งกว่าเดิม ประเด็นสำคัญคือ เธอถูกเขาทำให้สูญเสียการควบคุมไปช้าๆ แบบนี้ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอายมากขึ้น คิดแล้วก็ยิ่งโกรธ พอโกรธก็ยิ่งทนไหว “ลี่เฉินซี ที่คุณอู๋ป้อนให้คุณมันไม่อิ่มรึไง? ถึงได้วิ่งมาหาฉันถึงนี่ ผู้ชายโลเลหลายใจแบบคุณ คู่ควรกับความรักที่คุณอู๋เขาให้มาเหรอ?”
“ปล่อยฉันนะ บอกแล้วไงว่าคุณมันสกปรก อย่าเอามือสกปรกนี่มาแตะต้องฉัน อย่า….”
หญิงสาวดิ้นรนอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้าย น้ำเสียงโกรธเคืองของเธอก็ถูกชายหนุ่มปิดกั้นไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์แล้ว ก็มีแต่เสียงครางหงิงๆ ของเธอที่เล็ดลอดออกมา
ทว่าผ่านไปไม่นาน หญิงสาวก็บังคับตัวเองไม่ให้ส่งเสียงออกมาอีก เพราะการดิ้นรนและเสียงกรีดร้องของเธออาจจะปลุกสัตว์ร้ายในตัวเขาให้ตื่นขึ้นมาก็ได้ เธอจึงพยายามไม่ทำอะไรต่อ
เดิมทีในเรื่องนี้ ชายหนุ่มก็ค่อนข้างจะบ้าระห่ำมาโดยตลอด ต่อให้เขาจะอยากจะเห็นใจหรืออ่อนโยนกับเธอสักเท่าไร แต่มันก็ทำได้ยากเสียเหลือเกิน ยิ่งเห็นเธอดิ้นรนหรือกรีดร้อง ใครที่ไหนจะไปทนไหวกัน?
แต่สุดท้าย เขาก็พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไว้พร้อมกับใช้นัยน์ตาลึกล้ำจ้องมองมาที่เธอ “ทำไมไม่ร้องล่ะ? ต่อสิ……”
เธอเบือนหน้าหนีด้วยความโกรธจัด รวมถึงไม่ยอมให้เขาจูบหรือสัมผัสอะไรอีก “รีบๆ ทำให้เสร็จ ฉันต้องไปอาบน้ำอีก……”
หลังจากพูดจบ ร่างทั้งร่างของเธอก็ถูกชายหนุ่มดึงเข้าสู่อ้อมกอด พร้อมกับเปลี่ยนท่าเป็นอีกแบบ “ผมเห็นคุณไม่เป็นเด็กดีสักที ก็บอกแล้ว ถ้าเชื่อฟังผมหน่อยก็จะลำบากน้อยลงหน่อยไง!”
ที่แท้ เพราะเธอไม่เป็นเด็กดี เขาถึงได้ยื้อยุดฉุดกระชากเธออยู่เป็นชั่วโมงแบบนี้
เหมือนกับการเดินทางอันแสนจะทรมาน ซึ่งกว่าหยุดลงได้ หญิงสาวจึงรีบใช้เท้าถีบเขาออกให้พ้นทาง ก่อนจะคว้าผ้าห่มผืนบางมาพันรอบตัว พร้อมกับวิ่งออกไปด้านนอกด้วยความตื่นตระหนก